7
มันเหมือนกับข้าโดนตบปาก เพราะตอนนี้ตัวข้ามิได้มีดีอันใดเลยจริง ๆ ข้าก็เลยได้แต่เจ็บใจ
“ถึงข้าจะปากเสีย แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ใจดำเหมือนพวกท่าน คิดหรือว่าข้าไม่รู้ว่าพวกท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่ บอกว่ามาเป็นองครักษ์ปกป้องคุ้มครองข้า แต่ความจริงแล้วพวกท่านใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อพวกนั้นต่างหากเล่า”
ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังมาจากใครบางคน ทำให้ข้ายิ่งเจ็บใจและมีโทสะมากขึ้น คอยดูนะ ข้าจะต้องเอาคืนคนพวกนี้ให้จงได้!
“แล้วถ้าหากพวกข้าทำอย่างที่ท่านกล่าวมาจริง...ท่านจะทำอันใดพวกข้าหรือหนิงเกอ”
“ข้าจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องนายพวกเจ้า”
เจ้าองครักษ์ที่เป็นหัวหน้าหลุดเสียงหัวเราะออกมา “ท่านคิดว่า ระหว่างพวกข้าที่อยู่กับนายท่านมานาน กับท่านที่เป็นเพียงแค่อนุภรรยาผู้ต่ำต้อยซึ่งนายท่านของข้าก็ไม่ได้ปรารถนาจะเข้าพิธีมงคลด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วนายท่านควรจะเป็นผู้มารับท่านด้วยตนเอง แต่นายท่านของข้ายังคงให้พวกข้าซึ่งเป็นเพียงแค่ลูกน้องชั้นปลายแถวมารับด้วยซ้ำ นายท่านของข้าจะเชื่อใครกัน”
ข้าพ่ายแพ้อีกครั้ง! โว้ย! เจ็บใจเสียจริง “ข้าประเมินฐานะของตัวเองสูงไปเสียจริงนั่นแหละ” ข้าพยักหน้าหงึก ๆ ด้วยความพึงพอใจอย่างที่สุด เพราะถ้าเขาไม่สนใจข้าจริง หลังจากเข้าไปอยู่ที่นั้นแล้ว ข้าจะทำอันใด ก็ล้วนแล้วแต่รอดหูรอดตาเขาไปได้ จวบจนเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการพร้อมพรัน ข้าก็จะได้ตีปีกบินเช่นนกน้อยที่หลุดออกจากกรงทอง ได้ท่องเที่ยวไปอย่างอิสรเสรีดั่งใจต้องการ
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็หวังว่านายท่านของพวกท่านจะไม่สนใจข้าให้ตลอดรอดฝั่งนะ”
ระหว่างที่ข้าโต้ตอบกับเจ้าองครักษ์ที่เป็นหัวหน้า ดูเหมือนว่าองครักษ์สองคนที่หายไปกลับมาแล้ว พวกเขามองหน้ากัน...สื่อกันด้วยสายตา ก่อนที่ความเคร่งเครียดที่มีจะจางหายไป พวกเขาก็ไปนั่งล้อมวงเพื่อทานไก่ย่างและปลาย่างเช่นเดิม ปล่อยให้ข้ายืนงงอยู่เพียงลำพัง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่เสี่ยวฝานจับมือและยื่นกล่องไม้ที่หลุดไปจากตัวข้าตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ได้มาให้
“ท่านเป็นเช่นใดบ้างขอรับหนิงเกอ”
“ข้ามิเป็นอันใด แล้วเจ้าล่ะเสี่ยวฝาน บาดเจ็บหรือไม่”
“ข้าก็มิเป็นอันใดขอรับหนิงเกอ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ข้าตบบ่าเสี่ยวฝานเบา ๆ “เราไปนั่งใกล้กับกองไฟกันดีกว่า” ข้าไม่อยากร่วมวงเสวนากับพวกคนใจร้ายใจดำเลยสักนิด แต่ถ้าหากเกิดอันใดขึ้นอีกครั้ง จะได้มีคนเอาตัวเองมารับคมหอกคมดาบแทน เพราะข้าเชื่อว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งเดียวแน่นอน
ในเมื่อคิดจะใช้ข้าเป็นเหยื่อ มันก็ต้องคอยดูแลข้าเป็นอย่างดีหน่อย ใช่ไหมล่ะ!
ข้ามองสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้อย่างค่อนข้างแปลกใจ...เหมือนว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกไป ข้าเลยลองส่องกับแสงจากกองไฟ เงาที่สะท้อนออกมาคล้ายกับเป็นรูปอะไรสักอย่างที่เหมือนจะคุ้นเคย เหมือนกับเคยเห็นมาก่อน หากเมื่อพยายามขบคิด กลับรู้สึกปวดร้าวไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะศีรษะที่เหมือนกับถูกความเจ็บปวดอย่างแรงตอกย้ำ เจ็บจนน้ำตาหยดไหลออกมา มือข้าก็สั่นจนเกือบจะปล่อยกล่องให้หล่นลงไปในกองไฟ ข้าเลยต้องหยุดคิดด้วยความหงุดหงิดใจ
“ทำไมถึงยังไม่นอน ไม่เหนื่อย”
คนที่ข้ารับรู้ว่าแอบมองอยู่หลายครั้งเอ่ยถามขึ้น
“ไม่คุ้นชิน...ไม่สบาย เลยนอนไม่หลับ”
ประชดข้าอีก ข้าเลยอย่างที่คิดว่ามันหวานที่สุดให้กับคนตรงหน้า
“เปล่าหรอกขอรับท่านหัวหน้าองครักษ์ เป็นเพราะข้ากลัวว่าหากนอนหลับไปแล้วจะไม่ได้ตื่นมาสนทนาอย่างสนุกสนานกับท่านนะขอรับ”
คนตรงหน้าข้าเงียบไปครู่ใหญ่เชียวล่ะ เหมือนกับว่า...ตกใจกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะหลุดพูดออกมาอย่างเผลอไผล
“เรียกข้าว่าซานเกอ”
ข้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะส่ายศีรษะปฏิเสธ “คงต้องขออภัยท่านหัวหน้าองครักษ์ด้วยนะขอรับ ตัวข้าเป็นผู้น้อยต้อยต่ำ ถึงจะมีตำแหน่งเป็นว่าที่อนุภรรยาของท่านอ๋อง แต่ท่านก็เป็นคนกล่าวกับข้าเองว่าท่านอ๋องมิปรารถนาจะได้ตัวข้าน้อยไปเป็นอนุภรรยา ข้าจึงมิบังอาจนับเรียกท่านเป็นพี่ชายได้หรอกขอรับ”
“ซานเกอ”
“ท่านหัวหน้าองครักษ์”
“ซาน...เกอ...”
ข้าไม่เรียก! แต่ก็ถูกสายตาที่เข้มดุและแข็งกร้าวกดดัน ชิ...ทำไมต้องมาบังคับข้าด้วย “ถ้าข้าเรียกอย่างที่ท่านต้องการแล้ว เช่นนั้นแล้วข้าก็หวังว่าซานเกอจะคอยดูแลข้าและน้องชายเป็นอย่างดีนะขอรับ” ตกเอาไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าจะเอาท่านนี่แหละ...เป็นไม้กันสุนัข!
“ได้ข่าว เจ้าป่วย”
“ข้าก็ป่วยเป็นปกติอยู่แล้วนั่นแหละ” ถึงจะไม่ชอบในสิ่งที่คนเรือนนั้นทำกับข้า แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เลี้ยงดูข้ามาจนเติบใหญ่ ให้ข้าวให้น้ำแก่ข้า มิสมควรที่ข้าจะกระทำเนรคุณต่อพวกเขา
“ข้ามิได้อยากจะละลาบละล้วง แต่ในเมื่อมันเกี่ยวเนื่องกับข้า ท่านช่วยบอกได้หรือไม่ซานเกอ คนที่ลอบทำร้ายข้าเมื่อครู่เป็นผู้ใด” ความในเรือนนั้นจะดีร้ายเพียงใด ข้าก็มิสมควรนำออกมาเอ่ยให้ผู้ใดฟังนอกเรือน
ข้ารอฟังคำตอบ หากสิ่งที่ข้าได้รับกลับเป็นความเงียบงันเสียนี่ “ข้าควรรู้ไว้บ้างหรือไม่ หากเกิดอันใดขึ้น ข้าจะได้ระวังตัวมิให้ตกเป็นเหยื่อ ทำให้พวกท่านลำบาก” หรือข้าเข้าใจผิดอันใดไป ไม่ว่าตัวข้าจะอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ เหล่าคนพวกนี้ก็มิคิดจะสนใจ หวังเพียงแค่จับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายข้า คนที่คงจะเกี่ยวเนื่องกับการตายของข้าในครั้งนั้น
อา...รู้เช่นนี้แล้วช่างเจ็บปวดใจดีจัง!
แต่เอาเถอะ...รู้เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้สงบปากสงบคำ...ถ้าข้าทำได้นะและจะเจียมตัวด้วย
“ข้าขออภัยด้วยที่คำถามของข้าทำให้ท่านองครักษ์รู้สึกไม่ดี” ข้ามองสบกับดวงตาคู่นั้น หวังว่ามันจะมีประกายที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย
อา...ข้าช่างเป็นคนที่โชคดีเสี่ยนี่กระไร ข้าเหยียดยิ้มให้กับโชคชะตาของตนเองที่ไม่เคยทำให้พานพบกับสิ่งที่ดีเลย
“พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางไกลอีก เห็นทีข้าคงจะต้องขอตัวนอนพักผ่อน” เมื่อเห็นว่าคุยไปข้าก็ไม่ได้รับรู้สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ข้าก็เลยเดินไปทรุดกายลงนอนใกล้กับเสี่ยวฝาน โดยรับรู้ว่ายังมีสายตาของซานเกอมองตามมาอยู่ แต่ก็ข้าเลือกที่ไม่สนใจ เพราะตอนนี้ที่ข้าคิดมีเพียงแค่สิ่งเดียว...สินค้ารสเลิศล้ำที่ไม่ว่าผู้ได้ลิ้มรสแล้วจะมิอาจลืมได้ลง จะต้องเล่าขานไปไกลนับลี้ ต้องขวนขวายมาเพื่อจะได้ลิ้มรสและชื่อที่มันผุดขึ้นมา...
ภูเขาตระห่านลำธารน้ำไหลเบื้องหน้ามีเหมันต์เคียงคู่…
วาโยแผ่วพลิ้วพัดพากิ่งไผ่ไหวเอน เอื้อมมือคว้าวสันต์โปรยปราย...
ข้าไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่ข้านอนยังไม่ทันจะหลับดีนั้น มีบางคนที่ข้าเข้าใจว่าเขาใจดำและเย็นชา ไม่คิดจะสนใจความรู้สึกของคนอื่นนั้น มองข้านัยน์ตาแวววาว ก่อนจะเดินมาพร้อมกับนำเอาผ้ามาคลุมกายให้กับข้าและทรุดตัวลงนั่งมองใบหน้าของข้าที่มันมีรอยยิ้มอย่างสุขสมใจ
“หวังว่าเจ้าคงจะไม่ได้มีดีเพียงแค่ปากช่างเจรจานะ...สี่หนิงเหอ!”
สัมผัสแผ่วเบาหากทำให้อบอุ่นใจทำให้ข้าหลับไปอย่างมิมีสิ่งใดให้กังวล...
“ข้าไม่ได้คิดจะต่อว่าท่านหรอกนะคุณชายหนิงเหอ หากตอนนี้เรากำลังเดินทางไกล อีกหลายวันกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ไหนจะภัยอันตรายที่คาดไม่ถึงอีก ท่านควรจะรีบตื่นให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ทำตัวเหมือนกับอยู่ที่เรือนของท่าน ที่จะตื่นสายเช่นไรก็ได้”
ตื่นขึ้นมาข้าก็โดนดอกแรกเสียแล้ว หากข้ามันพวกหน้าหนา คำพูดแค่นี้มันไม่เข้าหูข้าเลยสักนิด เพราะเรือนที่ข้าจากมานั้น ข้าเจอมากกว่านี้หลายเท่านัก ข้าก็เลยฉีกยิ้มกว้างรับคำพูดของหนึ่งในองครักษ์ปากเสียใจดำ
“แหม...ขอขอบพระคุณท่านองครักษ์ที่เป็นห่วงจนต้องเอ่ยปากตักเตือนนะขอรับ ข้าก็ลืมนึกไปจริง ๆ นั่นแหละว่ากำลังถูกใช้ให้เป็นเหยื่อล่อผู้ร้าย แต่ข้าก็อยากให้ท่านเข้าใจเล็กน้อย เผอิญว่าเมื่อข้านั้นนอนมิค่อยจะหลับ อันเนื่องมาจากว่าข้ากังวลใจว่าจะถูกผู้ใดก็ไม่รู้ โยนออกจากกลุ่มเพื่อไปรับคมหอกคมดาบ” ข้าเน้นคำพูดช่วงท้าย เพื่อให้พวกองครักษ์รับรู้ความรู้สึกของตัวข้าบ้าง ไม่ว่าใครก็รักชีวิตของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น!
“เจ้าอยากจะชำระล้างร่างกายหรือไม่หนิงเหอ”