2
“ยังเหลือเวลาที่ข้าจะอยู่ที่นี่อีกนานเท่าใด” เขาเอ่ยถามอย่างไม่รู้สึกเสียใจหรือน้อยใจแต่อย่างใด การไปที่นั่นในครั้งนี้ จะเท่ากับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา!
“แต่ช่างเถอะ จะมีเวลาเหลือเท่าไหร่ อย่างไรก็เปลี่ยนแปลงสิ่งใดมิได้ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าสักหน่อยเถิด ข้าอยากชำระล้างร่างกายเสียหน่อย”
“แต่...”
“มิเป็นไร ข้ามีสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะต้องไปจากที่นี่ ถ้าหากชักช้าไปคงไม่ทันการณ์” เขาบอกกับเสี่ยวฝานที่ออกอาการไม่ค่อยอยากจะทำตามสักเท่าใด
“เชื่อคำพูดของข้าเถอะเสี่ยวฝาน หลังจากนี้ไป ข้าจะทำตัวใหม่ เพื่อทำให้ข้าและเจ้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ข้าจะไม่ทำตัวอ่อนแอให้เป็นปัญหาอีกแล้ว ข้าให้สัญญา” เขายิ้มให้กับบ่าวรับใช้ที่ติดตามดูแลกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย แม้มีโอกาสได้ไปยังยังที่ซึ่งดีกว่านี้ หากเสี่ยวฝานก็ยังเลือกที่จะอยู่ดูแลเขา คนที่กตัญญูรู้คุณและเป็นคนดีเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้ลำบากได้เช่นไร
“ขอรับคุณชาย”
เมื่อเสี่ยวฝานกระวีกระวาดไปทำตามคำขอของข้าแล้ว ข้าก็พยุงตัวเองที่ค่อนข้างจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นจากเตียงนอนเก่าที่ผุพังจนแทบจะใช้นอนไม่ได้แล้วไปเตรียมตัวชำระล้างร่างกายเพื่อจะไปคุยธุระอันสำคัญยิ่งกับผู้เป็นนายหญิง...ฮูหยินสี่อิงเหม่ย!
“ขอฮูหยินโปรดอภัยที่ข้าน้อยมารบกวนท่านยามกำลังพักผ่อนขอรับ”
สี่หนิงเหอประสานมือพร้อมโค้งคำนับให้แก่หญิงวัยกลางคนที่ปรายสายตาเกรี้ยวกราดมองมา
“ในเมื่อรู้ว่ามารบกวนก็รีบไสหัวกลับไปเสียสิ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย”
คนกล่าวเป็นหญิงร่างบอบบาง ใบหน้าคิ้วคางช่างรับกันอย่างเหมาะเจาะกับเรียวปากอิ่ม รูปกายภายนอกของนางช่างงดงามประหนึ่งนางฟ้า หากวาจากลับ...สี่หนิงเหอแอบถอนหายใจ
“ข้าน้อยขออภัยคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ แต่การณ์นี้ถ้าหากมิได้มาบอกกล่าวให้กับฮูหยินได้จัดการแก้ไขอย่างเร็วไว คงมิทันท่วงทีขอรับ”
ฮูหยิงสี่อิงเหม่ยวางถ้วยชาในมือลงอย่างแรง “เจ้าจะมากล่าวโทษข้า เรื่องที่เจ้าบาดเจ็บแล้วข้ามิให้คนไปตามหมอมารักษา”
“เปล่า...เปล่าขอรับฮูหยิน ข้าน้อยมาด้วยเรื่องอื่นขอรับ” จะไม่รีบได้อย่างไรกันเล่า ก็ข้ามาหาความสบายให้กับตัวเองและหาทางออกให้กับตัวเองยามเมื่อต้องจากเรือนนี้ไปอย่างไรกันเล่า
“ถ้าไม่ใช่มาต่อว่าข้ากับท่านแม่ แล้วเจ้ามาด้วยเรื่องอันใด”
“น่าจะยังเหลือเวลาอีกหลายวันที่ข้าจะต้องจากเรือนหลังนี้ไป แต่เพราะข้าได้รับบาดเจ็บ มันทำให้ข้าได้คิดขอรับ...ตัวข้าเองก็เติบโตมาในเรือนแห่งนี้ แม้ไม่ใช่บุตรในอุทร หากท่านฮูหยินก็ดูแลข้าเป็นอย่างดี” กับผีนะสิ รังแกเสียจนข้าเกือบจะกลับบ้านเก่าเสียตั้งหลายครั้งหลายครา ถ้าไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนดวงแข็ง คงไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้หรอก
“เจ้าจะว่ากล่าวอันใดก็รีบพูดมา”
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่บุตรที่สามารถเชิดชูได้ หากแต่ก็ถือว่าเป็นบุตรของนายท่านเหวินหม่า”
“เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่”
คุณหนูใหญ่ ท่านช่างเป็นคนที่ใจร้อนเสียจริง
“แม้ข้าจะต้องไปเป็นเพียงแค่อนุภรรยาแก่ท่านผู้นั้น” แม่ง! นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ข้าก็เป็นบุรุษ ทำไมต้องไปอนุภรรยาให้กับบุรุษเช่นกันด้วย “แต่ตัวข้าควรจะต้องมีความรู้ติดตัวไปบ้างหรือไม่ขอรับ” ตัวข้าแค่พออ่านออกเขียนได้ แต่ก็ไม่ได้คล่องมากมายนัก ก่อนไปก็ควรจะต้องศึกษาเพิ่มเติมเอาไว้
“แต่เจ้าก็อ่านออกเขียนได้”
“ใช่ขอรับคุณหนูใหญ่ แต่ท่านคิดว่าการที่ข้าอ่านและเขียนได้เฉพาะชื่อของตนเองจะไม่เป็นปัญหาหรือขอรับ” ข้าถามให้คุณหนูใหญ่และท่านฮูหยินได้คิด
“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า แค่ฝึกอ่านเขียนแค่วันสองวันคงไม่ทำให้เจ้าฉลาดขึ้นหรอกนะ”
ข้าได้แต่ยิ้ม...คนไม่รู้ ย่อมไม่ผิด แต่คนที่ไม่คิดจะใฝ่รู้ต่างหากเล่า ที่ผิด สำหรับตัวข้านั้น ถ้าหากแสดงออกว่าอ่านออกเขียนได้มากเกินกว่าที่ได้เรียนรู้ คนฉลาดเช่นฮูหยินสี่อิงเหม่ยหรือจะไม่สงสัย เขาถึงได้พูดกันว่า ทำอันใดควรจะเหลือทางไว้อีกสาย ถ้าหากมันพลาดพลั้ง จะได้มีทางออกให้กับเรื่องที่ทำ แต่นั่นก็จะต้องหมายถึง เรื่องที่ทำไม่ร้ายแรงจนไม่อาจจะให้อภัยได้
“ขอบคุณที่คุณหนูใหญ่เป็นห่วงข้าขอรับและข้าเข้าใจในความกังวลของคุณหนูใหญ่ แม้เวลาที่ได้ร่ำเรียนจะไม่กี่วัน สิ่งที่ได้จะมากหรือน้อยก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถที่ตัวข้ามีแล้ว แต่ข้าจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ให้คุณหนูใหญ่ผิดหวังและขายหน้าเป็นเด็ดขาดขอรับ”
“ฮึ!”
เมื่อเห็นว่าสี่ซูเจียวไม่อาจจะโต้ตอบกลับมาได้และฮูหยินก็เพียงแค่มองมาอย่างไม่สนใจหากแต่ก็รับฟัง มันก็ทำให้ข้ากล้าที่จะเอ่ยในเรื่องต่อไป
“ตัวข้าเพิ่งฟื้นจากไข้ ควรจะต้องได้รับอาหารที่ดีและมีประโยชน์กับร่างกายบ้าง”
“เจ้าจะหาว่าท่านแม่ดูแลเจ้าไม่ดี ไม่ได้รับความยุติธรรมเช่นนั้นหรือ”
“ปะ...เปล่าขอรับคุณหนูใหญ่ เห็นทีว่าท่านคงจะตีความในคำพูดของข้าน้อยผิดไปเสียแล้วขอรับ...คุณหนูใหญ่ดูข้าสิขอรับ” เขายื่นมือที่เล็กราวกับเด็กไปให้คุณหนูใหญ่ดู
“ที่นี่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีงานต้องทำ ไม่มีใครสนใจใคร แต่หากไปที่นั่น...คนที่นั่นเห็นข้าเป็นแบบนี้ก็คงจะตกใจเป็นยิ่งนัก อาจคิดไปได้ว่าเราเล่นตลกหลอกลวง จะกล่าวอ้างว่าไม่สบาย เพิ่งฟื้นจากป่วยไข้ก็ฟังดูจะไร้เหตุผล ไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี ถ้าหากทางนั้นคิดว่าทางเราส่งใครก็ไม่รู้ ไม่ได้เป็นอะไรกับท่านฮูหยินและนายท่านเหวินหม่าไป...หรือไม่ขอรับ” เขารู้ว่าฮูหยินเป็นคนฉลาด ย่อมฟังความต้องการของเขาออก แต่แล้วอย่างไรเล่า เขาพูดความจริงนี่นา
“อีกเรื่องที่ข้าน้อยเห็นทีจะต้องขอความกรุณาจากฮูหยิน...อาภรณ์ที่สวมใส่และของใช้สอย”
“ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า...”
“ซูเจียว”
“แต่ท่านแม่...ท่านดูที่มันพูดออกมาสิ แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่ามักใหญ่ใฝ่สูงแค่ไหน มันกำลังจะทำตัวเทียบเทียมข้าและเจ้ารองอยู่นะท่านแม่”
สี่ซูเจียวออกอาการฮึดงัดไม่พอใจอย่างยิ่ง พลางชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อให้ผู้เป็นมารดาเชื่อและหาทางลงโทษเขา ทว่าคราวนี้คำพูดของข้าล้วนแล้วแต่ถูกกลั่นกรองมาอย่างดีแล้วและมีน้ำหนัก ทำให้เชื่อได้ว่าหวังดีต่อตระกูลสี่จริง ๆ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นมารดาไม่คิดจะใส่ใจคำที่นางพูด นางจึงหันมาถลึงตาใส่ข้า ในสมองอันด้อยปัญญาของนางคงกำลังคิดว่าจะเล่นงานข้าอย่างไรดี แต่ฮึ! คราวนี้เห็นทีข้าคงจะไม่ยอมให้นางสมหวังเสียแล้วล่ะ
“คุณหนูอย่าตีความหมายที่ข้าพูดไปผิดเลยนะขอรับ ยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของข้า ข้า...ข้าย่อมไม่ต้องการให้ใครได้รับความเดือดร้อน” เขาพูดเสียงเบาและเศร้า แต่ในใจนั้นกลับคิดไปคนละทาง ใครจะเป็นเช่นไรก็ช่าง ข้าไม่สนใจเลยสักนิด แต่เพราะข้าต้องการให้คนที่นี่หายไปให้หมด
“เจ้า!”
“แม้ท่านพ่อจะไม่รักข้า แต่ที่ท่านทำเช่นนี้ก็ย่อมจะต้องมีเหตุผล ท่านคงคิดหวังให้ข้าช่วยการณ์ท่านในอนาคต ถ้าหากข้าพอมีความรู้ติดตัวไปบ้าง รูปร่างก็ไม่ได้ผ่ายผอมอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ดูดี ย่อมเป็นการเปิดทางให้ท่านพ่อได้ทำตามที่หวัง...ใช่หรือไม่ขอรับท่านฮูหยิน”
ไม่ใช่ความหวังของบุรุษผู้นั้นหรอก หากเป็นตัวฮูหยินสี่อิงเหม่ยเองต่างหากเล่าที่ต้องการเปิดเส้นทางการค้าใหม่ การส่งเขาไปเป็นอนุภรรยาของบุรุษผู้นั้นเป็นเพียงแค่การเปิดประตูเท่านั้น ที่นางหวังจริง ๆ นั้นคือการส่งบุตรีไปเป็นภรรยาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่มีอำนาจมากพอและหวังให้บุตรชายคนใดคนหนึ่งรับราชการ เพื่อเชิดหน้าชูตาและเป็นขุมอำนาจไว้ต่อรองต่างหากเล่า
“อย่าไปเชื่อมันนะเจ้าค่ะท่านแม่ มันกำลังใช้เรื่องนั้นมาข่มขู่ คิดจะทำตัวเสมอลูก น้องรองและน้องสาม”
“แต่ถ้าฮูหยินคิดว่าสิ่งที่ข้าได้กล่าวไปนั้นเป็นเช่นดังที่คุณหนูใหญ่ได้กล่าว ข้าก็ต้องขออภัยด้วย ข้ารบกวนฮูหยินนานแล้ว คงจะต้องขอตัวก่อนขอรับ”
ต้องการสิ่งใดอย่ารุกไล่ให้มากจนเกินไป เดี๋ยวจะถูกจับพิรุธได้ แต่เขาเชื่อว่าคนฉลาดเช่นฮูหยินสี่อิงเหม่ยที่สามารถทำให้สามีที่ไม่เอาไหนกลายเป็นพ่อค้าที่มีชื่อ และยังสามารถครองตำแหน่งฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของสี่เหวินหม่าได้โดยไม่สั่นคลอน ยกเว้นมารดาของเขานะ เพราะนั่นนะ...มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นจริง ๆ นางยังสามารถควบคุมคนในเรือนให้เชื่อฟัง...คนเช่นนี้ไม่เพียงแค่ฉลาดแต่ยังเก่งคิดและมองการณ์ไกลด้วย ซึ่งเขาไม่ควรประมาทมองข้ามไปโดยเด็ดขาด
“ข้าจะสั่งให้พ่อบ้านฉางจัดการให้ เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็บอกไป”
“ท่านแม่!” สี่ซูเจียวกระทืบเท้าด้วยความขัดอกขัดใจ
“หวังว่าสิ่งที่ข้าทำลงไป คงจะไม่เสียเปล่า”
นั่นไง เป็นอย่างที่เขาว่าใช่ไหมล่ะ สี่อิงเหม่ย...นางไม่ยอมทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังผลตอบแทน
“ข้าจะทำไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวังขอรับ” ได้...ข้าจะจดจำไว้ มีโอกาสข้าจะตอบแทนพระคุณ...อย่างดีเชียวล่ะ!
ข้าเดินจากมา หากหูก็ได้ยินสี่ซูเจียวโวยวายพลางตัดพ้อผู้เป็นมารดาของตนเองที่ยอมทำตามคำขอของเขา
ฮึ! นางช่างเป็นผู้หญิงที่มีแต่รูปร่างที่สวยงามชวนมอง หากสมองกลับเล็กน้อย คงมีไว้คั่นใบหูเท่านั้น...ละมั่ง!