แรกๆ หล่อนก็เชื่อตามที่แม่บอก เพราะทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านั้นฉายวาบขึ้นมาในหัว หล่อนจะเหมือนคนเพิ่งสะดุ้งตื่นจากฝันจริงๆ แต่นานวันหล่อนกลับเห็นภาพเหล่านั้นมากขึ้น ชัดเจนมากขึ้น และยิ่งโตหล่อนก็ยิ่งแยกแยะออกว่าอันไหนคือฝัน อันไหนคือภาพที่เห็นขึ้นมาในหัว
ในทุกครั้งที่หล่อนได้สัมผัสใครสักคน หล่อนก็จะเห็นเหตุการณ์สำคัญบางอย่างที่เกี่ยวกับคนคนนั้น ซึ่งภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน มันก็เป็นจริงในทุกครั้ง เพียงแต่ไม่มีครั้งไหนที่ร้ายแรงจนทำให้หล่อนตื่นตกใจ จนต้องไปยืนยันกับแม่ว่าสิ่งที่หล่อนเห็นไม่ใช่ฝัน
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้หล่อนเก็บไว้คนเดียวไม่ได้
‘แม่คะ!’
‘ฮันวอล! เป็นอะไรลูก’
‘หนูเห็นจองจุนขี่รถจักรยานตกไปในคลองประปา’
หล่อนในวัย 10 ปี รีบวิ่งหน้าตาตื่นไปหาแม่ เพราะจองจุนซึ่งเป็นลูกชายของคุณป้ามิซากิและเป็นเพื่อนเล่นกับหล่อนมาตั้งแต่เด็กกำลังจะมีอันตราย ภาพจุนจองที่ถลาลงไปในน้ำก็น่ากลัวจนหล่อนทนเก็บไว้คนเดียวไม่ได้
‘ฮันวอลแกเล่าว่าจองจุนไปขี่จักรยานบริเวณนั้นบ่อยๆ น่ะค่ะ ฉันเห็นว่าบางจุดราวกั้นคลองก็ชำรุด เอ่อ... คือ... ฮันวอลแกเห็นค่ะพี่ ตามนั้นค่ะ แกเห็นว่าแค่ตกลงไปค่ะ พี่ช่วยดูหน่อยนะคะ ค่ะพี่ ต้องขออภัยอีกครั้งนะคะที่ฉันโทร.มารบกวน ขอบคุณค่ะพี่ เดี๋ยวฉันจะกำชับฮันวอลค่ะ ค่ะพี่’
นั่นคือแม่คุยโทรศัพท์กับคุณป้ามิซากิซึ่งยังอยู่ที่ทำงาน ฟังเหมือนการบอกเล่าให้ทางนั้นระมัดระวังหากจองจุนจะออกมาขี่จักรยานเล่นนอกบ้าน แต่คำพูดของแม่บางคำกับสายตาที่มองมายังหล่อน เหมือนกับว่าคุณป้ามิซากิจะรู้อะไรอยู่แล้ว
‘คุณป้ามิซากิรู้เรื่องที่หนูเป็นเหรอคะแม่ แล้วคุณป้าจะไม่คิดว่าหนูเป็นตัวประหลาด’
เวลานั้นหล่อนอยากร้องไห้โฮ แม้จะแยกแยะได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหล่อนไม่ใช่ความฝันอย่างที่แม่บอก แต่หากจะมีคนอื่นรู้เรื่องเพิ่ม นั่นหล่อนจะไม่กลายเป็นบุคคลน่ารังเกียจไปเหรอ และสิ่งที่แม่จะกำชับหล่อนคืออะไร ทำไมคุณป้ามิซากิถึงได้รู้เรื่อง
‘ใจเย็นๆ ฮันวอล แม่มีเรื่องที่ต้องบอกหนู’
แม่บอกว่าสิ่งที่หล่อนเป็นอยู่เรียกว่า ‘ตาทิพย์’ ซึ่งคนภายนอกอาจมองว่าผิดปกติ เหลือเชื่อ งมงาย จนมากสุดอาจจะมองว่าหล่อนเป็น แม่มด หมอผี ผู้สื่อจิตวิญญาณ หรือมิจฉาชีพ แต่สำหรับคนในครอบครัวของแม่ เรียกสิ่งนี้ว่า ‘พรสวรรค์’ แต่กำเนิด เพราะครอบครัวฝ่ายหญิงของแม่ล้วนมีสิ่งนี้ติดตัว
แต่แม่ก็กำชับว่าหล่อนห้ามบอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น เพราะหล่อนยังเด็ก ยังมีเส้นทางชีวิตที่กว้างไกล ถ้าเรื่องนี้ไปรู้ถึงหูคนที่ไม่เข้าใจ คนไม่เชื่อ เขาก็จะคิดว่าหล่อนเพี้ยน และอาจเป็นผลเสียต่อตัวหล่อนเอง
จนมาถึงเรื่องที่เกิดกับพ่อที่เมืองไทย จึงมีแค่หล่อนกับแม่ที่รับรู้ก่อนเหตุจะเกิด
จนถึงปัจจุบันที่แม่ดำรงชีพด้วยการเป็น ‘หมอดูตาทิพย์’ ตามที่ยายแนะนำว่าถึงเวลาแล้ว แต่หล่อนก็ไม่เคยรู้เลยว่าแม่ต้องทำอะไรมากมายเพื่อพ่อ เพื่อไม่ให้ภาพความฝันนั้นเป็นจริง แม้มันจะไม่สำเร็จ เพราะไม่อาจยื้อความตายให้มาพรากพ่อไปได้ แต่แม่ก็อยากให้หล่อนได้ลองสักครั้ง
และเวลานี้แม่ส่งหล่อนล่วงหน้ามาก่อน เพื่อมาทำในสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน
ฮันวอลครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมามากมายและก็ถึงวันที่หล่อนต้องใช้สิ่งที่มีติดตัวนี้เพื่อช่วยใครบางคน คนที่เกี่ยวพันจนกระตุ้นสัญชาตญาณในร่างกายของหล่อนให้ตื่นขึ้นมา คนที่แม่บอกว่าหล่อนต้องช่วยเขาให้ได้ เพราะเขาเป็นคนที่หล่อนผูกพัน ไม่อย่างนั้นทั้งหล่อนและแม่คงไม่ฝันเห็นเขา
คนที่ขนาดเห็นในฝันยังทำให้ใจหล่อนเต้นรัว เพราะเขาหล่อมาก หล่อแบบหล่อนอยากสยบแทบเท้า แล้วใช่คนที่กำลังก้าวอาดๆ เข้ามาไหม
ผู้ชายตัวสูงหล่อจัดชัดจริงไม่ต่างอปป้าที่มหาวิทยาลัย ใส่กางเกงสแล็คสีเทา เสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนเดินตรงมาที่หล่อนนั่งอยู่
คนที่แม่บอกว่าเมื่อมาถึงเมืองไทยหล่อนจะได้เห็นเขาเอง เพราะชะตาชีวิตขีดไว้ให้หล่อนได้เจอ หล่อนก็ต้องเจอ เพราะเขาคือ ‘ภาพตะวัน’ ว่าที่คู่หมั้นของหล่อนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
‘ฮันวอลพี่ขอโทษ’
เสียงของเขาเหมือนจะยังก้องอยู่ข้างใบหู สายตาของเขาที่มองหล่อนอย่างเว้าวอนขอโทษ ช่างต่างจากเจ้าของดวงตาคมเข้มที่มองมาอย่างไม่สบอารมณ์นี้นัก จะเป็นคนเดียวกันได้จริงๆ เหรอ เพราะดูยังไง เขาก็ไม่ชอบขี้หน้าหล่อนชัดๆ
แต่หล่อน... เรียกว่ารักแรกพบได้ไหม ก็หล่อนแพ้ทางคนหล่อ
“ฮันวอลใช่ไหม”
เสียงออกติดจะขุ่นของเขาพูดกับหล่อน แต่ใครจะถือกันล่ะ มีแต่อยากจะวาง โดยเฉพาะอยากวางหัวใจไว้กับเขา ผู้ชายบ้าอะไรหล่อขนาดนี้ เสียงก็ทุ้มหล่อ หล่อแบบมีตัวตนตรงหน้า ไม่ใช่แค่ฝันแล้วมโนคนหล่อไปเอง แล้วคนหล่อต้องประทับใจในตัวหล่อนใช่ไหม
ฮันวอลลุกขึ้นยืน โค้งแบบสุภาพที่สุดและเอ่ยคำทักทาย
“อันยองอปป้า”
“พูดไทยได้ใช่ไหม”
เสียงห้วนถามไม่ได้สนใจคำทักทายก็ทำให้หล่อนต้องมองเขาแบบกล้าๆ กลัวๆ นั่นไงแววตาไม่สบอารมณ์ ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ไปโมโหใครมานะ หรือว่าง่วงแล้ว ก็คงจะใช่ เพราะนี่ก็ 4 ทุ่มกว่าแล้วนี่ แต่ผู้ชายโตเต็มวัยขนาดนี้ นอนตอน 4 ทุ่มเหรอ