Chapter 29 คำประกาศด่วน

1506 Words
“ทุกอย่างมีผลบังคับภายในวันจันทร์หน้าเลยหรือ” เพลินวานอ่านทวนประกาศวนไปวนหลายรอบ ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่เข้าใจความคิดของผู้บริหารร้านอยู่ดี พวกเขาช่างสรรหาบททดสอบมาวัดความสามารถของเธอได้ทุกวัน วันจันทร์ที่ว่ามันก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน อย่างนี้เธอจะแก้ปัญหาเรื่องคนทันได้อย่างไรกัน คนทำงานไม่ใช่หาได้ง่ายๆ เธอชักไม่เข้าใจการบริหารของเจ้าของคนใหม่เข้าไปทุกที ดีแต่สั่งอย่างเดียว… ตอนร้านวุ่นวายขาดคนก็ไม่คิดจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา แถมตอนนี้ยังสร้างปัญหาเพิ่มอีก “เรื่องเมนูอาหารไม่น่าหนักใจเท่าไร เพราะเราคงออกรายการทัน แต่เรื่องคน… มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาคนได้ทันเวลา” เพลินวานหันมาหาเชฟอีกคน เธอพูดออกมาเหมือนเป็นการปรึกษาเขามากกว่า “ผมมีลูกน้องเก่าพอที่จะดึงมาช่วยงานได้สองสามคน” ในที่สุดทางออกก็วิ่งเข้ามาหาเธอจนได้ เป็นครั้งแรกในการทำงานที่เธอเห็นเชฟคีตะมองเธออย่างเป็นมิตร หรือว่าเธอจะดีใจและรู้สึกไปเอง “ขอบคุณค่ะ” “ร้านเรามีสองมื้อแล้ว คุณจะเลือกทำมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นละ” “ถ้าให้ฉันเลือก ฉันขอเป็นมื้อเที่ยงดีกว่าค่ะ แต่สองมื้อ… เราคงต้องออกเมนูอาหารคนละแบบ มื้อเที่ยงขายแค่แบบเป็นเชตพอ ช่วงแรกคนเรายังไม่พร้อม ฉันว่าเราอย่าเพิ่งออกอาหารเยอะ เราเลือกสักสิบเชตก็น่าจะพอ หรือเชฟว่าอย่างไร” เพลินวานร่ายยาว แต่ก็ยังย้อนกลับมาถามความคิดเห็นชองเชฟอาวุโสกว่า ที่เธอเลือกเวลาเที่ยงอย่างน้อยที่สุดเธอก็มีเวลามากพอ… ที่จะตรวจสอบอะไรบางอย่าง “ตกลงตามนั้น ผมเรียกเด็กมาเลยนะ ส่วนคุณ… วันนี้กับพรุ่งนี้ก็คิดเมนูอาหารไปก็แล้วกัน ผมขอยกหน้าที่นี้ให้คุณเป็นคนจัดการ” เพลินวานพยักหน้ารับคำเชฟคีตะ อากาศเริ่มเย็นลงมากเพราะเป็นช่วงหน้าหนาวของเมืองไทย ภูริชชอบอากาศแบบนี้เสียด้วย มันคงจะดีกว่าที่เขาต้องยืนเหงื่อท่วมเป็นไหนๆ วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาต้องเข้ามาตรวจงาน เขาต้องเข้ามาดูผลงานสักหน่อย หลังจากที่เขาทิ้งทุ่นก้อนใหญ่ให้คนเก่ง อันนี้มันก็ช่วยไม่ได้ เมื่อความซวยจะมาเยือนคุณเชฟคนเก่ง แวะสักนิด… ก่อนที่เขาจะไปทำงานที่พึ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ จากที่เคยแต่ออกแบบและทำงานโครงสร้างที่ทำอยู่ก่อนหน้า พอขายาวก้าวเข้ามาให้ห้องก็ต้องชะงักเท้าให้หยุด ยังดีที่เขาเปิดประตูเสียงเบา เลยไม่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าตื่น ชายหนุ่มยืนมองคนที่กำลังนอนอย่างมีความสุขและส่ายหน้าออกมาเบาๆ เธอยังอยู่ในชุดเชฟตัวเมื่อวานเหมือนที่เขาเห็นอยู่บ่อยครั้ง มือซ้ายยังมีกระดาษถือค้างอยู่ ชายหนุ่มเดินย่องเข้าไปใกล้แอบชำเลืองมองถึงได้รู้ว่ามันเป็นรายการอาหารของรอบมื้อเที่ยงที่เขาเพิ่งสั่งเปิดไป “นี่แม่คนเก่งของพี่พิณลงทุนนอนที่นี่อีกแล้วหรือ งานจะยุ่งอะไรนักหนากันเชียว หรือว่าผมจะใช้งานคุณหนักมากไปนะ… คุณเชฟ” ภูริชก้มลงบอกกับคนตัวเล็กกว่าที่นอนหลับอยู่ ยังดีที่เขาเพิ่งเปลี่ยนที่นอนและทำห้องน้ำให้ตามคำบงการของพี่สาว ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่นอนอย่างมีความสุขอย่างนี้แน่ ภูริชคลี่ผ้าห่มผืนบางที่วางอยู่ข้างตัวหญิงสาวมาห่มให้เธอ เห็นนอนตัวงอเป็นกุ้งอย่างนี้คงจะหนาว อากาศของเมืองไทยก็เริ่มเย็นลงทุกที ชายหนุ่มดันประตูให้ปิดลงเบาๆ เดินผิวปากออกไปจากห้องอย่างอารมณ์ดี เขาไม่อยากให้คนในห้องตื่นมาเจอเขาตอนนี้ ไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่อย่างนั้นแม่คุณคงได้โวยวายแทบร้านแตก ก่อนที่จะออกไปเขาก็ไม่ลืมหยิบภาพถ่ายที่เขาแอบถ่ายเธอตอนที่เธอนอนหลับบนเครื่องบิน ที่เขาพกติดตัวในกระเป๋าสตางค์มาวางไว้ข้างตัว ตอนเย็นที่แสนเบื่อหน่ายสำหรับคนกรุง ไม่รู้ว่าเมืองไทยรถจะติดทำไมนักหนาขนาดนี้ ชายหนุ่มแวะกลับมาที่ร้านอีกครั้ง ชายหนุ่มนั่งมองการทำงานของเพลินวานผ่านกล้องวงจรปิดของร้าน เขายังคงนั่งทำงานต่อจนเพลิน จะไม่รู้ว่าเลยเวลาไปมาก ลืมไปเสียสนิทว่าเพลินวานไม่ได้กลับเข้าห้องทำงานเวลาเดิม เพราะว่าวันนี้เธอต้องทำงานตอนกลางวัน เขามารู้ตัวอีกทีว่าพลาดไปแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเชฟสาวเปิดประตูเข้าห้องทำงานมา ชายหนุ่มรีบปิดหน้าจอคอมแล้วหลบลงใต้โต๊ะทำงานทันที คิดว่าไม่นาน… หญิงสาวคงกลับไป ยังดีหน่อยที่โต๊ะทำงานของเขามีพาร์ทิชั่นกั้นเอาไว้พอพรางตัวได้บ้าง ชายหนุ่มคิดผิดอีกครั้ง เมื่อคนที่เขาคิดว่าจะอยู่ไม่นาน เธอยังคงนั่งทำงานต่อ… หญิงสาวนั่งทำรายการอาหารที่ค้างไว้ ไม่มีทีท่าว่าจะกลับแต่อย่างใด นานเข้าคนแอบใต้โต๊ะชักเริ่มเมื่อยจนแทบทนไม่ไหว ‘จะมาขยันอะไรตอนนี้แม่คู๊ณ… เมื่อคืนก็นอนที่นี่ อย่าบอกนะว่าคืนนี้จะนอนที่นี่อีก จะซกม๊กไปถึงไหนเนี่ย’ ชายหนุ่มบ่นอุบในใจ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่ลำบากที่สุดคงจะเป็นเขา ชายหนุ่มพยายามคิดหาทางออกไปจากห้อง ในที่สุดความฝันของเขาก็เป็นจริง เมื่อเพลินวานเก็บเอกสารบนโต๊ะ ชายหนุ่มเผลอพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เพลินวานก็ทำให้ชายหนุ่มใต้โต๊ะทำงานแทบหยุดหายใจไปอีกครั้ง เมื่อเธอเดินเอารายงานประจำวันมาวางไว้ที่โต๊ะของเขาเหมือนอย่างเคยทำเป็นประจำทุกวัน ชายหนุ่มจำต้องมุดลงไปใต้โต๊ะแคบตัวเล็กอีกครั้ง รู้สึกแย่กับการตัดสินใจของตัวเองขึ้นมาทันที รู้อย่างนี้เขาสั่งโต๊ะทำงานตัวใหญ่กว่านี้ซะก็ดี เหมือนสวรรค์จงใจกลั่นแกล้งเขา… แทนที่เพลินวานจะวางเอกสารเสร็จแล้วเธอจะเดินออกไป แต่เปล่าเลย… เธอยังคงยืนตรวจความเรียบร้อยของเอกสารอีกรอบ เพื่อความมั่นใจ ‘โอ้โห! จะรอบคอบไปไหน’ “คนเป็นเจ้าของร้านนี้ก็สบายจริงๆ ก็ทำงานซะอย่างนี้ไงละ ถึงเปิดช่องให้คนทุจริตได้ หรือจะคิดว่ารวย… เงินแค่นี้ไม่มีผลก็ไม่รู้ ถ้าจะทำเล่นแบบนี้ ไม่รู้จะอยากมีร้านทำไมกัน ทุกอย่างก็จ้างคนอื่นทำ จะแวะมาดดูร้านสักนิดก็ไม่มีละ” เพลินวานบ่นกับเอกสารในมือก่อนที่จะวางมันลงบนโต๊ะที่เธอส่งรายงานทุกวัน แต่คนข้างล่างที่ตะคริวกินเกือบครึ่งตัว เวลานี้เขาแทบพ่นเพลิงพายุออกจากหูที่โดนว่าอย่างจัง อยากตะโกนบอกเธอว่า เขาลำบากมากแค่ไหนที่ต้องทนนั่งในซอกแคบๆ มาเกือบสองชั่วโมงอย่างนี้ ‘มาลองบริหารเองสักตั้งไหม… แม่คู๊ณ! ปากเก่งจริงๆ’ แม้ว่าคนที่เขาหลบจะเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังขยับตัวออกมาจากซอกโต๊ะไม่ได้ กว่าเขาจะนวดให้ขยับตัวได้ก็ใช้เวลาอยู่นานทีเดียว นึกเข่นเขี้ยวแม่สาวจอมโก๊ะอย่างเดือดดาล ทิวใบไม้หลังตึกสูงระฟ้าพลิ้วไหวตามแรงลม รับเช้าวันใหม่ของเหมันต์เย็นจับผิว เป็นอากาศที่หลายคนชื่นชอบ โดยเฉพาะเขาด้วยแล้ว ชอบมากกว่าใครเลยทีเดียว ภูริชต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเดินผ่านห้องครัว แม่เชฟสาวที่เขาคิดว่าวันนี้เธอไม่ได้มาทำงาน เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเธอ ยิ่งแปลกใจมากเป็นสองเท่าเมื่อเขายกนาฬิกาข้อมือดู… เวลาตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเช้าเอง โรเล็กซ์ราคาเรือนแสนบนข้อมือซ้ายของเขาเรือนนี้ มันคงทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง ชายหนุ่มหันกลับมามองเธออีกครั้ง เจ้าตัวที่โดนมองยังตั้งหน้าตั้งตาเช็คของ เตรียมของอยู่หน้าตู้แช่ใบใหญ่ ‘นี่อย่าบอกนะว่าคุณนายตื่นมาแต่เช้า เพื่อทำอาหารเตรียมเมนูที่เธอเพิ่งส่งเขาไปวันก่อน’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD