ร้ายได้ใจ

1287 Words
ภูผาเห็นท่าไม่ดีตัดสินใจ รวบข้อมือเรียวไว้ด้วยกัน โดยจับไว้ด้วยมือเดียวของตนเอง อีกมือหนึ่งปรับเอนเบาะให้ราบลงไปแล้วขยับตัวให้ได้ที่ เอามืออุดปากหล่อนไว้ เพื่อปิดกั้นเสียงที่แสบแก้วหู             “โอ๊ย” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง แล้วสะบัดมือที่อุดปากบางไว้ ก้มลงมองที่ฝ่ามือที่ตอนนี้มันแดงเป็นรอยซี่ฟันเล็กๆ แดงจนเขียวขึ้น “เจ็บนะไอ้เด็กบ้า กัดมาได้” คำพูดที่ดูจะเริ่มหมดความอดทนกับหล่อน จ้องมองหล่อนเขม็ง           “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”             หล่อนไม่พูดพร่ำทำเพลง ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือต่อ เมื่อมือหนาดึงกลับ โดยไม่สนใจคนที่นั่งทำหน้าเข้ม บอกบุญไม่รับ เฮ้อ...ร้องเรียกมันเข้าไป...            “ตะโกนเข้าไป คงมีคนได้ยินหรอก...เอาผ้าอุดปากเสียดีมั้ย” พูดจบก็ทำตามที่ปากพูดทันที           ผ้าเช็ดหน้าถูกควักออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว แต่ก็ชะงักค้างกลางอากาศ มองของในมืออย่างลังเล สลับกับมองหน้าหญิงสาวที่จ้องหน้า ตาเขียวปั๊ด เบิกกว้างเกือบถลน แต่เป็นว่าตัวเขากลับชะงัก ไม่ใช่กลัวสายตาเจ้าหล่อนที่ส่งมา แต่เขาลังเลว่าจะทำอะไรก่อนดี ระหว่างปิดปาก และมัดมือมัดขาหล่อนเอาไว้ เพื่อให้เขาเจ็บตัวน้อยที่สุด                     กลายเป็นว่าหญิงสาวถูกจำกัดอิสระ ไว้แค่เบาะหลังเท่านั้น ตากลมโตกรอกไปมา มองชายหนุ่มตาโตเท่าไข่ห่าน ตอนนี้หล่อนจะด่าว่าก็ไม่ได้ จะลงแรงทุบตีก็ไม่ได้แล้ว มีเพียงสายตาที่ด่าทอออกไปเท่านั้น            ภูผาแอบมองทางกระจกแล้วนึกขำกับสภาพของคุณหนูตัวร้าย ตอนนี้ถูกปิดปากมัดมือมัดเท้า มีก็แต่สายตา ที่ใช้ข่มขู่เขาเท่านั้น             ชายหนุ่มรีบขับรถออกนอกเส้นทาง ตอนนี้เขารับหน้าที่ใหม่เพิ่มไม่ใช่แค่เฝ้ามองหล่อนแค่อย่างเดียว ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาต้องการให้เขาดูแลลูกสาวของเพื่อน ให้ผ่านพ้นช่วงหาเสียงไปเสียก่อน ชายหนุ่มจึงต้องพา แม่คุณหนูตัวร้ายออกจากพื้นที่สีแดง ที่อาจจะทำให้คู่แข่งหันมาเล่นงานคนใกล้ชิดของผู้ลงสมัครอย่างกรณีนี้           และที่ทำให้เขาหนักใจ คือการปิดบังความจริงที่ว่า ‘เขาเป็นใคร’ เรื่องนี้เป็นคำร้องขอจากพ่อของเธอเอง โดยชายหนุ่มก็ไม่กล้าซักถามอะไรมาก แค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หากหล่อนจะมองเขายังไง เรื่องนี้เขาไม่สนใจอยู่แล้ว และคนที่จะแก้ปัญหาให้เขาทั้งหมด คือผู้เป็นพ่อของเธอเท่านั้น...                      “ต้องขอโทษ คุณหนู...ตัวร้าย ผมจะพาคุณหนูไปเที่ยวพักผ่อนสัก...” เกาคางสากๆ ทำท่าลังเล โดยสายตามองตรงไปยังท้องถนน “กี่วันดีล่ะ เอาเป็นว่าทำตัวดีเมื่อไหร่ จะพากลับเมื่อนั้น” แล้วได้ผลสรุปให้กับคำถามของตัวเอง           เหลือบมองไปทางหญิงสาวแวบหนึ่ง พอได้เห็นสายตาไม่เป็นมิตร ก็หันกลับมาอย่างอารมณ์ดี ภาพผู้หญิงที่นอนอยู่ด้านหลัง มันจุดอารมณ์ขันของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี นี่ถ้าหากหล่อนไม่โดนมัดมือมัดเท้าคงกระโดดงับคอเขาแล้วล่ะ...ด้วยสายตาที่แสดงออกมาในยามที่หล่อนโกรธ           ระยะทางที่ขับมาไกล ทำเอาคนดื้อที่นอนอยู่ด้านหลังหลับอุตุตลอดเส้นทาง บ้านพักและเส้นทางที่เขาได้รับมา ทำเอาชายหนุ่มหลงไปหลายชั่วโมง และตอนนี้ก็มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว บ้านพักที่ปลูกไว้บนเนินสูงรูปร่างเหมือนบังกะโลทั่วไป โดดเด่นท่ามกลางหมู่ไม้เขียวขจี โดยรอบถูกประดับตกแต่งไว้ด้วยต้นไม้       นานาพันธุ์ บางต้นชายหนุ่มเองก็ไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ เมื่อชื่นชมธรรมชาติโดยรอบพร้อมสำรวจดูความเรียบร้อยไปในตัว ชายหนุ่มจึงจัดการปลุกอีกคนให้รู้สึกตัว แต่ดูเหมือนนอกจากหล่อนจะเป็นคนหนูที่เอาแต่ใจแล้ว หล่อนยังนอนขี้เซาได้ถ้วยอีก ชายหนุ่มจึงจัดการช้อนร่างบางไว้ในวงแขน แล้วอุ้มออกมา ตรงไปยังประตูที่เปิดอ้ารออยู่           ชายหนุ่มไม่แปลกใจว่าทำไมประตูบ้านพักเปิดอ้าอยู่ เพราะชายหนุ่มรู้มาก่อนว่าบ้านพักหลังนี้ได้จ้างคนใกล้เคียงดูแลอยู่ และจัดการโทรบอกล่วงหน้าแล้วว่าจะมีคนมาพัก  ระตีที่จัดการเรื่องอาหารอยู่ในครัวรีบวิ่งออกมาดู เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามา และดับสนิทลง เท้าเรียวหยุดชะงัก ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาเหี้ยม ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนขับรถโต้ลมมา ใบหน้ามีรอยแดงเหมือนโดนของคมครูดเป็นทางยาวเรียงกัน  และยิ่งแปลกใจกับภาพรวมทั้งหมด เริ่มลังเลเมื่อเห็นผู้หญิงที่หลับในอ้อมแขน พร้อมกับถูกมัดมือมัดเท้าไว้ แต่หล่อนมั่นใจว่าผู้หญิงผมสีน้ำตาลทองต้องเป็นคนที่ได้ข้อมูลมา แม้จะไม่เคยเห็นหน้าแต่หน้าตาลูกครึ่งแบบนี้ ต้องใช้แน่...           สายตาพินิจมองหญิงสาวในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ว่าใช้คนที่เจ้านายสั่งไว้หรือเปล่า แต่เมื่อมั่นใจว่าใช่ หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ยกมือไหว้ทันที  “สวัสดีค่ะ ระตีค่ะ” ฉีกยิ้มกว้างเอ่ยบอกอย่างรีบร้อน รู้ตัวดีว่าตัวเองมองจับผิดคนมาใหม่อยู่นานพอควร           สาวร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนสั้น กางเกงผ้ายืดสีแดงสดขาสามส่วน สายตายังเน้นมองไปยังหญิงสาวในอ้อมแขน สายตาแปลกใจ ชายหนุ่มรู้ดีสายตาแบบนั้น หล่อนคงอยากรู้ว่าทำไหมเขาและเธอจึงมาในสภาพแบบนี้  “ครับสวัสดีครับ ผมภูผา นี่...” ก้มมองดูคนในอ้อมแขนที่ยังหลับไม่รู้สึกตัว แล้วบอก “คุณหนูซอนด้า ลูกสาวเจ้าของที่นี่ครับ” เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ           ระตียิ้มหวานให้อีกคน เมื่อข้อมูลที่ได้รับตรงกับเจ้านายที่บอกล่วงหน้าเอาไว้  รีบเดินนำหน้าไปยังห้องนอนที่จัดเตรียมเอาไว้  ทันทีที่ประตูเปิดออก ชายหนุ่มเดินแทรกผ่านเข้าไป หากช้ามีหวังแม่สาวในอ้อมกอดหล่นลงไปกองบนพื้นเป็นแน่           ผู้หญิงอะไรหนักเป็นบ้า...           ชายหนุ่มจัดการแก้มัดเสร็จ คนขี้เซาไม่มีท่าทีจะตื่นซักที ชายหนุ่มจึงดึงผ้าห่มจะห่มให้ แต่ก็ถูกเสียงหวานทางด้านหลังร้องบอก “มาค่ะ ระตีจัดการให้ดีกว่า คุณภูผาไปกินอาหารก่อนเถอะค่ะ” เอ่ยบอกแล้วจัดการห่มผ้าให้เรียบร้อย หันมองชายหนุ่มที่เดินเลี่ยงไปยืนเสียไกล           “ไม่เป็นไร ผมรอทานพร้อมคุณซอนด้าดีกว่า”           “กว่าคุณหนูจะตื่นคงอีกนาน ยิ่งได้อากาศร่มรื่นแบบนี้มีหวังคงตื่นพรุ่งนี้เช้ามั้งคะ” หญิงสาววิเคราะห์ จากเหตุการณ์ ขนาดถูกอุ้มและแก้มัดให้ยังไม่รู้สึกตัวเลย แล้วยิ่งได้นอนแบบสบายๆ หากเป็นหล่อนก็คงไม่ตื่นเช่นกัน           “อาหารถูกเตรียมเอาไว้แล้วบนโต๊ะ หากมีอะไรคุณก็โทรหาระตีได้ตลอดเวลา นี่ค่ะเบอร์” เศษกระดาษแผ่นเล็กถูกยื่นออกมาอย่างเตรียมพร้อม ชายหนุ่มยื่นมือรับ “ระตีต้องกลับบ้านก่อน เสื้อผ้าเตรียมไว้แล้วอยู่ในตู้นะคะ” สาวสวยเอ่ยบอก เมื่อเสร็จธุระของเธอ           “เดี๋ยวสิ...ระตีอยู่คุยกันก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD