ตื่นเช้ามาดาวเต็มฟ้ายังคงรู้สึกปวดเนื้อตัวเธอนอนซมเพราะพิษบาดแผลตามตัว
"พี่ตะวันช่วยเต็มฟ้าด้วย" ดาวเต็มฟ้าละเมอออกมาด้วยเสียงแหบพร่า
"พี่ตะวันเต็มฟ้าคิดถึงพี่เมื่อไรพี่จะมารับเต็มฟ้า" เธอยังคงพูดออกมาด้วยความไม่รู้ตัวเหมือนจิตสำนึกมันสั่งการออกมา
ตุนท์ยืนอยู่ที่ข้างเตียงเธอเขามองเธอด้วยความสงสารผสมกับความเจ็บปวดปร่าขึ้นมาที่หัวใจโดยที่ไม่รู้ตัว
"ปิ่นฝากเช็ดตัว หาข้าวหายาให้เต็มฟ้าด้วยนะ" เขาเดินออกมาเจอปิ่นพอดี
"ค่ะนาย เดี๋ยวปิ่นจัดการให้ค่ะไม่ต้องเป็นห่วง คุณเต็มฟ้าไปเจออะไรมานะน่วมไปทั้งตัว" ปิ่นรับคำเจ้านายก็บ่นขึ้นเมื่อเช็ดเนื้อตัวของดาวเต็มฟ้าด้วยความสงสาร
.........................
ดาวเต็มฟ้านอนพักฟื้นไม่ได้ไปทำงานที่คาสิโนเลยเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ เธอจึงบอกกับตุนท์ว่าจากนี้เธอจะไม่ขอใช้วันหยุดที่ตุนท์ให้เธอเพื่อชดเชยเวลาที่เธอหยุดทำงานไป
"วันนี้วันหยุดเธอไม่ใช่หรือ" ตุนท์ถามเมื่อเห็นเธอแต่งตัวออกไปทำงาน
"เต็มฟ้าจะทำชดเชยที่หยุดไปค่ะ" เธอไม่รู้ว่าเขาแกล้งลองใจหรือเปล่าแต่เธอตั้งใจจะทำชดเชยให้จริงๆ
"ไม่จำเป็นหรอกนะเพราะที่เธอหยุดไปฉันไม่ได้หักเงินเธอ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งต้องทำชดเชยค่ะ" เธอหันมาพูดมองตาเขาว่าเธอคิดแบบนั้นจริง
"ถ้าไม่ไหวอย่าฝืน" ตุนท์เอื้อมมือไปคว้าข้อมือเธอไว้ห้ามไม่ให้เธอฝืนออกไปทำงาน
"ไม่เป็นไรค่ะเต็มฟ้าทำได้...คุณตุนท์" เธอพูดและเหลือบมองที่แขนของเขาที่คว้าข้อมือเธอ
"เดี๋ยวค่ะแขนคุณ" เต็มฟ้าเห็นรอยฟกช้ำเขียวตามแขนและมือเขาน่าจะเกิดขึ้นตอนที่เขาชกต่อยกับนายพงษ์ชาติและใช้แขนทุบตู้เพื่อช่วยเธอออกมา
"ไม่มีไร" เขารีบดึงแขนตัวเองกลับมา
"เขียวขนาดนี้จะไม่มีอะไรได้ยังไงคะ เอามานี้เต็มฟ้าจะทายาให้" เธอเผลอตัวดึงแขนเขาเหมือนตอนที่พี่ชายเธอดื้อไม่ยอมกินยาเวลาไม่สบาย
"ก็บอกว่าไม่ไง" เขายังฝืน
"ไม่ค่ะเต็มฟ้าจะทายาให้คุณตุนท์" เธอเองก็ดื้อกลับไปเหมือนกัน
"โอ้ย นวดเบาๆสิเห็นไหมว่ามันเขียว" ตุนท์ร้องเสียงหลงตอนที่เธอแกล้งลงน้ำหนักมือที่แขนของเขาอย่างแรง
"ก็ไหนว่าไม่มีอะไรไงคะ ทีนี้ทำเป็นร้อง นั่งเฉยๆจะทายาให้ไม่คิดเงินหรอกค่ะ" เธอจ้องตาเขาแค่อยากจะยวนเขากลับเท่านั้นแต่สายตาคมโตของเขากลับประสานกลับมาที่สายตาวาวใสของเธอ
"เธอนี่ก็กวนไม่ใช่เล่นนะ กล้าหือกับฉันก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน" เขาแกล้งขู่ให้เธอกลัวเพราะไม่อยากเผลอไผลให้ใจไปกับดวงตาคู่สวยบนใบหน้าอันหมดจดของเธอ
"มาถึงขั้นนี้เต็มฟ้าไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วละค่ะ ถ้าชีวิตของเต็มฟ้าชดใช้ทุกอย่างให้มันหมดได้คุณตุนท์ก็เอาลมหายใจของเต็มฟ้าไปได้เลยค่ะ"สายตาของเธอจ้องมองแสดงความจริงใจว่าหากมันทดแทนได้เธอยอม
"เธอคิดว่าลมหายใจของเธอมันมีค่าขนาดใช้หนี้ได้หมดเลยหรือ" ตุนท์อยากพูดทำร้ายจิตใจเธอกลบเกลื่อนความรู้สึกเบื้องลึกในใจ
"นั่นสิคะ เต็มฟ้าลืมคิดไป ต่อให้มันจะไม่มีค่ามากพอ แต่เต็มฟ้าก็จะใช้มันทำทุกอย่างเพื่อคนที่เต็มฟ้ารัก" เธอสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาต่อหน้าเขา
"ไอ้หมอนั้นมันคงมีความหมายกับเธอมากสินะ คำก็คนที่เธอรักสองคำก็เพื่อนายเติมตะวัน" ตุนท์ออกอาการประชดประชันอีก
"คุณคงไม่เคยรักใคร คงจะไม่รู้อะไร" เธอเหน็บว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ
"ทำไมจะไม่เคย เธอต่างหากที่ไม่รู้อะไร" เขาต่อปากต่อคำแบบเอาหน้าเข้ามาประชิดแทบจะติดกับปลายจมูกของเธอที่เชิ่ดขึ้นดูรั้นนิดๆ
"รู้สิคะ อย่างน้อยก็รู้ว่าคนที่คุณรักไม่ใช่ดาวเต็มฟ้า" อะไรดลใจให้เธอตอบเขาไปอย่างนั้นแต่เธอก็เผลอหลุดปากออกไปแล้ว
"เต็มฟ้าไปทำงานก่อนนะคะ เดี๋ยวชาตินี้จะใช้หนี้ไม่หมด" เธอเริ่มกล้าที่จะต่อกรกับเขาด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจ
เขาบอกไม่ถูกว่าเวลานี้เขารู้สึกอย่างไรกันแน่กับผู้หญิงที่ชื่อดาวเต็มฟ้า เธอเป็นคนที่ทำให้หัวใจของเขากำลังเริ่มหวั่นไหวไปในทุกขณะ หัวใจที่ร้างความรักมานานเริ่มถูกสั่นคลอนด้วยความสดใสและจริงใจของเธอ หญิงสาววัยรุ่นที่อายุห่างกับเขาถึงสิบปี และคนรอบตัวของเขาก็คงสงสัยไม่น้อยว่าทำไมเขาถึงกล้าเสี่ยงไปช่วยเธอพร้อมใช้เงินจำนวนมากซื้อตัวเธอกลับมาทั้งที่เธออยู่ในฐานะลูกหนี้และตัวประกัน มันไม่มีประโยชน์อันใดเลยในการที่จะใช้เงินซื้อตัวเธอมาเพื่อให้เธอมาทำงานใช้หนี้ต่อ ช่างดูไม่สมเหตุผลเลยสักนิดกับตรรกะความคิดนี้
ตั้งแต่เธอเข้ามาในชีวิตเขาก็เหมือนหัวใจที่มืดบอดของเขามีแสงสว่างอยู่รำไรเหมือนท้องฟ้าที่มีดาวมาประดับบ้างแม้จะสว่างเพียงน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่าเป็นท้องฟ้าในคืนเดือนดับเหมือนอย่างที่ผ่านมา หัวใจที่ด้านชามานานเริ่มหวั่นไหวเหมือนน้ำหยดลงหินทีละน้อย
...................................