เจ้าถิ่น…
เหตุการณ์ในวันนั้นจบลงที่พ่อกับแม่สายลมให้ครอบครัวของพีทมารับสายลมเข้าไปอยู่ที่บ้านด้วย เพื่อสายลมจะได้หายเครียดและหายโกรธพีท แต่ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลงเมื่อสายลมโทรมาหาฉันทุกวันว่าพีทกลับบ้านดึกบ้าง หรือแทบไม่กลับบ้านเลย แล้วก็มีคนเห็นพีทไปค้างกับผู้หญิงคนอื่น
จนไม่กี่เดือนต่อมาพวกเราก็ขึ้นมอหกและพีทเองก็ขึ้นมอห้า ส่วนสายลมก็เพิ่งรู้ตัวว่าท้องจนใกล้คลอดแล้ว อาจเพราะไม่มีอาการผิดปกติและท้องก็เล็กมากเลยไม่ได้สังเกต ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมเพื่อนถึงไม่สังเกตตัวเองแต่ก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวว่าเพื่อนจะคิดมาก
พีทที่รู้เรื่องเข้าก็เอาแต่ปฏิเสธว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา เรื่องนี้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเริ่มมีปากเสียงกันโดยเฉพาะพ่อของสายลมที่ไม่พอใจพีท หลัง ๆ มาพีททำเรื่องย้ายโรงเรียนเพราะถูกกดดันจากพ่อของสายลมจนทนเรียนต่อไม่ไหว แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะพ่อของสายลมไม่ยอมอนุมัติ จนพ่อเลี้ยงของพีทต้องยื่นมือเข้ามาช่วยทุกอย่างจึงจบลง ส่วนแม่ของพีทที่เคยมีปมเรื่องคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็กดดันให้พีทคืนดีและตามใจสายลม แต่มันก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เพราะไม่มีอะไรดีขึ้นจนวันที่สายลมคลอด…
ครืด ครืด ครืด
สายเรียกเข้า 02xxxxxxxxx
“สวัสดีค่ะ เจ้าถิ่นพูดค่ะ”
ฉันกดรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เมื่อหันไปมองนาฬิกาตรงหัวเตียงก็พบว่าตีสองกว่าแล้ว แต่เบอร์แปลกที่โทรเข้ามาตอนนี้นี่สิใครกัน…
[สวัสดีค่ะ จากโรงพยาบาลxxx นะคะ]
หืม?
หลังจากกดวางสายฉันก็รีบต่อสายไปหาผึ้งให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาล และไม่ลืมเคาะห้องปลุกพี่ชายให้ตื่นออกไปเป็นเพื่อนด้วย
“เจ้าโทรหาพีทหรือยัง”
พี่ชายฝาแฝดของฉันหันมาถามขณะที่กำลังบิดรถชนิดที่ว่าเร็วที่สุดเท่าที่ขับมา จะขับรถยนต์ก็ไม่ได้เพราะอายุยังไม่ถึงและไม่มีใบขับขี่ ที่ขับได้ก็เป็นมอเตอร์ไซค์ที่พ่อกับแม่ซื้อไว้ให้ก่อนที่พวกท่านจะไปดูแลกิจการที่ต่างประเทศ
“โทรแล้วแต่คนรับสายเป็นผู้หญิงบอกว่าพีทเมาจนหลับไปแล้ว”
ฉันตะโกนบอกพี่ชายเพราะเสียงลมที่ปะทะใบหน้าทำให้เราไม่ค่อยได้ยินกัน ไหนจะหมวกกันน็อคที่สวมอยู่ก็ทำให้เสียงที่พูดคุยกันเบาลงไปอีก
เหมือนทุกอย่างมันเร็วไปหมดคนที่เจอสายลมในอุบัติเหตุเล่าว่า อยู่ดี ๆ สายลมก็ปวดท้องจะคลอดตอนที่ขับรถออกไปตามหาพีทจนเกิดอุบัติเหตุหลังจากนั้นเธอก็หมดสติไป จะบอกพ่อแม่หรือใครตอนนี้ก็มาไม่ได้แล้ว เพราะพ่อแม่ของสายลมไปดูงานที่ต่างจังหวัดกับคณะครูที่โรงเรียน ส่วนพ่อแม่ของพีทก็ไปประชุมที่ต่างประเทศและไม่มีกำหนดกลับง่าย ๆ
“คุณแม่ของเด็กเสียเลือดมากเลยนะครับ ตอนนี้ร้อยเปอร์เซนต์คือเด็กปลอดภัยแล้วแต่คุณแม่ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิด หมอแนะนำว่าให้ญาติทำใจไว้ด้วยนะครับ”
คุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องทำคลอดพูดกับพวกเราสามคนที่ตะลึงอยู่ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคนใกล้ตัว
“เดี๋ยวผึ้งจะพยายามโทรหาพีทนะ เผื่อจะติดต่อได้”
ผึ้งพูดกับฉันก่อนจะไปนั่งเก้าอี้หน้าห้องทำคลอดแล้วกดโทรศัพท์ไปด้วย
“แม่เด็กอยากคุยกับคุณเจ้าถิ่นค่ะ คุณเจ้าถิ่นคนไหนคะ”
พยาบาลในห้องเดินออกมาอีกครั้งก่อนจะเรียกชื่อฉัน ฉันได้แต่เดินตามเข้าไปด้วยท่าทีรีบร้อนและหันไปบอกให้พี่ชายช่วยติดต่อพ่อแม่สายลมให้ที
“สายลม…”
คนที่เลือดท่วมตัวนอนนิ่งอยู่บนเตียงพลางกระพริบตาปริบ ๆ ใส่ฉันเมื่อฉันร้องทัก
“เจ้า…”
“…”
“สายลมฝากพายัพด้วยนะ… พายัพเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ลมไม่รู้ว่าเป็นทิศแห่งลมด้วยมั้ยแต่ให้เขาชื่อพายัพนะเจ้า…”
“อื้มได้สิ”
“ถ้าพีทไม่รับพายัพเป็นลูก สายลมฝากเจ้าดูแลเขาด้วยนะ เอาไปไว้กับสถานสงเคราะห์ก็ได้เพราะพ่อกับแม่ลมเขาคงไม่รับ…”
ตี๊ดดดด-----
ฟุ่บ!
“คุณหมอคะคนไข้แย่แล้วค่ะ มีคนเป็นลมด้วยค่ะใครก็ได้มาช่วยที”
เสียงผู้คนเอะอะกันดังสนั่นไปหมด อาการเบลอ ดวงตาพร่ามัวและแขนขาอ่อนแรงทำให้ฉันฟุ่บลง ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าในห้องที่ฉันนอนอยู่มีพ่อของสายลมสวมชุดสีดำนั่งอยู่มุมห้อง ราวกับว่ารอให้ฉันตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะพูดอะไรกับฉัน
“ผะ ผอ.”
ฉันพึมพำเบา ๆ ขณะพยุงตัวลุกนั่งพิงกับพนักเตียงโดยมีพี่ชายของฉันช่วย ข้างเตียงนอนของฉันมีเด็กทารกหน้าตาน่ารักน่าชังนอนหลับพริ้มอยู่ พายัพเหรอ? และก็ทำให้ฉันหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ…
“พ่อจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศนะหนูเจ้า แล้วก็คงไม่กลับมาที่นี่อีก”
คนสูงวัยกว่าเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอ่ยบางอย่างกับฉัน
“ถ้างั้นหนูก็จะไม่ได้เจอหลานเหรอคะ?”
ฉันมองไปยังทารกน้อยแรกเกิดที่นอนอยู่ด้วยความรู้สึกใจหาย ถึงในใจจะอยากรู้ว่าย้ายไปเพราะเรื่องของสายลมแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะถาม ในเมื่อเหตุการณ์ที่ฉันเจอในห้องก่อนจะเป็นลมนั้นมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไหนจะสีชุดที่คุณพ่อสวมอยู่ รวมทั้งพี่ชายฉันแล้วก็ผึ้งที่เป็นสีเดียวกันอีก
“พ่อจะเอาเด็กไปไว้ที่ศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วก็บริจาคเงินให้ที่นั่นแต่ฝากหนูเจ้ากับเพื่อน ๆ ช่วยทำเรื่องนี้แทนพ่อทีนะ พ่อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก”
“…”
“นี่เป็นเงินที่พ่อจะบริจาคให้ที่นั่น ฝากหนูเจ้าเป็นธุระให้ที”
ท่านไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากวางซองสีขาวไว้ตรงหน้าฉัน
พอถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันหมดสติไปจึงได้รู้ว่าฉันสลบไปหนึ่งคืนเต็ม ๆ แม่ของสายลมช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้อาการโรคหัวใจที่ท่านเป็นอยู่กำเริบขึ้นมา และท่านก็ตามสายลมไปอยู่บนสวรรค์อีกคน
พ่อของสายลมทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจจัดงานศพของผู้หญิงที่รักทั้งสองพร้อมกันในวันเดียว และทำเรื่องลาออกจากโรงเรียน ก่อนจะทำเรื่องขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้ธนาคารในราคาถูก ๆ แล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับพี่ชายของสายลม ส่วนพ่อกับแม่ของพีทที่อยู่ต่างประเทศก็ตามมาร่วมงานไม่ทันเพราะรู้เรื่องช้าไป และพีทเองก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในงานด้วย
“ไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่นอกจากพวกเราสามคน”
ผึ้งที่ยืนมองทารกน้อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะแก้มเนียมของคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ ทุกคนที่ไม่รู้เรื่องนี้คงเข้าใจว่าสายลมกับลูกจากไปพร้อมกันแล้วแน่ ๆ ถ้าผึ้งพูดออกมาแบบนี้
“ทัพบอกหมอว่าเป็นพ่อของเด็กแล้วเซ็นรับเป็นพ่อแล้วนะเจ้า เพราะสายลมไม่ได้ฝากท้องก็เลยทำได้ง่ายแล้วหมอก็ไม่ได้สงสัย ตอนนั้นทัพคิดว่าถ้าไม่มีคนเซ็นแล้วสายลมจะมีปัญหา แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้วอะเพราะไปอ่านเจอมาเขาบอกว่าไม่ต้องเซ็นก็ได้”
พี่ชายฝาแฝดฉันพูดขึ้นก่อนจะหันมามองหน้าฉันพร้อมกับผึ้งด้วยท่าทางเซ็ง ๆ
“งั้นเราเอาเงินก้อนนี้ไปบริจาคกันเถอะ”
ฉันยิ้มให้คนสองคนก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างเตียง ถึงจะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่มันก็ต้องรีบทำใจแล้วจัดการเรื่องที่ค้างอยู่ให้เสร็จ ๆ ไป
ถ้าพี่ชายฉันเซ็นเป็นพ่อให้พายัพ นั่นก็หมายความว่าพายัพเป็นลูกของพี่ชายฉัน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเด็กคนนี้เป็นลูกใครเพราะแม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว และที่บ้านของสายลมก็ไม่มีใครรับเด็กคนนี้ไว้เพราะทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ พีทเองก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
“เจ้าจะเป็นแม่ให้เด็กคนนี้เอง”