1
เสียงเพลงดังกึกก้องไปทั่วสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง ผู้คนส่วนใหญ่กำลังสนุกสนานเบิกบานไปกับจังหวะดนตรีทั่วบริเวณ แต่ตัดฉากมาที่ห้องหนึ่งที่ถูกปิดกั้นด้วยกระจกสีชา ภายในห้องนั้นมีเพียงชายหนุ่มสามคนที่นั่งหน้าเครียดคิ้วขมวดแบบเดียวกัน คนหนึ่งกำแก้วในมือแล้วยกขึ้นกระดกจนหมด คนที่สองยกแก้วของตัวเองขึ้นมาแล้วดื่มรวดเดียวตามคนแรก และคนสุดท้ายก็ทำหน้ามึนๆ มองสองคนแล้วหันหน้าหนี
“จะเอายังไงกับมันดีว่ะ” วอฟหนึ่งในสามคนพูดขึ้นแล้วตีหน้าเครียด กำมือสองข้างประสานกันแล้วเท้าคางลง
“มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว มันยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอว่ะ” ฟอซ์กชายคนที่สองพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ
“แม่มันว่าไง” พายุที่นั่งหน้ามึนๆ อยู่ถามขึ้นบ้าง แล้ววอฟก็ถอนหายใจแล้วบอกเพื่อนของเขาไป หลังจากที่ได้รับคำขอการช่วยเหลือจากแม่ของคนที่สร้างความหนักใจให้กับพวกเขาตอนนี้
“หมอบอกว่ามันมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง ต้องรีบเข้ารับการรักษาแต่มันดื้อไปยอมให้ใครพาไปหาหมอ มันปฏิเสธทุกข้อเสนอ” วอฟพูดแล้วยกของเหล้วสีเหลืองอำพันกระดกเข้าปากอีกครั้งจนหมดแก้ว
“โรคซึมเศร้าเหรอ” พายุพูดแล้วคิดอย่างเหม่อลอยแล้วก่อนที่จะฉุกคิดได้ว่าเขาเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ กับญาติของเขา
“อืม มีความเสี่ยงที่คนเป็นโรคนี้จะฆ่าตัวตายสูง” หลังจากที่ประโยคนั้นจบลงทุกคนก็เข้าสู่ความเงียบ ก่อนที่ผู้ชายหน้ามึนจะต่อสายไปหาใครสักคนหนึ่ง แล้วออกไปจากห้องระดับซูเปอร์วีไอพีของพวกเขา
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพายุก็กลับมาพร้อมกับผู้หญิงหน้าตาสะสวย เธอยิ้มให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ในห้องด้วยสีหน้าเครียดๆ พวกเขามองเธอแว๊บหนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปหาเพื่อนของตัวเอง
“เพื่อนเครียดๆ มึงยังจะมีอารมณ์กับสาวอีกเหรอว่ะ” วอล์ฟพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจแต่คนถูกกล่าวหาก็ยังตีหน้ามึนแล้วพูดขึ้น
“ใครบอก ยังนี่มีประโยชน์กับเรื่องที่เรากำลังกลุ้มต่างหาก” พายุพูดแล้วผายมือให้ผู้หญิงคนนั้นั่งลง
“ยังไง” ฟอซ์กขมวดคิ้วถามแล้วมองไปที่หญิงสาวอีกครั้ง
“นี่ปลายฟ้า ยัยนี่เคยทำให้ป้าของฉันหายจากอาการอย่างที่แกบอก” พายุพูดแล้วทำหน้ามึนต่อ
“เธอจบหมอเหรอ” วอล์ฟถามด้วยสีหน้าจริงจังแววตาของเขาดูดุๆ และน่ากลัว
“เปล่าค่ะ” ปลายฟ้าตอบแล้วเธอก็หันไปหน้าไปหาพายุ เพื่อขอความช่วยเหลือ
“แล้วจะรักษาเพื่อนฉันได้ยังไง แกมั่วแล้วไอ้พายุ”
“ฉันทำได้หมดแหละถ้ามีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง” ปลายฟ้าพูดแล้วยิ้มมุมปาก ถึงแม้เธอจะจบแค่สาขาจิตวิทยา แถมยังได้เกรดต่ำตมมากๆ
“…” คนทั้งสามเงียบแล้วหันไปมองคนพูดด้วยสีหน้าจริงจังและหนักแน่น
“ร้อนเงินหรือไง” ฟอร์กถามแล้วดันแก้วให้คนตัวเล็ก ในบรรดาสี่คนเขาคงจะดูเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ที่สุดในกลุ่ม
“ใช่ พ่อฉันติดหนี้เพราะหาเงินไปรักษาแม่ แต่ตอนนี้ท่านเสียชีวิตแล้ว พ่อก็ป่วยด้วย งานอะไรที่เงินหนักๆ ฉันรับหมดยกเว้นขายบริการ” เธอพูดออกไปด้วยความหนักแน่นแต่แฝงไปด้วยความเศร้าหมองเมื่อต้องพูดถึงครอบครัวตัวเอง
“ฉันจะลองถามแม่มันดู แล้วจะติดต่อเธอไป” วอล์ฟบอกผู้หญิงตรงหน้า ปลายฟ้าพยักหน้ารับแล้วจึงเดินออกไปจากห้องกระจกโดยมีพายุไปส่ง
ก่อนที่เขาจะกลับมานั่งที่ของตัวเองอีกครั้งเพื่อสนทนากับเพื่อนอีกสองคน เกือบหนึ่งปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้มาพร้อมหน้ากันสี่คน หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าสลดขึ้นกับเพื่อนของตัวเอง หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ไม่เคยได้มานั่งร่วมวงกับเพื่อนสนิทอีกคนเลย ไม่ใช่เขาคนนั้นเลิกดื่มเหล้าแต่เป็นเพราะเขาคนนั้นเลือกที่จะไปดื่มคนเดียว เลือกที่จะพูดคุยกับคนรอบข้างน้อยที่สุด เลือกที่จะอยู่กับความคิดที่จมปลักของตัวเอง
หลังจากที่ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าคนรักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นได้มั้ย” วอล์ฟถามขึ้นหลังจากที่นั่งคิดทบทวนอยู่นาน
“ตอนนั้นป้าฉันก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า จนกระทั่งคิดฆ่าตัวตาย ลุงเลยติดต่อขอความช่วยเหลือจากญาติฝั่งเขาเพราะได้ยินมาว่ายัยฟ้าเคยช่วยงานในบ้านพักคนชรา และดูจะเป็นที่ยอมรับของคนที่นั่นว่ายัยนี่ทำให้คนพวกนั้นมีความสุขมากขึ้น”
“งั้นก็ต้องลองเสี่ยงดู ฉันจะติดต่อแม่ของมันไป” วอล์ฟพูดแล้วก็เดินออกจากร้านเพื่อไปติดต่อคนที่เขาเพิ่งจะบอก สีหน้าเคร่งเครียดทำให้สาวๆ ได้แต่มองตาละห้อยไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ทั้งที่ใบหน้าหล่อเหล่านั้นช่างดึงดูดความสนใจ แต่จะมีใครกล้าคุยกับคนที่ดุเหมือนเสือได้ยิ่งตอนมีเรื่องด้วยแล้ว ยิ่งอันตรายต่อคนไม่สนิท
“สวัสดีครับคุณป้า” ชายหนุ่มออกมายังที่เงียบสงบห่างจากร้านแล้วต่อสายไปยังแม่ของเพื่อนสนิท
(ว่าไงวอล์ฟ) เสียงของหญิงวัยห้าสิบพูดขึ้น เขารู้ดีผู้หญิงคนนี้จิตใจดีแค่ไหน
“ผมรบกวนคุณป้ามั้ยครับพอดีจะคุยเรื่องไฟท์” เขาถามด้วยความเกรงใจ ถึงแม้จะดูก้าวร้าวกับใครหลายคนแต่กับผู้ใหญ่ที่สนิทเขาทำตัวดีเสมอ
(ไม่หรอกลูก แม่กำลังนอนไม่หลับเลยออกมาหาหนังสืออ่านพอดี) คนเป็นแม่พูดขึ้นอย่างใจดีแล้วนั่งลงยังโซฟาตัวใหญ่ในห้องหนังสือของบ้าน
“คือไอ้พายุมันหาคนที่พอจะช่วยพวกเราได้แล้ว แต่เป็นคนธรรมดา เธอเคยอยู่ดูแลคนชราในบ้านพักคนชราเลยอยากลองถามคุณป้าว่าจะลองให้เธออยู่ดูแลมันดีมั้ย” เขาอธิบายให้คนเป็นแม่ของเพื่อนสนิทฟัง
(เห้อ แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ช่วงนี้ไฟท์ไม่ออกไปไหนเลยแม่ต้องจ้างคนมาเฝ้ากลัวเขาจะคิดอะไรที่ไม่ควร ลองเสี่ยงดูดีมั้ยวอล์ฟ แล้วเขาน่าไว้ใจขนาดไหน) วอล์ฟเงียบไปกับคำถามนั้นเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นน่าไว้ใจหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นคนที่ไอ้พายุกล้านำมาเสนอก็คงจะไม่เลวร้ายอะไรนัก
“ผู้หญิงคนนี้เคยทำให้ป้าของพายุที่คิดฆ่าตัวตายกลับมาเป็นปกติครับคุณป้า ตอนนั้นป้าของพายุก็ไม่ยอมไปรักษาเหมือนกัน” เขาพูดเพื่อให้ผู้หญิงรุ่นแม่เชื่อใจมากขึ้น
(งั้นวันเสาร์นี้ลองให้เธอมาพบแม่ดูนะ วอล์ฟก็พาเธอมาแล้วกัน) เธอพูดพลางคิดดีใจอย่างมีความหวัง หลังจากที่ต้องเห็นลูกตัวเองอยู่ในภาวะซึมเศร้ามานาน คิดว่าสักวันคงดีขึ้นแต่เปล่าเลย
“ครับ แล้วผมจะโทรหา”
Secret L. : ตอนที่1มาแล้ววว ฝากคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า