อดีตที่เจ็บปวด

1084 Words
ร่างบางที่ไม่ได้ตกแต่งใบหน้าหันกลับมา ส่งยิ้มหวานอย่างจริงใจให้คนเรียก เครื่องหน้าที่ธรรมชาติตกแต่งไว้อย่างลงตัว ยามยิ้มมันดูสดใสยิ่งนักในสายตาชายหนุ่ม แต่เหตุใดสาวสวยนางนี้ถึงได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มอยากรู้           “มีอะไรข้องใจหรือคะ?”           “คือ...ผมอยากรู้ว่าใครที่ดูแลที่นี่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนมีอายุมากกว่านี้ ในความคิดผม” เอ่ยสีหน้าราบเรียบ ทำให้คนที่ดูหน้าเหี้ยมอยู่แล้วหน้าดุเข้าไปอีก           “อื้อ อย่างนั้นหรือคะ” ร่างบางยิ้มหวานให้ชายหนุ่มอีกครั้ง หล่อนไม่มีทีท่าจะกลัวชายหนุ่มแม้แต่น้อย “ดูคุณจะเป็นห่วงและใส่ใจกับเรื่องความปลอดภัยของสาวสวยคนนั้นจัง” ปรายตามองไปยังห้องที่มีหญิงสาวที่เธอเอ่ยถึงอยู่ด้านใน น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ           “...” ชายหนุ่มนิ่งฟังจับใจความที่หญิงสาวพูด           “ดิฉันก็เป็นลูกชาวสวน แต่เผอิญโชคดีหน่อย มีคนส่งเสียให้เรียน ตอนนี้เรียนจบแล้ว ก็เลยอยากตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณเสียหน่อย ก็เลยไม่ได้รับงานที่ไหน รอให้งานทางนี้เสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ ระตีก็จะกลับไปรับงานเสียที” หล่อนร่ายคำตอบเสียยาว แววตามุ่งมั่น ทำให้ชายหนุ่มอย่างเขายิ่งสับสนในคำพูดของสาวตรงหน้าเข้าไปอีก           สายตากังวลและใคร่รู้ของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวชาวสวนอย่างระตีสังเกตได้ไม่ยาก “คุณภูผาไม่ต้องกลัวหรอก ระตีไม่คิดทำร้ายลูกสาวของผู้มีพระคุณหรอกค่ะ” เอ่ยจบหญิงสาวก็เดินออกไป ทิ้งคำพูดให้     ชายหนุ่มได้ขบคิด           คราแรกหล่อนบอกว่าเป็นเด็กชาวสวน ดิฉันก็เป็นลูกสาวชาวสวน แต่โชคดีหน่อย มีคนส่งเสียให้เรียน ตอนนี้เรียนจบ ก็อยากตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณสักหน่อย ทวนคำพูดที่หล่อนเคยพูดทิ้งไว้ แล้วเอามาปะติดปะต่อกัน           ฮะ...หมายความว่า คุณ...วิรุจเป็นผู้มีพระคุณที่หล่อนหมายถึงอย่างนั้นหรือ?!           ชายหนุ่มเดินออกมาด้านนอก เห็นระตีกำลังก้มเงยๆ อยู่ตรงพุ่มไม้ ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหา และเริ่มชวนหล่อนคุยอีกครั้ง “ยังไม่กลับหรือครับ?”           ใบหน้าหวานหันมายิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยว่า “ยังหรอกค่ะ กะว่าจะรถน้ำต้นไม้พวกนี้ก่อนแล้วจะกลับ” น้ำในถังหมดพอดี หญิงสาวจึงหันกลับไปที่ก๊อกน้ำที่อยู่ติดกับตัวบังกะโลอีกครั้ง           “ผมช่วยดีกว่าครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอาสา เริ่มเข้าใจในตัวผู้หญิงคนนี้มากขึ้น ดึงถังในมือระตีไปถือไว้ทันที อีกคนได้แต่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก           “ต้นไม้พวกนี้ ใครเป็นคนปลูกหรือ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทำหน้าที่แทนหญิงสาวไปอย่างคล่องแคล่วและไม่ถือตัว บางครั้งหันมาส่งยิ้มให้อีกคนที่ยืนมองดูอยู่ ทำเอาลบภาพชายหนุ่มหน้าเหี้ยมไปหมดเกลี้ยง           ระตีแอบถอยห่างออกมา เพื่อให้ชายหนุ่มได้ทำในสิ่งที่ต้องการสะดวกขึ้น แขนเรียวงามถูกยกกอดอก มองพินิจชายหนุ่มใหม่อีกครั้ง รู้สึกพอใจในความเป็นกันเองของชายหนุ่ม และที่สำคัญหล่อนลืมตอบคำถามที่  ชายหนุ่มได้ถามไป เพราะมัวแต่ใจลอย คิดถึงเรื่องชายหนุ่มอยู่นั่นเอง           “ทำไม หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือครับ ถึงได้มองตาไม่กระพริบ” แหย่อีกคนแก้เขิน           “อะ...อะไร เปล่า...” ก้มหลบสายตา “ก็แค่มองคุณทำงานคล่องดี” แม้เสียงจะดูตื่นเต้นผิดปกติ พยายามตอบออกไปเพื่อไม่ให้อีกคนคาใจ             “แล้วตกลงต้นไม้พวกนี้ใครเป็นคนปลูกครับ?” ถามใหม่อีกครั้ง เมื่อเดาว่าคำถามเมื่อกี้หล่อนคงไม่ได้ยิน เพราะมัวแต่เหม่อมองจ้องแต่ใบหน้าของเขา           “คุณแม่ค่ะ คุณแม่ระตีเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ไว้ที่บ้าน และท่านแยกเอาออกมาปลูกไว้ที่นี่ด้วย” สีหน้าปลื้มแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนเมื่อพูดถึงผู้เป็นแม่           “แม่คุณเก่งนะครับ แล้วตอนนี้ท่านอยู่ไหน ผมอยากรู้จักท่านซะแล้วสิ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างดีใจ เขาเองก็เป็นคนชอบปลูกต้นไม้ บ้านพักในค่ายที่เขาอยู่เกือบจะเป็นป่าอยู่แล้ว           แต่อาการเงียบของคู่สนทนา ทำให้ชายหนุ่มเอะใจ เหลือบมองใบหน้าหวานที่ผิดสังเกต สีหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหยุดถามในสิ่งที่ตนเองอยากรู้ และสังเกตเห็นใบหน้าเนียน แววตาเริ่มเอ่อด้วยน้ำตา           “เป็นอะไร ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า” ชายหนุ่มออกอาการร้อนตัว น้ำตาของหล่อนยิ่งไหลหยดไม่ขาดสาย ชายหนุ่มใจคอไม่ดี ก้าวเดินเข้าไปหาร่างบาง สีหน้าอย่างกังวล “ผมขอโทษ หากพูดอะไรผิดไป” มือหนายื่นจับไหล่บางที่มีอาการสั่นเอาไว้ อย่างปลอบโยน           “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ มันไม่ใช้ความผิดอะไร...ก็แค่คนอ่อนแอขี้แยคนหนึ่ง ไม่รู้จักหักห้ามใจ ไม่ให้อ่อนแอเมื่อคิดถึงแม่” ร่างบางเอ่ยเสียงสั่นพร่า ก้มหน้าร้องไห้บนฝ่ามือตัวเอง           ชายหนุ่มเดาว่าหล่อนคงสูญเสียผู้เป็นแม่ไปแล้ว เมื่อมีใครถามถึงจึงเกิดความสะเทือนใจ จนกลั้นน้ำตาเก็บความรู้สึกคิดถึงไม่ได้ และคิดไปว่า ที่จริงคนที่ดูแลที่บ้านพักหลังนี้เป็นแม่ของเธอ แต่พอแม่เสีย หล่อนจึงต้องดูแลบ้านพักหลังนี้แทน และหากเสร็จภารกิจตรงนี้เมื่อไหร่ หล่อนคงกลับไปทำงานตามที่พูดไว้เมื่อครู่ก่อนหน้านี้            ภาพตรงหน้ามันทำให้ย้อนนึกถึงเรื่องของตัวเอง ที่สูญเสียพ่อแม่พร้อมกัน คนที่เป็นลูกคนเดียวยามร้องไห้และเศร้าใจ ไม่เคยได้รับอ้อมกอดจากใครเพื่อให้ได้ทดแทนความอบอุ่นที่หายไป เขาเหมือนหล่อนตอนนี้ มือหนากระชับไหล่บางเข้าหาอกแกร่งของตนเอง โดยอีกคนไม่ได้แสดงอาการขัดขืนใดๆ เขาจึงปล่อยให้สาวในอ้อมแขนร้องไห้ให้พอใจ หากเป็นเขาตอนนั้น เหมือนหล่อนตอนนี้ เขาคงเลือกทำเช่นเดียวกับหล่อน ปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมาให้หมด แล้วหลังจากนี้ เวลาที่เหลือต่อไปทุ้มเทชีวิต เพื่ออนาคตของตัวเอง                      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD