ตอนที่ 4 ไร่รัฐดาวงศ์

2886 Words
ไร่รัฐดาวงศ์ >>>>>@@@@@@@@<<<<< “พ่อเลี้ยงครับ ป้าไหมฝากซื้อเค้กร้าน Frend & Frend ผมแวะไปซื้อให้ป้าก่อนนะครับ”สุดเขตบอกกับเจ้านายที่นั่งขรึมทำหน้านิ่งเหมือนรูปปั้น พร้อมกับเอามือกุมที่หน้าอกบ่อย ๆ บอกจะพาไปหาหมอก็ดื้อไม่ยอมไป คนแก่เขากลัวหมอกันด้วยเหรอวะ สุดเขตก็ได้แค่คิดแหละ แต่ทำอะไรมากไม่ได้ พ่อเลี้ยงก็กลัวอยู่หรอก แต่ถ้าป้าไหมบ่นนี่น่ากลัวกว่าพ่อเลี้ยงนิ่งใส่อีกบอกเลย สุดเขตเลยทำใจดีสู้เสือขอไปซื้อเค้กให้ป้าก่อน เพื่อความปลอดภัยและความสงบในการใช้ชีวิตที่บ้านไร่ “..................” ไม่มีคำตอบจากคนเป็นเจ้านาย สุดเขตถือว่าเป็นคำตอบแล้วกัน ¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡ ร้าน Frend & Frend Cafe’ Of Love “พ่อเลี้ยงเข้าไปในร้านดื่มอะไรเย็น ๆ ก่อนไหมครับ ร้านนี้ของอร่อยทั้งนั้นนะครับ”สุดเขตหันมาชวนเจ้านายหน้านิ่งเข้าไปในร้าน เผื่อจะใจเย็นลงบ้าง “..................”สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบเหมือนเดิมและที่เพิ่มเติมคือสายตาที่บ่งบอกว่าถ้าไม่หยุดพูดสุดเขตมันต้องโดนแล้วนะ เมื่อโดนสายตาพิฆาตของพ่อเลี้ยง สุดเขตรีบพาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองลงจากรถเสียให้ไวในทันที เวลานี้เป็นช่วงใกล้เที่ยง ลูกค้าที่ร้านเลยค่อนข้างเยอะ สุดเขตเข้าไปสั่งเมนูที่ตัวเองต้องการและออกมานั่งรอที่โต๊ะหน้าเคาน์เตอร์ พ่อเลี้ยงนั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่ในรถถึงเด็กหนุ่มที่เขาเจอที่วัดก่อนหน้านี้ คนอะไรจะเหมือนกันได้ขนาดนี้ 24 ปีแล้วที่ไม่เจอกัน ภาพทุกอย่างยังคงชัดเจนในความทรงจำของพ่อเลี้ยงไม่เคยจางหายไปจากใจเลยซักวัน ‘ใช่บัวตองใช่ไหม กลับมาหาวินทร์แล้วจริง ๆ ใช่ไหมตอง’ พ่อเลี้ยงยังคงนั่งเหม่ออยู่ในรถพร้อมกับทอดสายตาออกไปมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเข้าไปในร้านที่สุดเขตเข้าไปในขณะที่นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ พ่อเลี้ยงก็เหลือบไปเห็นเหมือนคนที่เขาเจอที่วัดเมื่อกี้ หอบของเต็มไม้เต็มมือดูเกินกำลังของคนตัวเล็กอย่างเขาไปมาก เดินเข้าไปในร้านและมีคนในร้านออกมาช่วยถือ ไม่ต้องรอให้เสียเวลานาน กลัวว่าคนตัวเล็กเดินหายไปจากสายตา เขารีบลงจากรถตามเข้าไปในร้านอย่างไม่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจเกินเสี้ยวนาที พ่อเลี้ยงเดินเข้ามาในร้านก็เห็นว่าคนค่อนข้างเยอะแต่ไม่ใช่ปัญหาของเขาแม้แต่นิดเดียว สายตายังคงสอดส่องหาคนตัวเล็กเมื่อกี้อย่างตั้งใจ และสายตาก็มองไปพบคนที่เป็นเป้าหมายของเขา และตรงมุมนั้นมีที่นั่งว่างอยู่ พ่อเลี้ยงเลยเดินไปนั่งเป็นลูกค้าของร้าน Frend & Frend Cafe’ Of Love ‘แฟนเค้าเหรอ .....!!!!’ “อ้นไปไหนมา โทรศัพท์ก็ไม่เอาไปด้วย รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงมากแค่ไหน ไอ้อ้นบ้า งืออออ”น้ำอิงต่อว่าเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วงและเดินมากอดอ้นเอาหน้า ถู ๆ กับหน้าอกเพื่อนรักอย่างที่เคยทำเป็นประจำอยู่แล้ว “แล้วนี่เป็นอะไร ดูเหมือนอาการไม่ดีเลยนะ ไปหาหมอไหมอ้น นั่งก่อนเถอะ”น้ำอิงมองเพื่อนเหมือนไม่สบายหรือว่าตากแดดนาน “อิง เราเหมือนเจอเขาแล้ว ไม่รู้ซิ หรือเราคิดไปเองก็ไม่รู้”อ้นยังพูดจาสับสน คนฟังก็พลอยงงไปด้วย “คนในความฝันอ้นน่ะเหรอ เขามีตัวตนจริง ๆ เหรออ้น แน่ใจใช่ไหม”น้ำอิงที่สนิทกับอ้น เลยเดาเรื่องได้ไม่ยากจากอาการของเขา “เราก็อยากให้เป็นเขา แต่ดูอายุเขาต่างจากคนที่เราฝันเราเยอะเลย”อ้นพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะคนที่อ้นฝันถึงกับคนที่เจออายุต่างกันมาก แทบไม่มีความเป็นไปได้เลย “เจอทั้งสองคนป๊ะ”น้ำอิงถามอย่างสงสัย “เปล่าเจอแค่วินทร์ เอ่อ คนที่เราคิดว่าเป็นวินทร์น่ะ แต่เรารู้สึกคุ้นหน้าเขามากเลยนะ อิง”อ้นบอกไปอย่างรู้สึกผิดหวัง ที่เดินหนีเขาออกมาแบบนั้น “เออ ๆ ใจเย็น ๆ ก่อน แล้วนี่แกเป็นอะไรหน้าซีด ๆ ถ้าไม่ไปหาหมอก็ไปพักเถอะ”น้ำอิงถามอ้นอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง ถ้าอ้นได้ตั้งใจหรือยึดมั่นในเรื่องใดแล้วก็จะฝังตัวเองอยู่แบบนั้น จนบางครั้งน่าเป็นห่วง อ้นเดินเข้าไปพักหลังร้านตามที่น้ำอิงบอก เพราะเขาก็รู้สึกเหนื่อยกว่าทุกวันเช่นกัน ¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡ “ขอโทษนค่ะคุณลูกค้า ตรงนี้นั่งไม่ได้นะคะ รบกวนคุณลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะด้านนั้นจะสะดวกกว่า”พนักงานสาวเดินมาที่โต๊ะของพ่อเลี้ยง เพราะตรงนี้เป็นมุมส่วนตัวของเจ้าของร้าน ส่วนใหญ่ลูกค้าจะไม่มีใครเดินเข้ามาลึกขนาดนี้ “ตรงนี้ก็ว่างนี่ ด้านนอกคนเยอะ ผมสะดวกนั่งตรงนี้” พ่อเลี้ยงมองพนักงานตรงหน้าและตอบออกไปเสียงนิ่งขรึม และมองด้วยสายตาไม่แสดงอารมณ์ใดใดออกมา “เอ่ออออ..... คือตรงนี้”พนักงานมีท่าทางอึดอัดกับลูกค้าตรงหน้า “มีอะไรเหรอ ใบเตย”น้ำอิงที่ได้ยินเสียงพนักงานของตัวเองคุยกับลูกค้าก็รีบเดินออกมาดู “เตยแค่มาบอกลูกค้าให้ไปนั่งที่อื่นนะคะคุณน้ำอิง”ใบเตยหันมาบอกเจ้าของร้านอย่างหวั่น ๆ “ไม่เป็นไรหรอกเตยไปดูแลลูกค้าคนอื่นเถอะ เชิญลูกค้านั่งตามสบายนะคะ ขอโทษที่รบกวนเวลาค่ะ”น้ำอิงออกมาจัดการ และกล่าวขอโทษลูกค้าที่พนักงานเข้ามารบกวนลูกค้าแบบนี้ “ขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะที่ไม่ได้รับความสะดวก” น้ำอิงหันมาพูดกับพ่อเลี้ยงอย่างมีมารยาทอีกครั้ง พ่อเลี้ยงก็แค่พยักหน้าและมองหาคนที่เป็นเป้าหมายของเขา แต่ตอนนี้ไม่เจอแล้ว “มองหาใครเหรอคะ”น้ำอิงถามออกไปอย่างเสียมารยาทเพราะเห็นพ่อเลี้ยงมองเข้าไปหลังร้าน “เปล่าครับ ผมมารอลูกน้องซื้อเค้กอยู่ครับ”พ่อเลี้ยงตอบออกไปเสียงนิ่งเหมือนเดิมและก้มลงไปดูโทรศัพท์ในมือไม่สนใจสาวสวยตรงหน้าอีก เมื่อเห็นว่าคนที่เขาตามหาไม่อยู่ที่นี่แล้ว พ่อเลี้ยงก็เดินออกไปนอกร้านไปนั่งรอในรถเช่นเดิม และโทรสั่งสุดเขตว่าให้เอาเค้กเพิ่มอีก 1 ชุด เขามีอีกคนที่ต้องไปเยี่ยม ¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡ “แวะไปหมู่บ้านอิงดอยก่อนนะ สุดเขต”พ่อเลี้ยงบอกคนขับรถเมื่อรถใกล้ถึงทางแยก “ครับพ่อเลี้ยง”สุดเขตรับคำเจ้านายและเลี้ยวซ้ายขึ้นไปบนดอยอีกประมาณ 20 นาทีก็ถึงหมู่บ้านเป้าหมาย หมู่บ้านอิงดอย หมู่บ้านอิงดอยเป็นบ้านที่ป้าจันทร์อาศัยอยู่ก่อนที่จะเข้าไปเป็นแม่บ้านที่ไร่รัฐดาวงศ์ ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อ 24 ปีก่อน ป้าจันทร์ก็ได้ขอลาออกจากการเป็นแม่บ้านที่บ้านไร่รัฐดาวงศ์ทันที ป้าจันทร์ทนอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมไม่ได้ บ้านพักหลังเล็ก ๆ ที่มีความทรงจำ ความสดใจ เสียงหัวเราะ และความรักของบัวตอง ป้าจันทร์กลับมาอยู่ที่บ้านเดิมของตัวเอง ปลูกผักปลอดสารพิษส่งตลาดในเมืองพอเลี้ยงตัวเองได้ ตั้งแต่ออกมาจากไร่รัฐดาวงศ์ ป้าจันทร์ไม่เคยไปเหยียบที่บ้านไร่รัฐดาวงศ์อีกเลยตั้งแต่วันนั้น แต่พ่อเลี้ยงก็แวะเวียนมาเยี่ยมเป็นครั้งคราวตามโอกาส ป้าจันทร์ไม่ได้โกรธพ่อเลี้ยงแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็แค่ไม่ค่อยพอใจคุณผู้หญิงของบ้านที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปหมด จะมารู้สึกผิด มากล่าวคำว่าขอโทษตอนที่ทุกอย่างมันสายไป ป้าจันทร์ก็เพียงแค่รับคำขอโทษนั้นไว้และลาออกมาในวันที่จัดการงานทุกอย่างเรียบร้อย “สวัสดีครับป้าจันทร์”พ่อเลี้ยงภาวินทร์กล่าวทักทายหญิงสูงอายุวัย 60 ปลายด้วยความเคารพเหมือนเดิม “คุณภาวินทร์หายไปนานเลยนะคะ”ป้าจันทร์ก็ทักทายพ่อเลี้ยงภาวินทร์อย่างคุ้นเคยเช่นกัน “งานที่ไร่เยอะนะครับ ตอนนี้เรากำลังขยายฟาร์มเพิ่ม ผมจะเลี้ยงวัวนมและปลูกผลไม้เพิ่มอีกครับ ป้าจันทร์สบายดีนะครับ”พ่อเลี้ยงภาวินทร์บอกความเป็นไปของที่ไร่ “ก็เรื่อย ๆ ตามประสาคนแก่นะคะ” “ผมเข้าไปในเมืองไปทำบุญให้บัวตองมา เลยซื้อขนมมาฝากป้าด้วยครับ”พ่อเลี้ยงภาวินทร์พูดพร้อมกับยื่นถุงขนมในมือให้ป้าจันทร์ “ช่วงนี้ป้าก็ฝันแปลก ๆ มาหลายวันแล้วนะ แต่ยังไม่ได้ไปทำบุญให้เจ้าตองมันเลย”ป้าจันทร์พูดถึงหลานสาวด้วยความคิดถึง “ป้ามานั่งก่อนนะครับ”พ่อเลี้ยงประคองป้าจันทร์ให้มานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ข้าวแปลงผักของป้า “ผมก็ฝันเห็นบังตองครับ วันนี้ไปในเมืองเลยไปถวายสังฆทานที่วัดมา” “ในฝันบัวตองบอกป้าว่า เขากำลังจะกลับมาหาป้า แล้วเขาก็หายไปเรียกเท่าไหร่ก็ไม่หันมาอีกเลย” “หลวงพ่อที่วัดก็บอกกับผมว่า คนที่ผมรอ บุญกุศลที่ทำร่วมกันมา จะทำให้เราสองคนได้เจอกัน ในเวลาที่เหมาะสมเอง ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” “หรือว่าบัวตองไปเกิดใหม่แล้วคะ เขามาบอกลาเรารึเปล่า”ป้าจันทร์พูดออกมาตามความรู้สึกของตัวเอง “บัวตองสัญญาก่อนจะหลับจากผมไปในวันนั้น เขาขอกว่าจะกลับมาหาผม ตลอดเวลาผมไม่เคยมีวันไหนที่ผมลืมหรือไม่คิดถึงบัวตองเลย ผมรอว่าซักวันตองจะกลับมาจริง ๆ ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้เลยผมก็ยังคงรอเขาอยู่”พ่อเลี้ยงพูดบอกป้าจันทร์ด้วยเสียงที่สั่นเครือเหตุการณ์ในวันนั้นไม่เคยหายไปจากใจของพ่อเลี้ยงภาวินทร์เลย เขายังคงโทษตัวเองเสมอว่าเป็นต้นเหตุทำให้บัวตองต้องตาย “ถ้าเรามีบุญวาสนาต่อกัน ไม่แน่ว่าตอนนี้บัวตองอาจกำลังตามหาคุณภาวินทร์อยู่เหมือนพระท่านบอกก็เป็นได้นะคะ”เมื่อป้าจันทร์พูดจบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นก็ลอยเข้ามาในความรู้สึกของพ่อเลี้ยงในทันที ‘เป็นตองจริง ๆ ก็ดีซินะ อยากให้เป็นแบบนั้น วินทร์คิดถึงตอง คิดถึงที่สุด’ พ่อเลี้ยงภาวินทร์คิดในใจ และนั่งคุยกับป้าจันทร์ซักพักเขาก็ขอตัวกลับไปที่ไร่ ¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡ บ้านไร่รัฐดาวงศ์ “ลุงวินทร์ครับ น้องภูมิคิดถึงจังครับ”ภูมิบดินทร์หลานชายของพ่อเลี้ยงภาวินทร์ที่ตอนนี้ปิดเทอมกลับมาจากต่างประเทศเพราะไปเรียนต่อโทที่นั่น บอกให้เรียนที่เดิม ก็ดื้อ อยากไปหาประสบการณ์จะได้มาช่วยงานที่ฟาร์ม แต่ภูมิบดินทร์เป็นเด็กดีไม่เคยทำให้คนในครอบครัวผิดหวัง คนที่บ้านเลยไว้ใจให้ไปเรียนต่อได้ 2 ปีคงไม่นานเท่าไหร่ “มาทำไมไม่บอกลุง ลุงจะได้ไปรับ แอบไปเที่ยวไหนมารึเปล่าเนี๊ยะ” พ่อเลี้ยงภาวินทร์แกล้งถามหลานชาย ภูมิบดินทร์เป็นคนที่ทำให้พ่อเลี้ยงภาวินทร์พูดและยิ้มได้มากกว่าใคร ๆ ในบ้านเพราะเป็นหลานชายคนโปรด “หูยยยย น้องภูมิตั้งใจกลับมาเซอร์ไพร์สทุกคนเลยนะครับ น้องภูมิได้น้ำหอมมาฝากลุงวินทร์ด้วยนะครับ สาว ๆ หลงตรึมแน่ๆ คิคิ” ภูมิบดินทร์ยังคงกอดคุณลุงไม่ยอมห่าง ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าตั้งแต่บัวตองจากไป พ่อเลี้ยงภาวินทร์ก็เป็นคนเก็บตัว พูดน้อย ตั้งใจทำแต่งาน จนกิจการของครอบครัวขึ้นมาเป็นฟาร์มอันดับต้น ๆของภาคเหนือแล้ว “อยากให้คุณลุงมีแฟน ไม่ลดความพยายามเลยนะตัวแสบ”พ่อเลี้ยงขยี้หัวหลานชายอย่างหมั่นเขี้ยว “ไม่ได้หรอกครับ น้องภูมิอยากให้ลุงวินทร์มีความสุขและมีคนดูแลนี่ครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณลุงดูแลแต่คนในครอบครัว อยากให้มีคนมาดูแลลุงวินทร์บ้าง”ภูมิบดินทร์พูดออกไปอย่างที่เขารู้สึกจริง ๆ ตั้งแต่เขาจำความได้คุณลุงของเขาก็มีสาว ๆ มากหน้าหลายตาแวะเวียนมาแข่งกันขายขนมจีบ แต่ก็ไม่มีใครเอาชนะใจคุณลุงของเขาได้เลยซักคน “หึหึ เนื้อคู่ลุงยังไม่เกิดเลย”พ่อเลี้ยงภาวินทร์ได้แต่ยิ้มและเอามือลูบหัวของหลานชายอย่างเอ็นดู “ยังไม่เกิด หรือไม่เจอคนที่ถูกใจกันแน่ครับ ลุงวินทร์ครับพรุ่งนี้น้องภูมิจะไปหาเพื่อนคนที่เคยเล่าให้ลุงวินทร์ฟัง ตอนนี้ยังอยากได้คนมาช่วยทำบัญชีให้ไหมครับ”ภูมิบดินทร์เคยบอกว่ามีเพื่อนตัวเองคนหนึ่งเก่งบัญชีมาก ช่วงนี้ไร่กำลังจะทำฟาร์มนมและปลูกผลไม้เพิ่ม เอาคนมาช่วยงานเลขาตัวเองเพิ่มก็จะเป็นการดี หลานชายคนโปรดเลยอวดเพื่อนซะเลยว่าให้มาทดลองงานดูก่อนก็ได้ ถ้าผ่านงานสามารถอยู่ในไร่ในสวนได้ก็ถือว่าผ่านการทดลองงาน “ไม่พักก่อนเหรอเจ้าภูมิ เพิ่งกลับมาถึงก็เที่ยวเลยรึไง”คุณย่าแวววิมลแอบปรามหลานชายคนเดียวของบ้าน "น้องภูมิไม่เหนื่อยครับ อีกไม่กี่วันน้องภูมิก็กลับแล้ว ต้องไปหาคนมาช่วยงานลุงวินทร์ก่อนน้องภูมิกลับด้วยครับคุณย่า"ภูมิบดินทร์บอกเหตุผลของตัวเองกับคุณย่าแวววิมล “ได้ซิ ให้เข้ามาคุยกับลุงเลยนะ”พ่อเลี้ยงไม่เคยขัดใจหลานชายคนโปรดอยู่แล้ว “งั้นน้องภูมิกลับบ้านไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ก่อนนะครับ” ตั้งแต่มาถึงภูมิบดินทร์ก็มาหาคุณลุงและคุณย่าก่อนเลย เพราะบ้านของเขาถูกสร้างขึ้นใหม่ไม่ไกลกันมาก เป็นเรือนหอของภูวินทร์น้องชายของพ่อเลี้ยงและจริญญาภรรยาของเขา “เป็นไงบ้างตาวินทร์ ไปคุยเรื่องฟาร์มนมมา”คุณหญิงแวววิมลถามลูกชายคนโตเมื่อภูมิบดินทร์ออกไปแล้ว “เขายังคงรับผลผลิตจากไร่เราไม่จำกัดเหมือนเดิมครับคุณแม่ ผมขอตัวนะครับ” “สบายใจขึ้นไหมลูกได้ไปทำบุญแล้ว ป้าจันทร์สบายดีใช่ไหม”ทุกอย่างสุดเขตเป็นคนรายงานให้คุณผู้หญิงของบ้านฟังเรียบร้อยแล้ว “ก็ดีครับ ป้าจันทร์ก็เรื่อย ๆ ตามสถาพครับ ผมขอไปทำงานก่อนนะครับคุณแม่” พ่อเลี้ยงภาวินทร์ขับรถออกไปที่ออฟฟิตหลัก ที่ห่างออกไปไม่ไกลมากจากตัวบ้าน ส่วนออฟฟิตสำรองอยู่ที่กลางไร่เพื่อประสานงานกับคนงานและคู่ค้าที่มาติดต่อธุรกิจและดูผลผลิตที่ไร่ จะมีธนากรเป็นเลขาส่วนตัวคอยช่วยงานของพ่อเลี้ยงทุกอย่าง พ่อเลี้ยงภาวินทร์ทำงานรอเวลาอาหารเย็นของครอบครัว เย็นนี้ต้องต้อนรับหลานชายคนโปรดกลับมา เขาสั่งอาหารจากโรงแรมดังในเมืองมาไว้เลี้ยงหลานชายอย่างเอาใจเด็กหนุ่ม “พ่อเลี้ยงครับ กาแฟครับ”พอบ่ายคล้อยเลขาหนุ่มผู้รู้ใจก็เอาน้ำกับกาแฟมาเสิร์ฟให้เจ้านายทันที “อืมขอบใจนะ อีกไม่กี่วันฉันจะรับคนเข้ามาช่วยงานนายนะธนา” “ทำไมครับ ผมทำงานบกพร่องไปเหรอครับพ่อเลี้ยง”ธนากรถามผู้เป็นเจ้านายอย่างตกใจเพราะที่ผ่านมาพ่อเลี้ยงภาวินทร์ไม่เคยคิดจะหาใครมาช่วยงานในออฟฟิตซักครั้งเลย “ไม่มีอะไรหรอก เป็นเพื่อนของน้องภูมิน่ะ จะได้มาช่วยแบ่งเบางานของนาย ช่วงนี้ไร่ของเราขยายกิจการเพิ่ม งานก็ต้องเพิ่มขึ้น มีคนมาช่วยนะไม่ดีรึไง”พ่อเลี้ยงพูดกับเลขาส่วนตัวแต่ว่าก็ยังคงนั่งทำงานไปด้วย “ก็ดีครับ คิดว่าผมทำงานไม่ดี กลัวโดนไล่ออกครับ” ธนากรพูดบอกพ่อเลี้ยงภาวินทร์อย่างรู้สึกโล่งใจคิดว่าตัวเองทำงานได้ไม่ดีแล้วจะโดนไล่ออก พอได้ยินแบบนี้เขาก็เบาใจขึ้นมาบ้าง เขาไม่อยากไปไหนอยากทำงานที่ไร่รัฐดาวงศ์ต่อไป คอยดูแลรับใช้พ่อเลี้ยงแบบนี้เขาก็พอใจกับชีวิตตอนนี้ไม่อยากไปดิ้นรนหางานทำที่อื่นให้ลำบากอีก บอกตามตรงทำงานที่นี่สบายเงินเดือนก็สูง ❣@@@@@@@@@@@❣ ☆ขอบคุณยอดวิว ยอดไลค์ ยอดเม้นท์☆ ที่ช่วยสร้างกำลังใจ ในการแต่งนิยายจากรี๊ดทุกคนนะคะ ♧คำผิดรอการแก้ไขนะคะ♧
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD