บ้านเตชะภูวนนท์
“คุณยายค้าบ เอเดนกลับมาแล้ว” เสียงแจ๋วดังลั่นบ้านแล้วก็วิ่งแจ้นไปหาคุณยายที่ห้องนั่งเล่น
“เป็นยังไงบ้าง สนุกไหม” มาดามขวัญเดือนเอ่ยถาม พลางแก้มหอมหลานชายด้วยความคิดถึง ดูจากสีหน้าแล้วคงบอกได้เลยว่ามีความสุขมากแน่
“สนุกมากเลยฮับ” หนุ่มน้อยฉีกยิ้มแป้นแล้นบอก
“เห็นสาว ๆ ไม่ได้ ระริกระรี้เชียวนะ ชอบพี่คนนี้หรือไงเอเดน” เพลงตาเอ่ยแซวเมื่อเห็นท่าทางดี๊ด๊าของลูกชายออกนอกหน้าเกิน จนทำให้เธอนึกอยากจะเจอหน้าเหลือเกิน ว่าจะสวยแค่ไหนเชียว
คงไม่มีมีดีแค่หน้าตา นิสัยต้องเลิศอีกด้วย มารดาถึงได้เอ่ยปากชมไม่หยุด
“ชอบมากเลยฮับ เสียดายหม้ามี้กับอีวานไม่ได้เจอ พี่ภาน่ารักมาก คุณยายฟ้าก็ทำขนมอร่อย คุณตาชาติสอนเอเดนต่อยมวยด้วย” หนุ่มน้อยคุยอวดว่าตัวเองได้ไปทำอะไรบ้างที่บ้านของพี่ภาคนสวย แล้วยังแสดงท่าทางต่อยมวยที่คุณตาชาติสอนมาให้คุณยายกับหม้ามี้ดูอีก
“จริงอะ ดีจังเลย ถ้าเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะ หม้ามี้จะอนุญาตให้ไปนอนด้วยทุกอาทิตย์ ถ้าเป็นเด็กดื้อก็ไปเรียนพิเศษกับอีวาน โอเค ตกลงตามนี้นะคะคุณลูกชาย”
นอกจากเจ้าเล่ห์และเจ้าชู้ ยังไม่ชอบเรียนพิเศษอีกด้วย เธอได้โอกาสทำเป็นข้อตกลงซะ จะได้ลดความซนลงหน่อย แค่นี้เธอกับพี่เลี้ยงก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
“ฮับหม้ามี้ เอเดนไม่ยอมไปเรียนพิเศษหรอก ให้อีวานกับพี่ลิลลี่ไปเรียนเถอะ เอเดนขี้เกียจ”
“นิ ๆ เอเดน พี่สาวคนนั้นน่ะ สวยมากไหม พี่ลิลลี่อยากเห็นหน้าจังเลย มีรูปปะ” สาวน้อยคนเป็นพี่สะกิดด้วยความอยากรู้อีกคน
“มีสิ เอเดนเพิ่งถ่ายมาวันนี้” มือป้อมน้อยหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดเข้าคลังภาพ แล้วเปิดรูปพี่ภาคนสวยกับเขาที่ถ่ายตอนไปสวนสาธารณะด้วยกันและมีภาพตอนไปกินโจ๊กตอนเช้าด้วย
“สวยเหมือนกันนะเนี่ย หม้ามี้ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยขนาดนี้มาก่อน” เพลงตาเอ่ยปากชมความสวยของหญิงสาว สมกับที่มารดาของเธอและลูกชายตัวแสบคุยไว้ไม่มีผิด ถึงแม้ว่าตอนใส่แว่นจะดูเหมือนยัยเฉิ่มก็ตาม แต่พอถอดแว่นเท่านั้นแหละสวยเหมือนนางฟ้า
“พี่ภาของเราสวยป่ะอีวาน” เอเดนถามคู่แฝดกลับ
“สวยน่ะ สวยเหมือนนางฟ้าเลย อีวานอยากเห็นตัวจริงบ้างจัง”
“ไม่ให้เห็นหรอก เดี๋ยวนายชอบพี่ภาของเรา แต่ว่าตอนนี้เราจองพี่ภาให้กับลุงเพลิงแล้ว”
“หือ?? หมายความว่ายังไงลูก” เพลงตาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับคำพูดของลูกชาย
“ก็ลุงเพลิงบอกกับเอเดนว่า จะฉุดพี่ภาทำเมีย” ด้วยความไร้เดียงสาจึงพูดออกไปจนหมดไม่มีการโกหกเลยสักนิด
“ตาเพลิง!!!” มาดามขวัญเดือนได้ยินรีบหันไปหยิกแขนลูกชายอย่างแรง
“โธ่แม่! ไปเชื่อคำพูดหลาน เอเดนน่ะมาตื๊อให้ผมจีบยัยเฉิ่มนั้น แล้วยังสบประมาทอีกว่า ถ้าแน่จริงก็จับยัยเฉิ่มทำเมียให้ดูหน่อยสิ พูดมาขนาดนี้มีหรือคนอย่างผมจะยอมได้ ดูแล้วกันว่าร้ายขนาดไหน ร้ายจนผมหลงกลเลยนะเนี่ย เปลี่ยนใจก็ไม่ทันด้วย” เขาอยากจะบ้าตายเหลือเกิน โดนเด็กเล่นงานจนได้
“แม่สนับสนุนนะ ถ้าได้หนูภาเป็นลูกสะใภ้จะดีมาก ทำอาหารก็อร่อย ทำงานก็เก่งอีก นิยัยเพลงรู้หรือเปล่าว่าหนูภาจัดการแม่วีนัสซะน่วมเลยนะ แม่ได้ข่าวว่าตอนนี้ไปโมหน้าใหม่ด้วย”
“จริงเหรอคะแม่ ก็ดีเหมือนกันจะได้มาช่วยกำราบพี่เพลิงสักที คนอะไรเจ้าชู้เป็นพ่อปลาไหลไปได้”
“ต้องเจอด้วยตัวเองแล้วจะรู้ว่าหนูภาน่ารักแค่ไหน”
นี่ไม่ได้อวยเลยนะ ความจริงทั้งนั้น
“คุณลุงพูดแล้วอย่าคืนคำนะครับ โกหกเด็กไม่ดี” เสียงเอเดนเอ่ยแทรก
“เอ่อ! ไม่คืนคำแน่นอน รับรองลุงจะเอาพี่ภาเรามาเป็นป้าสะใภ้ให้ได้เลย”
“หลงกลเด็กแล้วตาเพลิง ฮ่า ๆ ๆ” มาดามขวัญเดือนหัวเราะออกมาอย่างขบขันเมื่อลูกชายตัวแสบของเธอดันไปหลงกลของหลานชายตัวเองเข้าจนได้
เช้าวันต่อมา
“ลุงเพลิงฮับ!!!!!” เสียงแจ๋วเรียกดังลั่นบ้านพลางวิ่งมาหาคุณลุงในชุดนักเรียนแล้วยังมีดอกไม้ในมืออีก
“มีอะไรเอเดนเตรียมตัวไปโรงเรียนได้แล้ว” เพลิงพิษหันหลังตามเสียงเรียกของหลานชาย
“เอาดอกไม้ไปฝากพี่ภาด้วยฮับ” มือป้อมยืนดอกทานตะวันที่ตนเองปลูกไว้ให้คุณลุงเพื่อเอาไปให้พี่ภาคนสวย เพราะเมื่อคืนได้ถามหม้ามี้ว่าถ้าจะจีบสาวต้องทำยังไง หม้ามี้เลยว่าให้เอาดอกไม้ให้ผู้หญิง เขาเลยรีบไปตัดดอกทานตะวันที่ปลูกไว้ทันที
“บ้าน่าเอเดน... ลุงไม่เอาด้วยหรอก” เขาส่ายหัวปฏิเสธ
“คืออะไรครับบอส ผมงงไปหมดแล้ว” เอกภพซึ่งเดินเข้ามาหาพอดีพลางมองหน้าลุงกับหลานสลับไปมาด้วยงุนงง ไหนจะดอกไม้ในมือคุณหนูเอเดนอีก ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเอาไปฝากพี่ภา ถ้าเข้าใจไม่ผิดก็น่าจะเป็นภารดาหรือเปล่า
“ลุงเพลิงจะฉุดพี่ภาเป็นเมียฮะลุงเอก”
“หือ??? จริงเหรอครับบอส”
“เอ่อ! ตามที่เอเดนบอกนั่นแหละ”
“ลุงเพลิงเอาไปดิ เอเดนจะไปโรงเรียนแล้วนะ”
“เอาก็ได้”
“อย่าลืมเอาไปให้พี่ภาล่ะ เอเดนไปโรงเรียนก่อน”
“เฮ้อ... เอเดนน่ะเอเดน หาเรื่องให้จนได้” เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และปวดหัวกับหลานชายตัวแสบเหลือเกิน
“บอสหลงกลคุณหนูเข้าให้แล้ว ก็น่าจะรู้จักนิสัยหลานชายตัวเองดีนะครับว่าแสบมากแค่ไหน”
“พูดมากน่า ไปทำงานเถอะสายแล้ว”
เขาเดินขึ้นรถไปด้วยความหงุดหงิดแต่เช้า พลางนั่งมองดอกทานตะวันในมือตลอดทาง คิดสารพัดว่าจะให้ภารดาอย่างไร และที่สำคัญเขาไม่เคยให้ดอกไม้ใครนอกจากคนในครอบครัว
-----------
ภารดามาถึงบริษัทตั้งแต่เช้า เธอแวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าประจำแถวบ้านมาฝากรุ้งวิไลพร้อมกับช่อม่วงสุดแสนอร่อยของมารดาติดมือมาด้วย
“จ๊ะเอ๋!”
โผล่มาอย่างเงียบ ๆ ทำเอารุ้งวิไลใจหายใจคว่ำหมด
“ตกใจหมดเลยเล่นอะไรไม่รู้ภา” รุ้งวิไลเอ็ดเพื่อนสาวเบา ๆ
“อะนี่ ภาซื้อมาฝาก แล้วนี่ก็ช่อม่วง”
“น่ารักที่สุดเลย ขอบใจมากนะ”
“ภาขอตัวไปก่อนนะ ใกล้ถึงเวลาที่บอสจะมาแล้ว” นึกขึ้นได้ว่ายังมีเอกสารสำคัญให้บอสเซ็นเร่งด่วน ในช่วงนี้เลยต้องรีบไปจัดการให้เสร็จ เกือบเผลอลืมไปเสียแล้ว
ทางด้านของเพลิงพิษ ตอนนี้เขากำลังติดอยู่บนท้องถนน แค่ออกจากบ้านช้าเพียงไม่กี่นาทีก็เจอการจราจรแออัดในเมืองหลวงจนแทบหงุดหงิด ขนาดว่ามาทางลัดแล้วนะยังไม่รอด
“บอสจะจีบคุณภายังไงครับ ดูเหมือนว่าคุณภาจะไม่ค่อยสนใจผู้ชายคนไหน” เอกภพเอ่ยถามในขณะกำลังติดไฟแดง
“หัวสมองกูมีแต่เรื่องงาน เรื่องธุรกิจ กูไม่เคยจีบสาว ไม่เคยมีแฟน กูไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง ปวดหัวจะตายห่าอยู่แล้ว ไม่น่าหลงกลรับปากเอเดนเลย จะกลับคำก็ไม่ได้ด้วย เซ็ง!” เขาทึ่งผมตัวเองอย่างหัวเสียเมื่อคิดไม่ตกว่าจะจีบยัยเฉิ่มยังไงดี แค่เริ่มต้นเขาก็ทำไม่ถูก คนไม่เคยจีบใครมาก่อน ไม่เคยมีความรักด้วยซ้ำ หนทางมืดบอดไปหมด
“ฮ่า ๆ บอสก็เอาดอกไม้ให้คุณภาก็แค่นั้นเอง การที่เราจะจีบใครสักคน ก็ต้องพยายามเข้าหาอีกฝ่าย จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร” เอกภพบอกราวกับว่าตัวเองชำนิชำนาญเหลือเกิน
“พูดเหมือนมึงชำนาญเรื่องความรักเลยน่ะ”
“ผู้ชายเราต้องมีจีบสาวกันบ้างสิครับบอส”
“จีบสาว??? มึงจีบใครวะไอ้เอก กูไม่รู้เรื่องเลย”
“ก็เพื่อนคุณภายังไงล่ะครับ”
“แม่สาวประชาสัมพันธ์นั้นเหรอ ตาถึงไม่เบาเลยนิ ถ้ามึงช่วยกูจีบภารดาได้ กูจะเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอรุ้งวิไลให้เอาไหม” เขายื่นข้อเสนอเด็ดให้เอกภพชนิดที่ว่าไม่มีทางปฏิเสธได้
“จัดไปตามนั้นครับ” โอกาสดีอยู่ตรงหน้า เขาก็ต้องรีบคว้าไว้เสียก่อน มีเจ้านายคอยหนุนหลังพอช่วยให้มีกำลังใจขึ้นบ้าง แค่ทุกวันนี้ให้หญิงสาวคุยกับเขาก็แสนยากแสนเย็นเหลือเกิน แถมยังไม่มองหน้าเขาอีกด้วยซ้ำ
ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่สักพักก็ถึงไฟเขียวพอดี เอกภพรีบึ่งรถซอกแซกไปตามเส้นทางลับเพื่อให้ถึงบริษัทอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะบอส สวัสดีค่ะคุณเอก” เธอยกมือไหว้ทักทายเจ้านายและเอกภพ เมื่อทั้งสองมาถึงยังห้องทำงาน
“เอานี่ฉันให้” มือหนายื่นดอกทานตะวันให้ด้วยความเคอะเขิน พยายามเก็บท่าทางไว้ให้มากที่สุด
“ให้ภาเหรอคะ” เธอชี้นิ้วมายังตัวเองด้วยความแปลกใจ
“ไม่ให้เธอแล้วจะไปให้ใครล่ะ รับไปสิ”
“ขอบคุณค่ะบอส” เธอรับดอกไม้มาอย่างงง ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบอสถึงเอามาให้
เพลิงพิษรีบเดินเข้าห้องทำงานอย่างรวดเร็ว เกิดภารดาเห็นว่าเขาหน้าแดงคงได้ขำหัวเราะ
“ถือว่าผ่านครับบอส ตอนเที่ยงก็ลองชวนไปกินข้าวดูสิครับ” เขาเองก็ลุ้นแทบเยี่ยวราดเช่นกัน
“กินข้าวเหรอ จะไปกินที่ไหนล่ะ”
“ร้านส้มตำของป้าข้างบริษัทไงครับ ร้านโปรดของมาดาม”
“เอ่อ ๆ กูขอคิดก่อน ไปทำงานของมึงไปเลย”
พอใกล้ถึงเวลาพักเที่ยง เขาวางปากกาลง เกาคางนั่งคิดว่าจะทำตามที่เอกภพแนะนำดีหรือเปล่า พอคิดไปคิดมา ก็จริงแหละ คนเราก็ต้องเข้าหากันศึกษานิสัยใจคอของอีกฝ่าย แสดงความจริงใจให้เธอเห็นว่า เขาจริงจัง ไม่ได้แค่มาแกล้งเล่น ในจังหวะนั้นประตูห้องก็เปิดออก ภารดาเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ
“ภารดาวันนี้ไปกินข้าวเที่ยงกับฉันนะ ให้เธอเลือกร้านเอง” เสียงทุ้มนุ่มกล่าวหลังจากเซ็นเอกสารเสร็จเรียบร้อย
“จะดีเหรอคะ ภาคิดไว้ว่าจะกินส้มตำ” เธอกล่าว ตอนแรกนัดเพื่อนรักอย่างรุ้งวิไลไว้ สักพักเจ้าตัวก็ไลน์มาบอกว่าต้องไปเป็นเพื่อนคุณเอกพบลูกค้าข้างนอก เธอเองก็งงเหมือนกันแหละว่ามีพนักงานตั้งมากมาย ทำไมต้องเจาะจงเพื่อนสาวของเธอด้วย ซึ่งเป็นเพียงแค่พนักงานประชาสัมพันธ์เท่านั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องงานใด ๆ เลย
“ฉันก็กินเป็นเหมือนกันนะ”
“ถ้างั้นไปกันเลยดีไหมคะ เดี๋ยวไม่มีโต๊ะนั่ง
เธอบอกแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง วางเอกสารไว้บนโต๊ะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ตามด้วยเพลิงพิษที่เดินออกมาจากห้อง ถือเพียงแค่โทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์เท่านั้น ทั้งสองเดินไปยังร้านส้มตำข้างบริษัท ท่ามกลางความแปลกใจของพนักงานหลายคนที่เห็นท่านประธานเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเลขาคนใหม่
“สวัสดีค่ะคุณเพลิง หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ ป้าคิดถึงมากเลย” ป้าเจ้าของร้านทักทายชายหนุ่มอย่างเป็นกันเองด้วยความสนิทสนม
“ผมก็คิดถึงป้าเหมือนกันครับ เอาเหมือนเดิมนะป้าขอแบบแซ่บ ๆ” เขายกมือไหว้ทักทายคุณป้าเจ้าของร้าน แล้วสั่งเอาแบบเดิมที่เขาชอบกิน โดยไม่ต้องบอกชื่อเมนู
“คุณเพลิงมากินร้านป้าบ่อยเหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัยเมื่อหาที่นั่งได้
“บ่อยสิ ตามแม่มากินน่ะ ท่านชอบกินร้านนี้มาก” เขาบอกพลางหันมองสำรวจไปรอบร้านด้วยความสนใจ ข้างนอกมีร้านค้ามากมายตั้งแผงวางขาย อาหารแต่ละอย่างล้วนน่ากิน เขาเองคงก็ปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต ลงมาซื้อของอะไรพวกนี้กินบ้างดีกว่าจะได้ช่วยอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าไปในตัวด้วย
ผ่านไปสักพักอาหารทุกอย่างก็มาอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำปูปลาร้า ตำไข่เค็ม ตำปูม้า ลาบ ตับหวาน ต้มแซ่บ ไส้อ่อนทอด ปลาดุกย่าง ปีกไก่ย่าง และตามด้วยข้าวเหนียวสามห่อ
“หน้าตาน่ากินจังเลยค่ะ ภาไม่เกรงใจแล้วนะคะ” เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความหิว น้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงาน เธอไม่รอช้าจัดการสวาปามมันเข้าปากอย่างไม่แคร์สายตาชายหนุ่มตรงหน้า
“นิยัยเฉิ่ม กินมูมมามหมดแล้วนะ” ดวงตาคมเหลือบหันไปมองเห็นคราบติดตรงมุมปาก เลยถือวิสาสะหยิบทิชชูเช็ดให้โดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า
“ขะ... ขอบคุณค่ะบอส” ภารดาสะดุ้งตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของเขา ทำเอาใจของเธอเต้นแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
“จะรีบกินไปไหน ของมีอีกเยอะ ถ้าไม่อิ่มสั่งใหม่ได้ ฉันเลี้ยง” เขาเอ็ดเบา ๆ ราวกับภารดาเป็นลูกสาวนั่นแหละ แล้วลงมือกินต่อท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของพนักงานหลายคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อกี้
“ค่ะบอส”
หลังจากจัดการกับมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อย เขาชวนภารดาไปเดินเลือกซื้อของกินในตรอกข้างบริษัทต่อ เขาเห็นไข่นกกระทาเจ้าหนึ่งน่ากินมากเลยอยากลองชิมดู เพียงแค่เดินแป๊บเดียวก็ได้ของติดไม้ติดมือมาเพียบ
“ขอบคุณนะคะสำหรับมื้อเที่ยง” เธอเอ่ยขอบคุณชายหนุ่ม ก่อนจะแยกตัวกันไปทำงาน
“ไม่เป็นไร วันนี้ผมไปส่งนะ กลับพร้อมกัน” เขารีบพูดรัว ๆ แล้วเดินเข้าไปห้องทำงานทันที ปล่อยให้ภารดายืนเหวอไม่เข้าใจอีกรอบ
“ค่ะ” เธอยืนอึ้งด้วยความแปลกใจกับท่าทางผิดปกติของเจ้านาย ตั้งแต่เช้าแล้ว และวันนี้ก็ยังจะไปส่งเธอที่บ้านอีก ไม่เหมือนบอสคนเก่าเลย หรือว่าบอสเธอโดนผีเข้าสิงแน่ ๆ ถึงได้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป พรุ่งนี้เธอต้องเอาหลวงพ่อมาคล้องคอแล้วล่ะ เกิดทำอะไรไม่พอใจขึ้นมาผีในตัวบอสอาจจะมาหักคอเอาได้ หึย
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว