ความหวั่นไหว

2907 Words
      โมกข์ตื่นมาตอนรุ่งสางเห็นลดาซุกหน้าอยู่กับอกของเขาก็เผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงจุมพิตหน้าผากมนของคนที่กำลังหลับสนิท เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นอะไร เขารู้ว่าเธอยังหวาดกลัวและระแวงกับสิ่งที่เขาทำรุนแรงกับเธอในคืนนั้น แต่เขารู้สึกอยากเห็นหน้าอยากเถียงอยากยั่วให้เธอโกรธก็แค่นั้น โมกข์ค่อยๆ ขยับตัวลงจากเตียงแล้วเอาหมอนวางแทนที่ตัวเองแล้วห่มผ้าให้เธอ เขาวางหลอดยาไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะออกจากเรือนกลับเรือนใหญ่       ลดาตื่นขึ้นมาตอนเช้าโมกข์ก็หายไปจากห้องแล้ว "ห้องนอนของตัวเองเตียงก็กว้างอุ่นก็อุ่น แปลกคนจริงๆ นะนายโหด นายจะมานอนทำไมเตียงแคบๆ นายคิดจะแกล้งอะไรฉันอีก" ลดานอนครุ่นคิดก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็มานั่งรอหน่อยที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอก็แปลกใจกับสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ "เอ๊ะ! นี่ยาอะไร?" เธอเห็นหลอดยาวางอยู่ก็หยิบขึ้นมาดู "ยาทาบรรเทาอาการฟกช้ำ" ลดาอ่านฉลากไปก็ขมวดคิ้วสงสัย "พี่หน่อยเอายามาวางไว้ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะทำไมเธอไม่ได้สังเกต" ลดานั่งคิดแล้วเปิดฝาหลอดบีบยาออกมาทีละนิดทาบริเวณผิวภายนอกที่โผล่พ้นเสื้อผ้าไม่นานหน่อยก็มาไขกุญแจปลดล็อกประตู.. "นายหญิงหายดีแล้วเหรอคะ ทำไมไม่พักอีกสักวัน" หน่อยเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นลดาอยู่ในชุดที่เตรียมจะออกไปทำงานในไร่ "ดีขึ้นแล้วจ้ะ ถ้าหยุดอีกวันฉันก็คงจะโดนนายของพี่หน่อยฆ่าเอาแน่ๆ" "นายไม่ได้โหดขนาดนั้นหรอกค่ะนายหญิง" "เอ่อ..ฉันขอบคุณพี่หน่อยมากนะที่เอายามาวางไว้ให้" "ยาอะไรเหรอคะ" หน่อยถามอย่างงุนงงสงสัย "อ้าว! ก็ยาทาแก้ฟกช้ำนี่ไง" ลดาชูหลอดยาขึ้นให้หน่อยดู "อ๋อ..ค่ะๆ หน่อยก็ลืมไปว่านำมาวางไว้ให้นายหญิง" เธอนึกถึงคำสั่งของโมกข์..("อย่าบอกยัยตัวแสบเด็ดขาดล่ะว่าฉันให้มา..") ต้องเป็นนายแน่นอนที่เอายามาวางไว้ให้เพราะเป็นห่วงนายหญิง       ลดาออกไปทำงานกับหน่อย คนงานก็มองเธอแปลกๆ คนงานหันมามองแล้วหันไปซุบซิบกันว่าเธอไปโดนอะไรมา ถึงได้มีรอยช้ำทั้งใบหน้าและลำคอ ลดาได้ยินก็กัดฟันก้มหน้าทำงาน "นี่พวกหล่อน! ถ้าไม่คิดจะทำงานแล้วมาเม้าท์นินทาคนอื่นแบบนี้ ฉันจะบอกนายให้ไล่ออก" หน่อยที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ ไล่คนงานเหล่านั้นไปให้ห่างจากนายหญิงของเธอ       ลดาก้มหน้ารับสภาพของตัวเอง ปากของเธอก็บวม แก้มลงไปถึงลำคอก็มีรอยช้ำแดง เธอกัดริมฝีปากตัวเองไปพร้อมกับพรวนดินต้นกุหลาบไป       ฝั่งโมกข์ทำงานไปก็กระสับกระส่ายไม่ค่อยมีสมาธิ รู้สึกระแวงกลัวว่าลดาจะคิดหนีอีก และอยากเห็นยัยตัวแสบอยู่ในสายตา  "นี่เรากลัวยัยนั่นหนีจนถึงกับพะวงขนาดนี้เลยหรือไงวะ" โมกข์ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง       ตอนพักเที่ยงโมกข์มากินข้าวร่วมกับคนงาน เขากวาดสายตามองไปโดยรอบก็ไม่เห็นลดากับหน่อยก็รู้สึกสงสัยและหงุดหงิด "แทน! หน่อยหายไปไหน" โมกข์เดินเข้าไปถามลูกน้อง "อ๋อ! นังหน่อยมันพาคุณผู้หญิงคนนั้นกลับไปที่เรือนครับนาย" "กลับไปทำไมกัน" โมกข์ถามอย่างสงสัย "ผมก็ไม่รู้ครับนาย คงจะไม่สบาย" “ไม่สบายเหรอ”       โมกข์สงสัยจึงเดินมายังเรือนหลังเล็ก ก็เห็นลดากับหน่อยกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่ระเบียงหน้าเรือน "นาย!" หน่อยเห็นโมกข์มายืนหน้าขรึมจ้องมองอยู่ก็ตกใจ "ทำไมกินข้าวในไร่ร่วมกับคนอื่นๆ ไม่ได้หรือไง!" "เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะนาย คือว่า..คือ.." หน่อยพยายามจะอธิบายให้นายฟัง "พี่หน่อยไม่ต้องพูดหรอกจ้ะ ถ้านายจะลงโทษก็ลงโทษฉันคนเดียว ฉันชวนพี่หน่อยมาเอง" "แต่นายคะ นายหญิง.." หน่อยพยายามจะบอกโมกข์ "เธอมีงานอะไรก็รีบไปทำซะ!" โมกข์หันไปสั่งหน่อยแต่สายตาจ้องลดาเขม็ง "เฮ่อ..แต่นายคะ.." "ฉันบอกให้ไป!" โมกข์สั่งเสียงเข้ม "ค่ะๆนาย" หน่อยเห็นโมกข์เริ่มหงุดหงิดก็รีบเดินออกไป "ว่าไง" "ไม่ว่าไง" ลดาหน้านิ่งตอบ "นี่เธอ! จะยั่วให้ฉันโมโหอีกใช่มั้ย" "นายจะลงโทษจะให้ฉันไปทำงานอะไรก็บอกมาเลย" "ทำไมเธอต้องทำให้ฉันหงุดหงิด ทำให้ฉันรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วย.." "รู้สึกบ้าบออะไรของนาย" ลดาก็หงุดหงิดงุนงงสงสัย "รู้สึก..ก็รู้สึกเกลียดเธอกับพ่อเธอไง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะความเลวของพ่อเธอ!" "นายนั่นแหล่ะ! ถ้าสิ่งที่นายบอกฉันเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะก็ นายก็เลวไม่ต่างจากป๊าของฉันเหมือนกัน" ลดาลุกขึ้นจ้องหน้าท้าทายโมกข์ "ฉันเลวยังไง" "ก็สิ่งที่นายทำกับฉันยังไงล่ะ นายดูสภาพของฉันสิ..เพราะนายฉันถึงถูกคนอื่นมองอย่างสมเพชเวทนา ถูกนินทารังเกียจเหยียดหยาม สะใจนายแล้วหรือยัง" ลดาระบายความอัดอั้นออกมาด้วยแววตาเจ็บปวด "นี่เธอ.." โมกข์รู้สึกผิดขึ้นมาแว๊บหนึ่ง ก่อนจะนึกถึงการตายของน้องสาว ความโกรธแค้นทำให้เขามองข้ามการกระทำของตัวเอง "ในเมื่อนายได้แก้แค้นฉันอย่างที่ต้องการแล้ว นายจะมารังควานฉันทำไมอีก" "อย่าสำคัญตัวเองมากไปหน่อยเลย คนอย่างเธอก็เป็นได้แค่..นางบำเรอ!..จะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีไปทำไม"  "เพี้ยะ! อย่าดูถูกฉันแบบนี้อีก!" ลดาก้าวเข้าไปฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของโมกข์ "นี่เธอเคยเป็นนักวอลเล่ย์บอลหรือไง เอะอะก็ตบก็ตบ" โมกข์กระชากแขนลดาเข้าหาตัว "แล้วนายล่ะ.." เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย "ฉันทำไม.." "นายก็เป็นโจรป่าโรคจิตปากเสียโหดร้ายทารุณป่าเถื่อนและ.." "ปากดีนักใช่มั้ย.." โมกข์เหนี่ยวคอลดามาใกล้แล้วก้มลงกดริมฝีปากร้อนรุ่มจูบบดขยี้ปากนุ่มอย่างลงโทษ เธอพยายามผละหน้าออกก็ไม่สำเร็จเธอจึงกัดริมฝีปากของโมกข์ จนเขาเป็นฝ่ายถอยออกห่างเธอ "โอ๊ยยย! นี่เธอเป็นหมาบ้าหรือไง" "คนปากเสียอย่างนายก็สมควรจะต้องเจอแบบนี้แหละ!" "มานี่เลยยัยตัวแสบ!" โมกข์เข้าไปจับแขนลดาลากเธอเข้าไปในเรือน... "นายจะทำอะไร!" ลดาพยายามขืนตัวฝืนเอาไว้ "อยู่นิ่งๆ!" โมกข์ลากลดาเข้ามาในห้องแล้วจับไหล่มนกดให้เธอนั่งลงบนเตียงก่อนจะปล้ำถอดกระดุมเสื้อเธอออก "นายจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ!" ลดาทั้งกลัวทั้งระแวง เธอทั้งผลักตัวโมกข์ทั้งปัดมือเขาออกพัลวัน "ฉันบอกให้อยู่นิ่งๆไง!" "ไม่! ไอ้บ้า! จะทำอะไรฉัน ออกไปเลยนะ!" "เธอคิดว่าฉันจะพิศวาส จะทำอะไรเธอกลางวันแสกๆอย่างนั้นเหรอ" โมกข์ชะงักมือเอ่ยออกมาหน้านิ่วคิ้วขมวด "ก็เอ่อ..เฮ่อ..แล้วนายลากฉันมาในห้องทำไมล่ะ" "ยาอยู่ไหน! ฉันจะทายาให้" “ทายาอะไร..” โมกข์หันไปมองบนโต๊ะเครื่องแป้งก็เห็นยาวางอยู่ เขาก็ก้าวไปหยิบหลอดยาแล้วกลับมานั่งลงข้างๆ เธอ "ไม่ต้อง! ฉันหายแล้ว.." เธอเบี่ยงตัวหลบและขยับออกห่าง “หายยังไง.. ยังเป็นจ้ำแดงขนาดนั้น” โมกข์มองที่เนินอกเธอ จนลดาต้องยกมือขึ้นปิด “จะหายแล้ว..ฉันทาเองได้!” เธอพยายามรวบกระดุมเสื้อด้านหน้าที่หลุดเข้าหากัน "อย่ามาอวดดี ที่ไหล่ที่แขนด้านหลังเธอจะทายังไง!" โมกข์จับไหล่ลดาหมุนตัวเธอให้หันหลังมาทางเขาก่อนจะดึงเสื้อเธอออก "ฉันบอกว่าทาเองได้! นายหูหนวกหรือไง!" ลดาเกร็งตัวห่อไหล่ "นั่งนิ่งๆ!" โมกข์สั่งเธอแล้วก็เริ่มบีบยาจากหลอดทายาบางๆ ที่ต้นคอที่ไหล่และที่แขนให้เธอ  "อิตาบ้า! จะทำอะไร!" ลดาเอ่ยออกมาอย่างตกใจพร้อมกับรีบเอามือกอดอก เมื่อโมกข์จับไหล่หมุนตัวเธอให้หันมาประชันหน้ากับเขา "เอามือออก!" "ไม่!" ลดาปฏิเสธเสียงแข็งเริ่มหายใจติดขัดหน้าแดงระเรื่อ "เธอจะอายฉันทำไม ในเมื่อฉันเห็นและสัมผัสมาหมดแล้วทุกซอกทุกมุม!" "คนบ้า! พูดออกมาได้ไม่อาย นายไม่อายแต่ฉันอาย" "หลับตาซะจะได้ไม่อาย ฉันจะทายาให้" "ไม่ต้อง!" "หลับตา!" โมกข์สั่งเสียงเข้มพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วจ้องตาเธอเขม็ง ลดาจึงรีบหลับตาและจะขยับถอยไปด้านหลัง "นั่งนิ่งๆสิ อย่าขยับ!" โมกข์เอามือคว้าเอวลดาไว้ก่อนที่เธอจะตกเตียง เธอจึงนั่งหลับตาเกร็งตัวกลั้นหายใจ       โมกข์ค่อยๆ จัดการทายาบริเวณที่มีรอยช้ำเพราะฝีมือของเขาให้เธออย่างเบามือจากลำคอลงมาถึงดอกบัวคู่งามที่คืนนั้นเขาทั้งบีบเฟ้นทั้งดูดเม้มจนช้ำไปทั่ว เขาเอื้อมมือไปด้านหลังเธอเพื่อปลดตะขอบราออก ลดารู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัดแต่ทำไมหัวใจเธอกลับเต้นแรงเหมือนจะกระโจนออกมาข้างนอกทั้งๆ ที่เธอพยายามจะกลั้นหายใจ โมกข์ค่อยๆ ไล้ปลายนิ้วทายาให้เธออย่างแผ่วเบาจนทั่วอกเต่งตึงที่มีรอยแดงช้ำ ลดารู้สึกว่าเขาแตะต้องผิวกายเธอตรงไหน ตรงนั้นก็จะร้อนวูบวาบแปลกๆ ร่างกายของเธอเป็นอะไร ทำไมตอบสนองต่อสัมผัสของเขาแบบนี้ ยิ่งเมื่อปลายนิ้วอุ่นๆ ของเขาแตะสัมผัสกับยอดอกเธอ “อ่ะ!” ลดาถึงกับสะดุ้งเบาๆ ยอดอกก็ชันขึ้นโดยอัตโนมัติเพียงแค่เขาแตะสัมผัส จนเธอรู้สึกขนลุกวาบ โมกข์ทายาไปก็พยายามข่มใจ ระงับอารมณ์ความต้องการทางร่างกายไป (นี่ผิวเธอบอบบางเกินไปหรือว่าฉันทำรุนแรงมากเกินไปกันแน่)  “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า..” โมกข์ทายาที่เนินอกเธอก่อนจะถามขึ้น “ม่ะ..ไม่!” ลดาหลับตาปี๋ กัดฟันตอบ โมกข์จึงแกล้งเอานิ้วกดลงบนรอยช้ำของเธอ “โอ๊ย!” ลดาหน้านิ่วเพราะความเจ็บ  “ไหนบอกว่าไม่เจ็บไง”  “ก็ทาเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!”  “อย่ามาทำอวดดี ปากดี! อยากโดนอีกใช่มั้ย..” ลดาได้ยินดังนั้นก็นั่งตัวเกร็งเม้มปากแน่น       โมกข์ขยับมือจากเนินอกขึ้นไปทายาบริเวณแก้มใสที่ตอนนี้แดงก่ำขึ้นมา เขายื่นหน้าเข้าไปแนบชิดแล้วจูบซับรอยช้ำนั้นอย่างแผ่วเบาด้วยความเผลอไผล ลดาลืมตาขึ้นทันทีด้วยความตกใจ สายตาจึงประสานตากัน โมกข์เลื่อนริมฝีปากมาจุมพิตริมฝีปากนุ่มอย่างอ่อนโยน เมื่อโมกข์ยกมือขึ้นแตะเอวลดาจะดันตัวเธอให้เอนลงบนเตียงเธอก็สะดุ้งขยับตัวหนี "อย่า!" เธอห้ามออกมา ทั้งคู่จึงได้สติกลับมา “แล้ว..ตรงนั้นล่ะ” สายตาที่โมกข์มองไปยังหว่างขาของเธอ ทำให้ลดาต้องเกร็งขาหนีบไว้แน่นโดยอัตโนมัติพร้อมกับส่ายหน้ารัว “ม่ะ..ไม่! ไม่เป็นไร!”  “จะไม่เป็นไรได้ยังไง ในเมื่อฉัน..” (เออ! คืนนั้นเขาดูดเม้มต้นขาของเธอแรงมากด้วย)  “ถอดกางเกง!”  “ไม่!” ลดาตอบพร้อมกับหนีบขาเอาไว้แน่น ยิ่งเห็นเขาเอื้อมมือมาจะจับขาเธอก็ยิ่งเกร็ง เหงื่อไหลซึม  “ตรงนั้นฉันทาเอง!” โมกข์ไม่ฟังเสียงทัดทานของเธอ เขาย่อตัวนั่งลงข้างเตียง มือหนาค่อยๆ จับขาสองข้างของเธออ้าออก ก่อนที่เขาจะถกขากางเกงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงต้นขาเขาก็เห็นรอยช้ำห้อเลือดเป็นวงกว้าง (“งือออ..ทำไมขาฉันจะต้องสั่น..”) ลดารู้สึกเกร็ง ยิ่งมือหนาที่ลูบไล้ทายาแผ่วๆ คลึงวนไปมาเบาๆ ที่ต้นขาด้านในนั่นอีก จนเธอต้องหลับตาปี๋ รู้สึกร้อนวูบวาบจนมาถึงน้องสาวของเธอ อีกข้างเขาก็ทำเช่นเดียวกัน โมกข์อมยิ้มเมื่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเรียว เห็นเธอหลับตาปี๋หายใจถี่จนหน้าอกขยับขึ้นลงตามแรงการหายใจ “ทาเสร็จแล้ว..จะให้ฉันทาตรงไหนอีกบ้าง..”  “ม่ะ..ไม่ๆ!” ลดาลืมตาขึ้นตอบทันทีพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย และรีบใส่เสื้อจัดกางเกงให้เรียบร้อย "นอนพักซะ! หายแล้วจะได้รีบไปทำงานอีก" โมกข์บอกแล้วลุกขึ้นก้าวออกจากห้องไป “เฮ้อ!..เกือบไปอีกแล้ว..” ลดาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก      โมกข์หยิบกุญแจบนโต๊ะที่ระเบียงล็อกประตู แล้วกลับไปทำงาน เขาออกไปพักนึงแล้ว แต่ลดายังคงนั่งเกร็งอยู่ที่เดิม “เขามาทำดีกับเธอเพื่ออะไรกัน จะให้เธอตายใจหรือว่าเพราะอะไร?”       ลดานั่งครุ่นคิดแต่ก็หาคำตอบไม่ได้เธอจึงเอนตัวลงนอนพักเอาแรงไว้ต่อสู้ในวันพรุ่งนี้อีก  เธอหลับไปจนกระทั่งตอนเย็น หน่อยก็นำปิ่นโตมาส่งให้เธอเหมือนเช่นทุกวัน “รอยช้ำของนายหญิงเป็นยังไงบ้างคะ” หน่อยเอ่ยถามเธอ “เอ่อ..ดีขึ้นมากแล้วจ้ะ” ลดาตอบไปก็นึกถึงคนที่ทายาให้เธอ ทำไมหน้าเธอต้องร้อนผ่าวด้วยนะ “นายหญิงทานเยอะๆ นะคะ จะได้แข็งแรง” “ขอบคุณจ้ะ” ลดายิ้มขอบคุณหน่อยแล้วก้มหน้ากินอาหารในปิ่นโต หน่อยรอจนเธอกินเสร็จแล้วก็เก็บปิ่นโต “พรุ่งนี้นายหญิงจะไปทำงานหรือว่าจะหยุดพักอีกวันไหมคะ” “นายพี่หน่อยสั่งไว้แล้วจ้ะ ว่าให้ฉันกลับไปทำงานเหมือนเดิม” ลดาทำหน้ามุ่ย “ถ้าอย่างนั้นมื้อเช้านายหญิงจะกินข้าวที่เรือนนี้ หรือว่าไปกินร่วมกับคนงานที่แคมป์ดีคะ” “ไปกินที่โน่นเลยก็ได้จ้ะ ไม่ต้องลำบากใส่ปิ่นโตมาอีก” “ค่ะนายหญิง”       หน่อยรับคำของลดาแล้วเธอก็ถือปิ่นโตออกจากเรือนล็อกประตูแล้วกลับไปยังเรือนพักคนงาน...       หลายวันต่อมา..ลดาไปทำงานในไร่กับหน่อยตามปกติ เธอรู้สึกโล่งใจที่ไม่เห็นโมกข์ไม่ต้องคอยระแวงหรือถูกเขามองอย่างจับผิด เธอเลยทำงานได้อย่างสบายใจขึ้นมาหน่อย เธอเริ่มทำความรู้จักกับคนงานภายในไร่ ระหว่างที่เธอต้องอยู่ทำงานที่นี่เธออาจจะต้องพึ่งพาพวกเขา ลดาคิดว่าเธอได้พูดคุยกับคนงานเธออาจจะหาทางหนีทีไล่ได้สะดวกมากขึ้นด้วย ลดาทำงานไปก็พูดคุยกับคนงานไปเพลินๆ “นายหญิงคะ..” หน่อยพอจะดูออกว่าลดากำลังหลอกถามคนงาน “มีอะไรจ๊ะพี่หน่อย” “ไปทำฝั่งโน้นกันดีกว่าค่ะ” หน่อยพยายามจะแยกลดาออกจากกลุ่มคนงาน “อ้าว! ทำไมล่ะ” “ตรงนี้คนงานเยอะแล้วค่ะ นายหญิงไปคัดแยกดอกกุหลาบทางนั้นดีกว่า ไม่ร้อนด้วยค่ะ นายหญิงยังไม่สบายอยู่ ดูผิวดูแก้มสิคะ แดงไปหมดแล้ว” หน่อยบอกพร้อมกับจับแขนลดาเดินไปอีกแปลงหนึ่ง “นังหน่อยมันเป็นอะไร ทำอย่างกับไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมาสุงสิงกะพวกเรา” กุ้งเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “คงจะกลัวนายเอ็ดเอามั้ง มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ ทำงานๆ” นงบอกกุ้ง กุ้งหันไปมองหน่อยกับลดาอย่างติดใจสงสัย       หน่อยพาลดาเดินมาอีกแปลง ใกล้ๆ แปลงกุหลาบมีแคมป์ สำหรับคนงานนั่งคัดแยกไซส์ของดอกกุหลาบ หน่อยเดินนำลดาเข้ามายังจุดที่กำลังคัดดอก แล้วเธอก็อธิบายให้ลดาฟัง “การคัดแยกดอกกุหลาบมี 5เกรดนะคะนายหญิง เกรดพิเศษ ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 60 เซนติเมตร ขึ้นไป  เกรดเอ ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 50 เซนติเมตร  เกรดบี ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 40 เซนติเมตร  เกรดซี ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 30 เซนติเมตร  ส่วนดอกที่มีความยาวก้านดอกน้อยกว่า 30 เซนติเมตร ถือว่าเป็นดอกตกเกรด” หน่อยหยิบกุหลาบแต่ละเกรดขึ้นมาให้ลดาดู เธอก็ฟังไปเก็บข้อมูลไป “หลังจากคัดแยกเกรดแล้วก็นำมาเข้ามัดโดยจัดให้ส่วนบนของดอกเสมอกัน แล้วห่อด้วยกระดาษและตัดก้านให้เสมอกัน นายหญิงเข้าใจไหมคะ ลองทำดูนะคะ” “เข้าใจจ้ะ แล้วจำนวนดอกในแต่ละมัดล่ะ” “จะขึ้นอยู่กับขนาดของดอกและความต้องการที่ตลาดแจ้งมาค่ะนายหญิง 100/50/30 แล้วแต่เขาจะกำหนดมา” “จ้ะ เดี๋ยวฉันจะลองทำดู ฟังดูไม่น่าจะยากเท่าไหร่นะ” ลดานั่งช่วยคนงานคัดแยกดอกกุหลาบจนใกล้เวลาเลิกงาน ภานุก็เข้ามากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับหน่อย แล้วหน่อยก็ชวนเธอกลับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD