8
ในดวงตาข้าเต็มไปด้วยความสงสัย...แถวนี้มีลำธารให้ชำระล้างร่างกายด้วยเหรอ แล้วทำไมเมื่อคืนพวกท่านถึงไม่บอกกล่าวข้าบ้าง พวกท่านกลั่นแกล้งให้ข้าต้องนอนทนกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของตัวเองทั้งคืนใช่ไหม!
แต่ข้าก็ต้องข่มกัดฟันข่มโทสะที่มันมีเอาไว้ภายใน ก่อนที่ข้าจะส่งยิ้มหวานให้กับซานเกอผู้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความบาดหมางของข้ากับเหล่าองครักษ์อีกสี่คน ก่อนที่ข้าจะถูกเจ้าพวกคนใจดำเล่นงานโดยไม่อาจจะโต้ตอบได้ ซานเกอที่แสนจะใจดีที่สุด...ในตอนนี้นะ เพราะข้ารู้แหละว่า เมื่อถึงเวลาจริง ๆ พวกเข้าล้วนแล้วแต่เลือกที่จะทิ้งตัวภาระเช่นข้าและเสี่ยวฝานไปอย่างไม่ไยดี
“ได้เช่นนั้นก็ดีนะขอรับซานเกอ” ความจริงข้านั้นอยากที่จะชำระล้างร่างกายให้สะอาดเสียหน่อย แต่ข้าก็เข้าใจดีเช่นกัน เราอยู่ระหว่างเดินทางที่ทุกย่างก้าวดูแล้วจะมีแต่ภัยอันตรายมากมายนัก การที่ข้านั้นจะไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายเพียงลำพังเห็นทีจะเป็นเหยื่อชั้นดีที่จะกลายเป็นศพโดยมิทันจะได้รู้ตัว
ดูเหมือนว่า...หลังจากที่ข้าเรียกท่านหัวหน้าองครักษ์ว่า ‘ซานเกอ’ เหล่าองครักษ์อีกที่คนก็เงียบกริบและหันมามองข้ากันเป็นจุดเดียว ในสายตาแต่ละคู่ถ้าให้ข้าคาดเดาความคิดของพวกเขา ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสงสัยระคนอยากรู้ มีความสนใจประมาณหนึ่ง ข้าทำเช่นไรถึงได้รับอภิสิทธิ์เรียกขานหัวหน้าพวกเข้าว่า ‘ซานเกอ’
ข้าก็อยากจะบอกพวกเขาว่า...เพราะข้าเก่งไง หากความเป็นจริงแล้ว ตามความคิดของข้าเองนั้น เพราะยังต้องเดินทางร่วมกันอีกหลายวัน ก็ควรทำตัวให้สนิทสนมกันไว้สักเล็กน้อยและน่าจะมีการผ่านเข้าเมืองบ้าง จะให้เรียกท่านหัวหน้าองครักษ์อยู่ตลอด มันก็คงดูผิดปกติไป คงจะกลายเป็นจุดสนใจที่คงจะแบบว่า...ทำให้เหยื่ออย่างข้ามันอันตรายมากขึ้นกว่าเดิมนะ
“เร็วเข้าเสี่ยวฝาน เราไปล้างหน้าล้างตากัน” ข้าตื่นเต้นดีใจรีบหันไปเอ่ยปากชักชวนเสี่ยวฝานที่ตื่นนอนก่อนข้านานแล้วให้ไปด้วยกัน ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าข้าจะเลือนหายไปเพราะคำตอบของเสี่ยหลิง
“ข้า...ข้าเรียบร้อยแล้วขอรับหนิงเกอ”
อา...อยากจะต่อว่าเสี่ยวฝานนัก ที่มิยอมปลุกข้าและพาไปด้วย แต่มาคิดดูแล้ว...เสี่ยวหนิงเองก็คงจะถูกคุมตัวไปนั่นแหละ ตอนนี้พวกเราก็เหมือนกับนักโทษ จะมีดีหน่อยก็ตรงที่ไม่ถูกเชือกมัดไว้ ไม่ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน อยากจะไปไหนบ้าง ถ้าหากว่ามันไม่อันตรายจนเกินไป...ก็คงจะไปได้
“ตามข้ามา”
ข้ารีบสาวเท้าเดินตามซานเกอไป “ข้ารู้ว่าถ้าถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ท่านคงจะมิยอมเอ่ยปากบอกให้ล่วงรู้ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าข้าจะไม่ปลอดภัย หากท่านก็คงมีเหตุผลของท่าน ถ้าข้าจะถามเรื่องทั่ว ๆ ไป อย่างพวกท่านทำงานกับท่านอ๋องมานานหรือยัง คงจะพอตอบข้าได้...ใช่ไหม”
ข้ามิได้อยากรู้ถึงขนาดนั้น เพียงแค่ข้าคิดเองว่า...ควรจะล่วงรู้เกี่ยวกับคนและเรื่องของสถานที่ซึ่งข้าจะต้องไปอาศัยอยู่...น่าจะเป็นเวลานานมิใช่น้อย ได้ล่วงรู้ความเป็นไปบ้าง การจะทำสิ่งใดย่อมปลอดภัยกว่ามิได้รู้ได้เห็นอันใดเลย
“นานแล้ว”
หะ...มาสั้น ๆ แค่นี้เองเหรอ ขยายความให้ข้ารู้อีกนิด...ได้ไหมขอรับ ข้ากลอกตาไปมาด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ
“ที่นั่น...นอกจากท่านอ๋องแล้ว ยังมีใครอีกบ้างขอรับ” หวังว่าคำตอบคราวนี้คงจะยาวกว่าเดิมสักเล็กน้อยนะ ถ้าความทรงจำที่มันเหมือนกับสายลมพัดมาและพัดไปไม่ผิดพลาด ที่นั่นนอกจากตัวท่านอ๋องแล้วก็ยังมีสาวใช้อุ่นเตียง อนุสองและอนุสี่ แต่ไร้พระชายาเพราะท่านได้เสียไปเมื่อตอนคลอดบุตรชายที่ตอนนี้ก็อายุได้สามขวบแล้ว ความตายที่หลายคนก็รู้ว่ามันมิใช่เหตุบังเอิญ หากถูกทำร้ายที่ยังหาตัวคนทำมิได้
“เจ้าคิดเตรียมตัวต่อยตีแย่งชิงความโปรดปรานกับพวกนางตั้งแต่ยังไม่เห็นนางพวกนางเลยหรือหนิงเหอ”
ข้าเนี่ยนะ...ท่านคิดอันใดของท่านขอรับซานเกอ
“ท่านเข้าใจผิดเสียแล้วซานเกอ ข้าจะได้หาทางหลบหลีกการต่อยตีแย่งชิงจากพวกนางต่างหากเล่า ท่านมิรู้หรืออย่างไรกัน ห้ามทำให้สตรีโกรธ เพราะนางสามารถทำทุกทางเพื่อให้ท่านรู้ว่าผิด จนสำนึกได้ก็เกือบจะสายเกินไปนะขอรับ”
อย่างเช่นแม่นางสี่ซูเจียวนั่นไง นางแค้นฝั่งหุ่นมาก ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กไง ข้าเพียงแค่สะดุดเท้าตัวเองแล้วล้มใส่นาง จนนางล้มหน้าไปกระแทกกับขอบโต๊ะ ทำให้นางเลือดไหลนิดเดียวเอง หลังจากนั้นนางก็ใช้ทุกทางที่จะทำให้ข้าบาดเจ็บจนเลือดออกเช่นกัน
“อีกอย่างนะซานเกอ...ข้าขอบอกให้ท่านวางใจได้เลย ข้ามิปรารถนาจะเป็นอนุท่านอ๋องแม้แต่น้อย หากข้ามิอาจห้ามสิ่งที่เกิดขึ้นได้และข้าก็มิอาจทำให้คนที่เรือนข้าเดือดร้อนด้วย เช่นนั้นข้าก็จะไม่พาตัวเองไปทำให้ท่านอ๋องโปรดปราน เมื่อถึงที่นั้นแล้ว ข้าขอเพียงแค่มีอาหารรสเลิศให้ทาน มีเตียงอุ่น ๆ ให้นอนหลับสบาย ข้าขอเพียงแค่นี้เท่านั้นเอง” ข้าฉีกยิ้มใส่ดวงตาของซานเกอที่มองอย่างตะลึงงัน
“เจ้า!”
คาดไม่ถึงว่าข้าจะมีความคิดเช่นนี้ใช่ไหมล่ะ...ซานเกอ
ข้าเกือบจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อหูคล้ายจะได้ยินคำพูดแปลก ๆ จากซานเกอ
“ท่านอ๋องเป็นบุรุษรูปงาม มิว่าใครก็ตามที่เคยเห็นใบหน้าท่าน เป็นไปมิได้เลยที่จะมิหลงใหลและปรารถนาจะอยู่เคียงข้างกาย”
“รูปงามแล้วเป็นเช่นไรหรือขอรับ เป็นถึงท่านอ๋อง ย่อมจะต้องคิดมีพระชายาเคียงคู่พร้อมบุตรในอุทร หากตัวข้าเป็นบุรุษที่มิอาจมอบสิ่งนั้นให้กับท่านอ๋องได้ เห็นทีว่าการสมรสของข้านั้นคงจะเป็นเรื่องทางการเมือง เพื่อใช้ตบตาใครบางคนเท่านั้น” อา...เป็นเช่นนี้เอง ข้าเข้าใจแล้วล่ะ
“นั่นลำธาร เจ้ารีบไปล้างหน้าล้างตาเสียเถอะ ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป[1]เราก็ต้องเดินทางกันต่อแล้ว ระวังด้วยล่ะ ก้อนหินมันลื่น”
ท่านมิอาจกล่าวสู้ข้าได้ใช่หรือไม่ซานเกอ ถึงได้รีบไล่ให้ข้าไปทำธุระส่วนตัวเช่นนี้ ข้าก็เลยตอบรับด้วยการเดินอย่างระมัดระวังลงไปรองรับน้ำมาล้างหน้าและล้างเนื้อล้างตัว
อา...น้ำเย็นสบายดีจัง นี่ถ้าได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายก็คงจะดีมิใช่น้อย แต่ท่ามกลางลำธารสายเล็ก ทิวไม้ที่พัดไหวไปตามแรงลมหากไร้ซึ่งสรรพเสียงของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ ข้าก็มิอาจจะคิดในแง่ดีได้ เกิดว่ามีคนที่หวังจะปลิดชีวิตข้าซ่อนตัวอยู่ในลำธารเล่า...หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงมิอาจได้ทานอาหารรสเลิศนะสิ!
แม้จะเสียดายน้ำเย็นที่ทำให้รู้สึกสดชื่น หากข้าก็ต้องยอมตัดใจลุกขึ้นไปหาคนที่ยืนคอยอยู่ ทว่า...
หินมันลื่นทำให้ข้าย่างพลาดจนร่างกายถลาไปด้านหน้า เพราะอย่างไรเสียข้าก็ต้องพลัดตกลงไปในแอ่งน้ำจนเปียกแน่ ข้าหลับตาเตรียมตัวสัมผัสกับน้ำเย็น ทว่า...
มันก็ผ่านมานานแล้วนะ ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินเสียงมีอะไรตกลงไปในน้ำ ตัวข้าก็ไม่ได้เปียกปอนด้วย ข้าเลยรีบลืมตาดูว่าทำไมถึงไม่ได้เป็นอะไร...ที่มันทำให้ข้าถึงกับอึ้ง อ้าปากค้าง เพราะตอนนี้ตัวข้านั้นได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของซานเกอ เราสองคนใกล้กันจนข้าได้สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นของคนที่ช่วยมิให้ข้าเปียกปอน คนที่ทำให้ข้าเห็นว่าในความเย็นชาที่มีกลับมีความเป็นห่วงเป็นใยในตัวข้าอยู่มิน้อย มันทำให้ข้าที่แทบจะไม่เคยได้รับความรักจากผู้ใดรู้สึกซาบซึ้งใจจนเกือบจะหลุดเสียงร้องออกมา แม้ฟางเส้นนี้จะเปื่อยยุ่ย พร้อมจะขาดลงไปเมื่อไหร่ก็ได้ หากข้าในตอนนี้ก็ขอจับมันเอาไว้ก่อน
“เอ่อ...ข้าขอโทษด้วยซานเกอ” ข้าเอ่ยอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ซานเกอต้องเดือดร้อน
“บอกแล้วว่าหินมันลื่น...บาดเจ็บหรือไม่” ดวงตาเข้มกวาดมองทั่วกายคนตัวเล็กว่าที่แรกเห็นก็ว่าผอมบางมากแล้ว ยิ่งเมื่อได้จับต้องก็ยิ่งเกิดเป็นความสงสัย ทำไมสี่หนิงเหอถึงได้มีรูปกายที่ผอมบางเฉกเช่นนี้ เรียกได้ว่าหากเทียบกับเด็กขอทาน...เด็กเหล่านั้นยังจะดูอ้วนพีมากเสียอีก
“ไม่ขอรับ” ข้าตอบพลางดันซานเกอให้ถอยห่างไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นจับมือและพาเดินขึ้นไปยืนบนริมฝั่งแทน โดยที่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของข้าทำให้มิอาจฝืนแรงลากได้ จนเมื่อถึงฝั่งแล้วซานเกอก็ยังมิได้ปล่อยแขนของข้าด้วย
“ข้าไม่เป็นไรแล้วขอรับซานเกอ” ข้าบอกกับคนที่ยังมิปล่อยแขนของข้าให้เป็นอิสระ
“ที่สี่ฮูหยินกล่าวว่า เจ้าเป็นคนซุ่มซ่าม ชอบทำให้ตัวเองและคนอื่นบาดเจ็บบ่อยครั้ง ทำให้มิมีใครกล้าที่จะชวนเจ้าเล่นด้วย คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ”
“มีเรื่องเช่นนั้นด้วยหรือขอรับ ทำไมข้าถึงจำมิได้”
[1] หนึ่งก้านธูป = 15 นาที