ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

1191 Words
แต่แล้วความเงียบก็สะดุดลง เมื่อระตีเอ่ยขึ้นว่า “สงสัยคนในภาพคงจะมีเรื่องแน่เลย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นลอยๆ ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับมองหน้ากันอย่างงงๆ “นิ คุณซอนด้า!” เสียงแรกที่ดังออกมา ทำเอาคนที่มองหน้ากันอยู่ถึงกับหันขวับ ทำหน้าแตกตื่นมองคนเรียกทันที “มีอะไรหรือคะ” สาวหน้าหวานกลืนน้ำลายลงคอ ไม่แน่ใจว่าสองคนนั้นกำลังตกใจอะไรกันอยู่ “คือ... ระตีจะบอกว่าทึ่งในภาษาไทยของคุณมากก็เท่านั้นเอง” ทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย           เสียงถอนหายใจดังๆ ออกมาพร้อมกันของหนุ่มสาวอย่างไม่ได้นัดหมาย ทำให้ระตีหันมองหน้าสองคนอีกครั้ง แต่ได้การยักไหล่เบาๆ พร้อมกันเป็นคำตอบอย่างพร้อมเพียง           ระตีออกอาการขำ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะตัวเตี้ย ตั้งกรอบรูปไว้ที่เดิม พร้อมเอ่ยว่า “ไว้ได้กรอบใหม่เมื่อไหร่ค่อยมาเปลี่ยน” แล้วเดินไปหยิบไม้กวาดกับเศษแจกัญที่เก็บเรียบร้อยแล้วออกไปด้านนอกห้อง           “คุณพ่อ!”           “อะไร?” ชายหนุ่มร้องถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวเรียกหาพ่อ แล้วก็ต้องหน้าเสีย เมื่อหันมามองหญิงสาวที่ทำหน้าเกือบร้องไห้           “คนในกรอบรูปคือคุณพ่อซอนด้านี่คะ” ใบหน้าตื่นเต้น มองรูปภาพที่ตอนนี้กรอบกระจกมีรอยร้าว ไม่ได้แยกแตกออกจากกันจนดูไม่ได้            ไม่รู้หล่อนจะดีใจหรือเสียใจดี เมื่อเห็นรูปผู้เป็นพ่ออยู่ที่นี้ด้วย แต่ตอนนี้หล่อนอยากรู้เรื่องทั้งหมด ว่าใครเป็นอะไร และเกี่ยวอะไรกับเรื่องของพ่อของเธอบ้างในตอนนี้ และที่สำคัญพ่อหล่อนเป็นอะไรกับเจ้าของบ้านหลังนี้?           แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกเฉยๆ เพราะเขารู้มาบ้างแล้วว่าที่นี้เป็นบ้านของพ่อหล่อน และไม่แปลกหากบ้านหลังนี้จะมีรูปเจ้าของอยู่ในบ้านของตัวเอง           ซอนด้าเดินตามหาผู้หญิงที่เธอได้ยินหล่อนเรียกตัวเองว่าระตี แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ จึงกลับมาหา  ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เก้าอี้ด้านนอก ในใจของหล่อนตอนนี้อยากรู้ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่พบผู้ชายหน้าเหี้ยม และหล่อนก็ถูกพาตัวมาที่บ้านหลังนี้ ด้วยเหตุผลอะไร!           ไม่แปลกหากทุกอย่างเป็นเหตุผลของผู้เป็นพ่อ แต่น่าจะบอกให้หล่อนรู้เรื่องบ้าง ไม่ใช้ปล่อยให้หล่อนกลัวเกือบฉี่ราดแบบนี้...คิดแล้วก็ออกอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ใบหน้าบึ้งตึงใส่คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ             ก้นงอนงามหย่อนลงนั่งเก้าอี้ใกล้ชายหนุ่ม ก้นไม่ทันได้แตะบนเก้าอี้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้อีกตัวก็ผุดลุกขึ้น “อ้าว! จะไปไหน?”           “ไปกินข้าว หิว” เอ่ยไม่ได้มองหน้าคนถาม แล้วเดินหายเข้าไปอีกด้าน           “ฉันกำลังเครียดอยู่นะ!” สาวสวยเอ่ยเสียงแหลม ก้าวเดินตามอีกคนเร็วๆ แต่อีกคนกำลังรู้สึกอึดอัด หากความเครียดที่หล่อนหมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหล่อน เขาไม่อยากจะตอบและบอกอะไรทั้งนั้น           ชายหนุ่มดึงเก้าอี้ เมื่อเห็นสิ่งที่ระตีเคยบอกอาหารอยู่บนโต๊ะ เขาจำได้ขึ้นใจและจัดการนั่งลง เปิดฝาครอบมองอาหารในจาน และจัดการอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจอีกคนที่ยืนทำเสียงฟึดฟัด           “กินก่อน มีแรงแล้วค่อยคิด” เอ่ยบอกทั้งอาหารเต็มปาก           ร่างบางย่นจมูก นั่งลงเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ใกล้กัน เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่สนใจคำพูดของหล่อนจริงๆ จึงยอมทำตามที่ชายหนุ่มบอก แม้จะรู้สึกไม่พอใจก็ตาม           เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ทำให้หล่อนและเขาลืมเวลากินอาหาร และยิ่งได้เห็นอาหารบนโต๊ะ บวกกับความหิว ทำให้ท้องร้องประจานคนข้างๆ        อย่างช่วยไม่ได้           อาหารบนโต๊ะถูกกวาดจนเรียบ ชายหนุ่มจึงจัดการเก็บกวาดของบนโต๊ะอย่างรู้หน้าที่ โดยไม่ต้องมีใครเอ่ยบอก  สาวสวยได้แต่นั่งมองอย่างทึ่งๆ           ท่าทางการทำงานในครัวคงถูกฝึกมาอย่างดี... หญิงสาวคิดแล้วหลุดขำออกมา           “ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่...บอดี้การ์ด หรือโจรลักพาตัว?” เอ่ยถามทั้งๆ ที่เกือบจะมั่นใจว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องตอบในข้อแรก และเป็นครั้งแรกที่หล่อนมองชายหนุ่มอย่างชื่นชม           “แล้วแต่คุณจะคิด แต่หากผมเป็นโจรลักพาตัว ผมขอเลือกเหยื่อที่เป็นกุลสตรีกว่านี้” น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยตอบ ไม่สนใจคนถาม            แต่คำตอบทำเอาสาวสวยร้อนหูฉี่ ลุกขึ้นยืนถ่อยห่างจากเก้าอี้ “นาย... นายพูดว่าอะไรนะ...” เอ่ยน้ำเสียงติดขัดเท้าบางกระทืบพื้นเร่าๆ กำลังคิดว่าเคยได้ยินผู้หญิงที่ชื่อระตีเรียกชายหนุ่มว่า... “ภูผา!  นายหาว่าฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงหรือ?” ชายหนุ่มรู้สึกชอบเวลาที่แววตาสีน้ำข้าวจิกตามองเขาอย่างเช่นเวลานี้           ภูผาเลือกที่จะไม่ตอบ แต่ยักไหล่กลับไป ทำเป็นไม่สนใจ เดินผ่านร่างบางที่กำลังโกรธเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยง หล่อนเป็นผู้หญิงที่เอาแต่อารมณ์โดยแท้... ส่วนเข้ารึ...ชายหนุ่มยกยิ้มเยาะกับตัวเอง รู้สึกระดับอารมณ์เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้อยู่ใกล้แม่คุณหนูคนนี้....วิจารณ์อีกคน แล้วหันมาวิจารณ์ตัวเองต่อเพื่อไม่เอาเปรียบหล่อนจนเกินไป ผ่านไปเกือบอาทิตย์ซอนด้ารู้สึกอารมณ์ดีที่ได้อยู่กับธรรมชาติที่สงบ ต่างกับชีวิตหลายวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ความใกล้ชิดไม่ถือเนื้อถือตัวของหล่อนเข้ากับทุกคนได้ แม้ชายหนุ่มจะชอบพูดยั่วโทสะในบางครั้ง แต่หล่อนก็แว้ดใส่แล้วชิงเดินหนี ความคุ้นเคยที่มีของแขกทำให้ระตีรู้สึกอุ่นใจ และอบอุ่นขึ้นเยอะ แต่หล่อนพยายามบ่ายเบี่ยงคำถามที่หญิงสาวอีกคนพยายามถามด้วยความอยากรู้ และทุกครั้งที่หญิงสาวเอ่ยถามข้อมูลที่เป็นส่วนตัว ระตีกลับทำตัวหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบ ชวนคุยเรื่องอื่นจนสาวสวยผมสีน้ำตาลทองเองเริ่มอ่อนใจ และไม่ได้คำตอบที่หล่อนอยากรู้จนได้ ยิ่งเป็นชายหนุ่มก็ยิ่งทำตัวออกห่าง ไม่กล้าเข้าใกล้เหมือนรู้ตัว กลัวหล่อนจะถามคำถาม จะอยู่ใกล้เวลากินข้าวเท่านั้น เวลาที่เหลือชายหนุ่มมักจะออกไปคุยกับระตีเสียมากกว่าสนใจสาวลูกครึ่ง           อย่างเช่นวันนี้ ภาพที่ชายหนุ่มกำลังช่วยหญิงสาวปลูกต้นไม้ ภาพที่พูดคุยตอบโต้ และยิ้มเมื่ออีกคนพูดจาถูกใจ           “คุณภูผาจะถือไว้อีกนานมั้ย วางลงได้แล้ว” เสียงหวานของระตีเอ่ยบอก           “อ้าว! ก็คุณบอกให้ผม ถือผมก็ถือสิ จะมาว่าอะไรผม” คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะของระตีได้เป็นอย่างดี พร้อมกับสายค้อนพองามของหญิงสาว           
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD