บทที่ 8 แรกค้าง

3113 Words
แบร์รี่แทบไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมถึงได้มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในรถยนต์สีดำคันหรูอีกครั้งในเวลาเกือบจะเที่ยงคืน ทุกอย่างมันบังเอิญไปหมดราวกับถูกจับวาง “หนาวเหรอ” แบร์หันไปมองคนถามก่อนจะส่ายหน้า “เปล่าหรอก” ไม่ได้หนาว แค่ตื่นเต้น ได้พูดคุยกับคนที่ตัวเองปลื้มก็ว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว เหลือเชื่อกว่านั้นคือคนที่ปลื้มขับรถไปส่งที่บ้าน และแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก กับการจะได้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของคนที่ตัวเองปลื้มอย่างคอนโดมิเนียม “แล้วไปไหนมา ทำไมกลับหอดึก” แรกถาม เหลือบสายตามองสำรวจคนข้างกายว่าบาดเจ็บหรือเป็นอะไรหรือไม่ด้วยความเป็นห่วง “ไปกินข้าวกับรุ่นพี่แล้วลืมดูเวลา นึกขึ้นได้ก็เลยเวลาเข้าหอพักไปแล้ว” ทั้งลืมและไม่ได้สนใจโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ แม้ว่ารูมเมทจะส่งข้อความมาถามว่าจะกลับหอไหม เขาก็ไม่เห็นและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สุดท้ายก็เข้าหอพักไม่ทันอย่างที่เห็น “ดื่มมาด้วยเหรอ” แรกได้กลิ่นมาสักพักแล้วก็เลยถาม แถมช่วงที่รถชะลอตัว ก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อดอมดมให้แน่ใจว่าตัวเองคิดไม่ผิด แบร์รี่เกร็งร่างกายรับใบหน้าคมที่ยื่นเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งแทบจะชนแก้ม “นิดหน่อยน่ะ ไม่ได้ดื่มเยอะ” ยังดีที่แรกโฉบหน้าเข้ามาแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น แบร์รี่ถึงได้หายใจหายคอสะดวก “แล้วหิวไหม อยากให้แวะซื้ออะไรก่อนกลับห้องหรือเปล่า” แรกถาม “ไม่ เราไม่กินตอนกลางคืนเท่าไหร่” “มิน่า ถึงได้ตัวเล็กแค่นี้” ก็มันต้องรักษาหุ่นนี่นา “งั้นกลับห้องกันเลยนะ” แบร์รี่มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนพูด แอบคิดลึกไปกับคำพูดสั้นที่แสนเรียบง่าย แต่สั่นคลอนหัวใจของแบร์รี่เข้าอย่างจัง ‘งั้นกลับห้องกันเลยนะ’ แรกทำเหมือนพวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างนั้นแหละ บ้าจริง กลั้นยิ้มไม่ได้เลยแม่! แบร์รี่หันไปทางกระจกด้านข้าง ลอบยิ้มกับตัวเองไม่ให้อีกคนเห็น โดยไม่รู้เลยว่ากลางคืนแบบนี้ เงาสะท้อนที่ปรากฏขึ้นบนกระจกฟ้องอาการทั้งหมดสู่สายตาคม แรกกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดสุดหรู ที่ในค่ำคืนนี้จะมีแขกเข้ามาร่วมซุกกายหลับนอน แบร์รี่สูดลมหายใจระงับอาการตื่นเต้น ลงจากรถแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้างช้าๆ จนร่างสูงต้องหันกลับมาพร้อมกับโครงศีรษะให้รีบเดินมาเคียงข้าง ห้องพักของแรกอยู่ชั้นที่17 มองภายนอกอาคารก็ว่าน่าอยู่แล้ว แต่ภายในห้องของแรกกลับให้ความรู้สึกยิ่งกว่า การตกแต่งห้องราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแต่งบ้านอย่างไรอย่างนั้น “ชอบไหม” แรกถามแบร์รี่ที่มองสำรวจห้องตัวเองด้วยความสนใจ “ชอบ แรกแต่งห้องสวยจัง” “เราไม่ได้แต่งเองหรอก จ้างอินทีเรียแต่ง” “แต่เหมาะกับแรกดีนะ” เครื่องเรือนเกือบทุกชิ้นจะเป็นสีดำและสีทอง โดยเฉพาะหินอ่อนสีดำที่สวยสะดุดตา เป็นสไตล์ลักซ์ชัวรี่ที่สื่อถึงผู้ชายมาดแมนดุดันทว่ายังคงอ่อนโยนอยู่ในที เหมือนเจ้าของห้องไม่มีผิด รูปร่างภายนอกแลดูดุดัน แต่ภายในนั้นกลับอ่อนโยนและใจดี ดูเหมือนว่าตอนนี้แบร์รี่จะก้าวข้ามคำว่าปลื้มมาเป็นคำว่าชอบเสียแล้ว “แบร์ จะอาบน้ำเลยไหม” เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้แบร์รี่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขาไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีข้าวของเครื่องใช้อะไรสักอย่าง ไหนจะที่ล้างเครื่องสำอาง รวมไปถึงครีมบำรุงหน้าบำรุงตัวอีก โอเค พวกนั้นอาจจะไม่สำคัญ แต่ชั้นในกับเสื้อผ้าและคลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางคือสิ่งที่จำเป็นพอสมควร “คือ เราไม่มีของอะไรเลยอะแรก” แบร์รี่มีสีหน้ากลัดกลุ้มใจ “ครีมอาบน้ำยาสระผมใช้ของเราได้ ชุดนอนก็ใส่ของเรา แบร์อยากได้อะไรอีก” แรกถาม “เราอยากได้ที่ล้างเครื่องสำอางน่ะ แต่ช่างมันเถอะ” แบร์รี่ไม่อยากทำตัวยุ่งยากให้แรกต้องวุ่นวาย ไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับไปล้างหน้าแบบสะอาดๆ ที่หอพักอีกที “เรามีแต่โฟมล้างหน้า แต่ถ้าอยากได้ที่เช็ดเครื่องสำอางเดี๋ยวเราพาลงไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อใต้คอนโด โอเคไหม” “ไม่เป็นไรหรอกแรก ยุ่งยากเปล่าๆ เดี๋ยวล้างโฟมเอาอย่างเดียวก็ได้” “ไม่ยุ่งยากเลย ไปเถอะ ลงลิฟต์ไปแป๊บเดียวเอง” แรกดึงกระเป๋าออกจากมือของแบร์รี่วางไว้ที่โซฟา จากนั้นก็คว้าข้อมือเล็กพาเดินออกจากห้อง “เดี๋ยวแรก เดี๋ยว กระเป๋าตัง” แบร์รี่ขืนตัวไว้ เอี้ยวตัวหันไปมองกระเป๋าของตัวเอง มือไม้กวัดไกว่เล็กน้อยให้อีกคนหยุดเดิน “ไม่เป็นไร เราพกกระเป๋าตังมา” คิ้วเรียวสวยที่ผ่านจากการกันขมวดเข้าหากัน แรกพกกระเป๋าตังแล้วมันยังไง ในเมื่อถ้าเขาจะซื้อของเขาก็ต้องซื้อด้วยเงินของตัวเองสิ ไม่ทันได้ทักท้วงอะไรด้วยซ้ำเพราะยังสับสนมึนงง รู้ตัวอีกทีก็มาถึงร้านสะดวกซื้อแล้ว นัยน์ตาหวานหลุบต่ำมองข้อมือของตัวเองที่ยังถูบกอบกุมไว้อยู่ เป็นสัมผัสที่ชวนให้อุ่นวาบอยู่ในอก จนต้องเม้มริมฝีปากไม่ให้หลุดยิ้ม “เอาอันไหนแบร์” แรกปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระ แบร์รี่ออกจากความคิดฟุ้งซ่าน รู้สึกเสียดายเล็กน้อย อยากให้แรกจับไว้นานๆ แบร์รี่หยิบคลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางขวดเล็กมาหนึ่งขวด ก่อนจะเห็นตะกร้าใส่ของที่คนแรกยื่นมาให้เขาวางของลงไป “แรก ห้องแรกมีสำลีไหม” แบร์รี่ถาม “ไม่มี ซื้อไปด้วยสิ เหมือนจะอยู่ช่องนี้นะ” แรกตอบแล้วก็เดินอ้อมไปหยิบสำลีแผ่นใส่ตะกร้าโดยที่แบร์รี่ไม่ต้องตัดสินใจด้วยซ้ำ คนตัวเล็กได้แต่เดินตามหลังไป บรรยากาศรอบตัวคนทั้งคู่อวบอวลไปด้วยฟีลเตอร์สีชมพู ใครมองมาก็คิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกัน “อ๊ะ ต้องซื้อแปรงสีฟันไปด้วย” “ยี่ห้อนี้ดีนะ” แรกช่วยเลือก “อืม แต่หัวแปรงมันใหญ่ไป คับปาก” “ใหญ่ไปเหรอ” แรกขมวดคิ้ว มองแปรงสีฟันแล้วก็มองปากอิ่มอย่างพิจารณา อืม ถึงริมฝีปากจะอิ่ม แต่ก็เล็ก อาจจะอ้ากว้างมากไม่ได้ “ลองอ้าปากสิ” ด้วยความอยากรู้ แรกก็เลยเผลอออกปากสั่ง “ห๊ะ” แบร์รี่ตกใจที่อยู่ๆ แรกก็สั่งให้เขาอ้าปาก แถมสีหน้ายังจริงจังเหมือนต้องการให้เขาทำจริงๆ “อ้าปากหน่อย จะวัดดูว่าหัวแปรงมันใหญ่ไปจริงหรือเปล่า” ถึงจะมึนงงกับคำสั่ง แต่สุดท้ายแบร์รี่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย อ้าปากกว้างเหมือนตอนไปตรวจฟัน เมื่อเห็นว่าปากเล็กค่อยๆ อ้าออกกว้าง ใบหน้าคมก็กดต่ำเพื่อเพ่งพิศมอง พร้อมกับลองเอาแปรงสีฟันที่อยู่ในกล่องไปวางทาบตรงตำแหน่งวงปาก ก็ค้นพบว่ามันน่าจะใหญ่ไปจริงๆ หัวแปรงทรงนี้ใช้กับปากเขาได้ แต่ไม่เหมาะกับปากเล็กๆ ของคนตรงหน้า แต่ว่า...ความใหญ่ของหัวแปรงขนาดนี้ยังคับปากไป แล้วถ้าเจอสิ่งที่ใหญ่กว่าหัวแปรงสีฟันจะทำยังไง “แอก ออ อัง” (แรก พอยัง) แบร์รี่ร้องถามเมื่อรู้สึกเมื่อยปาก คนที่จิตใจไม่บริสุทธิ์เพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอคิดอะไรลามกออกไป ยิ่งเห็นลิ้นสีชมพูเหมือนลูกแมวขยับพลิ้วไหว ความร้อนทั้งหมดในร่างกายก็ไหลลงไปสู่กลางลำตัว สาเหตุมาจากภาพที่สุดแสนจะอนาจารที่ลอยวาบเข้ามาในหัว เชี่ยเอ้ย คิดอะไรแบบนี้กลางที่สาธารณะเนี่ยนะไอ้แรก! “อ่า แฮ่ม งั้นแบร์เลือกเอาที่ตัวเองโอเคเลย อันนี้มันใหญ่ไปจริงๆ นั่นแหละ” คราวนี้กลายเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ไม่กล้าสบตา แถมยังเสียอาการจนต้องรีบเบี่ยงตัวหลบสายตา ไม่อยากให้อีกคนจับได้ว่าเขาคิดไม่ดีกับริมฝีปากของเจ้าตัว และสถานการณ์ระหว่างคนสองคนยิ่งกระอักกระอ่วนเข้าไปใหญ่ เมื่อแบร์รี่เหลือบไปเห็นกางเกงชั้นในบนชั้นวาง ร่างเล็กกำลังจะยื่นมือออกไปหยิบด้วยความดีใจ แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าใครอีกคนยืนอยู่ด้านหลัง จึงรีบหันกลับไปมอง แทบจะในทันทีที่ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนที่สายตาของแรกจะเลื่อนไปมองของที่มือบางกำลังจะเอื้อมหยิบ จากนั้นความร้อนที่อัดแน่นอยู่ตรงกลางกายเมื่อสักครู่ก็ดีดตัวสูงขึ้นมาที่ใบหน้า ต้องรีบหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย ปล่อยให้คนตัวเล็กได้มีเวลาเลือกของใช้ส่วนตัว ทั้งที่พวกเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน การเลือกกางเกงชั้นในไม่น่าเป็นเรื่องน่ากระดากอายขนาดนี้ เลือกซื้อของใช้จำเป็นเสร็จ แรกก็ถือถุงข้าวของให้แบร์รี่ ถึงอยากจะเอามาถือเองแต่ร่างสูงก็ไม่ยอม เลยได้แต่เดินตัวลีบๆ เคียงข้างร่างสูงกลับขึ้นห้อง แรกให้แบร์รี่อาบน้ำก่อน ส่วนตัวเขายืนดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็น หวังให้ความเย็นช่วยดับความร้อนรุ่มที่พุ่งพล่านอยู่ในกาย อาจจะมีคนสักสิบในร้อยที่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้คิดไม่ดีกับคนที่ตัวเองชอบได้ แต่แรกไม่ใช่หนึ่งในสิบคนนั้น เขาเป็นหนึ่งในเก้าสิบที่สมองสามารถจินตนาการภาพลามกเกี่ยวกับคนที่ชอบได้แทบจะตลอดเวลา ยอมรับเลยว่าชอบและถูกใจ ในสายตาแรก ผู้ชายตัวเล็กๆ ผิวสีน้ำผึ้งคนนี้น่ามอง ไม่รู้ทำไม แต่รู้ตัวอีกทีก็ละสายตาไม่ได้แล้ว แบร์รี่อาจจะไม่ได้ดูดีในสายตาคนบางคน นั่นเพราะความชอบและสเปกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่สำหรับแรกอีกนั่นแหละ แรกไม่เคยกำหนดสเปกของตัวเอง เขาแค่เชื่อว่าใครที่ดึงดูดสายตาเขาได้ นั่นแหละคือคนที่ถูกใจเขา แล้วตอนนี้คนคนนั้นก็คือแบร์รี่ ไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์ ปฏิกิริยา คำพูดคำจา และรอยยิ้ม แรกยอมรับว่าพึงพอใจทุกอย่าง แต่เขาก็รู้ว่าในความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้น คุณสมบัติพวกนี้มันยังไม่พอ นิสัยใจคอเชิงลึกเป็นยังไง ข้อดีคืออะไร ข้อเสียคืออะไร จะคบกันก็ต้องยอมรับได้ทั้งสองด้าน และมากกว่าเรื่องพวกนั้นแล้ว ต้องอาศัยอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนได้ เพราะเรื่องบนเตียงก็สำคัญไม่แพ้กัน ถึงเขาจะยังเป็นแค่เด็กปีหนึ่งที่อายุเพียงสิบเก้าปี ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลไปจนถึงขั้นนั้น แต่คิดและวางแผนไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร “แรก” เสียงหวานใสดังขึ้น แรกหันไปมองแบร์รี่ที่อยู่ในชุดนอนของตัวเอง น่ารัก ขายาวๆ ก้าวเข้าไปใกล้ จับคอเสื้อนอนแขนยาวที่ไหล่ตกเอียงไปข้างหนึ่งให้เข้าที่ กับกางเกงขาสั้นที่ตัวเล็กสำหรับเขาไปสักหน่อย แต่พอไปอยู่บนตัวของแบร์รี่ก็ยังถือว่าใหญ่อยู่ดี “หลวมไปไหม” “ไม่เป็นไร ก็แรกตัวใหญ่” “แล้วถือนี่ออกมาทำไม” แรกก้มมองของในมือเล็ก ที่เช็ดเครื่องสำอางกับสำลีแผ่น “ก็ไม่ได้ใช้แล้ว พรุ่งนี้เช้าจะได้ไม่ต้องเก็บ” “ก็ไม่ต้องเก็บหรอก เอาไว้นี้แหละ” “แรกจะเอาไว้ใช้เหรอ” “เปล่า เอาไว้ให้แบร์ใช้นั่นแหละ คราวหน้ามาจะได้ไม่ต้องหิ้วมาหรือซื้อใหม่” แรกแย่งของในมือเล็กมาถือ “งั้นเราไปอาบน้ำก่อน จะได้เข้านอนกัน” คนหล่อยิ้มมุมปากอีกนิด ก่อนจะเดินผ่านร่างที่แข็งทื่อของแบร์รี่เข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้คนที่เคยฉลาดแต่ต้องกลับกลายเป็นคนโง่ยืนค้างเติ่ง เพียงเพราะตีความประโยคสั้นๆ นั้นไม่ออก เอาไว้ให้เขาใช้...ถ้ามันอยู่ที่ห้องแรกเขาจะใช้ยังไง คราวหน้ามาจะได้ไม่ต้องหิ้วมาหรือซ้ำใหม่...ยังจะมีโอกาสหน้าให้เขาได้มานอนห้องนี้อีกเหรอ ถ้าจะมี เขาจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนถึงจะได้มานอนห้องแรกอีกรอบ หรือแค่เป็นเพื่อนแรกก็มานอนได้แล้ว ไม่ต้องสนิทกันก็มาได้เหรอ เพราะฉะนั้น การที่ให้เขามาค้าง มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษใช่ไหม ว๊า แย่จัง น้องแบร์ก็หลงดีใจ คิดว่ามีใจให้ถึงได้ชวนเรามานอนค้างที่ห้อง หัวใจที่สูบฉีดเลือดเร็วแรงเมื่อสักครู่ค่อยๆ ฟีบลงจนเข้าขั้นห่อเหี่ยว เดินลากขาไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่ต้องอยู่ในห้องคนอื่น ถ้าเป็นบ้านของโอคงรู้สึกสบายตัวมากกว่านี้ อย่างน้อยๆ จะนั่งนอนหรือตีลังกาเล่นยิมนาสติกก็สามารถทำได้ จะเดินไปไหนมาไหนก็ทำได้ แต่เพราะว่าไม่ใช่ แบร์รี่ก็เลยไม่กล้าเดินซนไปมา ได้แต่นั่งนิ่งๆ ใช้เพียงสายตาสำรวจมอง ระหว่างรอเจ้าของห้องอาบน้ำ ร่างเล็กก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปพลางๆ เสิร์ชหาวิธีอัดวิดีโอแบบไทม์แลปส์ เผื่อว่าไม่ยาก จะได้ทำเองได้ แต่พอร่างกายได้อาบน้ำชำระล้างจนสบายตัว เจอแอร์เย็นๆ ดวงตาก็ค่อยๆ ปรือปรอย จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่ก็ยังฝืนอยู่ “แบร์ มานั่งทำอะไรตรงนี้” แรกเดินออกมาจากห้องนอน เห็นร่างเล็กเอนนั่งพับเพียบอยู่บนโซฟา ดวงตาที่เคยกลมโตหรี่ปรือมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง “ง่วงแล้วทำไมไม่ไปนอน” “แรกให้เรานอนที่ไหน” แบร์ถาม ขยับลุกขึ้นนั่งดีๆ “ก็นอนบนเตียงไง ไม่นอนบนเตียงแบร์จะนอนที่ไหน” ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมแบร์ถึงถามแบบนั้น แต่คนที่ถือว่าตัวเองเป็นแขกก็รู้สึกว่าถ้าเจ้าของห้องไม่บอก จะให้เขาไปถือวิสาสะนอนเตียงคนอื่นได้อย่างไร โดยเฉพาะเตียงของผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบ ทำแบบนั้นก็ถือว่าผิดผีสิ “จะให้เรานอนเตียงกับแรกเหรอ มันไม่ดีหรอก เรานอนโซฟาก็ได้” แบร์รี่ช้อนตามองทำตาปริบๆ “ไม่ได้ ไปนอนในห้องดีๆ นอนโซฟามันไม่สบายหรอก” “อะ เอางั้นเหรอ” “เอาอย่างนั้นแหละครับ ลุกเร็ว เข้าไปนอนได้แล้ว” ก็ถ้าแรกจะตื้อขนาดนี้ น้องแบร์ก็ต้องไปนอนกับเขาที่เตียงสิคะ! จะรอให้ใครมาตัดริบบิ้นล่ะ โอกาสงามๆ แบบนี้ ปล่อยให้หลุดมือก็โง่เต็มทีแล้ว แบร์รี่ลุกจากโซฟา คว้าโทรศัพท์ติดมือมาเพียงอย่างเดียว ยืนรอที่หน้าประตูห้องนอน ให้แรกเดินไปปิดไฟปิดเครื่องปรับอากาศจนเรียบร้อยก็เดินตามหลังเขาเข้าไปในห้องนอน เตียงหลังใหญ่ของแรกตั้งอยู่กลางห้อง หัวเตียงชิดพนังคล้ายกับจะเป็นบิวท์อินติดเป็นชิ้นเดียว แรกเดินอ้อมไปทางด้านซ้าย แบร์รี่ก็เลยทิ้งตัวลงนั่งที่ด้านขวา “แอร์เย็นไปไหม” แรกถามด้วยความเป็นห่วง เขาเปิดแอร์ไว้ที่ยี่สิบสี่องศา ไม่ได้หนาวอะไรขนาดนั้น แต่ก็ยังนึกเป็นห่วงคนที่ตัวเล็กกว่า กล้ามเนื้อก็น้อย ไขมันก็ไม่มี แบบนี้ร่างกายจะอบอุ่นได้ยังไง “ไม่หรอก” แบร์รี่พูดปด ทำไมจะไม่เย็น แต่ไม่ถึงกับปากสั่นจนทนไม่ไหว “แน่ใจนะ” “อืม” “โอเค งั้นเราปิดไฟเลยนะ” แบร์รี่พยักหน้า แรกกดรีโมทปิดไฟในห้อง เปิดไว้แค่โคมไฟที่หัวเตียง นั่งมองจนคนตัวเล็กเอนตัวลงนอน ก็ช่วยจับผ้าห่มคลุมตัวให้ หัวใจดวงน้อยๆ ที่ได้รับการดูแลเทคแคร์เป็นพิเศษเต้นโครมครามจนได้ยินเสียงอย่างชัดเจน จากที่ง่วงๆ ก็ตาสว่าง คืนนี้จะข่มตาหลับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ มันตื่นเต้นไปหมด ไม่ใช่แค่แบร์รี่คนเดียวที่คิดและรู้สึกแบบนั้น แรกพยายามข่มจิตใจของตัวเองให้สงบ แบร์รี่ไม่รู้หรอกว่าตอนที่ช้อนตามองแล้วใช้เสียงอ้อนๆ ถามเรื่องนอนบนเตียงเดียวกับเขา มันน่าดึงเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงขนาดไหน มันเขี้ยวสุดๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ยังไงก็ต้องให้เกียรติอีกคน แม้ว่าความอดทนของแรกจะค่อยๆ ลดน้อยถอยลงทุกที ตอนที่อีกคนตะแคงหน้าเข้าหาแล้วใช้ดวงตาสุกสกาวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าจ้องมอง “ขอบคุณนะแรกที่ให้มาค้างด้วย” ถ้าไม่มีแรก คืนนี้แบร์รี่ก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราเต็มใจ นอนซะ พรุ่งนี้เราจะไปส่งที่หอแต่เช้า” แรกพูดเสียงนุ่ม มือเกิดอาการกระตุก อยากจะลูบแก้มเนียนดูว่านุ่มมือไหม แต่ก็ไม่ได้ทำ จนกระทั่งอีกคนพลิกตัวนอนหันหลังให้ แก้มใสก็อันตรธานหายไปจากสายตา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสังเกตเห็นว่าแบร์รี่หันหนีไปเพราะเขินอาย แค่นอนข้างกันลูกหมีน้อยยังเขินขนาดนี้ ถ้าทำมากกว่านี้จะเป็นลมหรือเปล่านะ แรกก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่ในความมืดเพียงลำพัง เพราะคนข้างกายนั้นเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วเรียบร้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD