ชายหนุ่มแต่งตัวภูมิฐานนั่งไขว่ห้างดูเมนูอย่างสบายใจ เมนูของร้านส่วนมากเป็นเชตอาหาร แต่ก็มีบางรายการที่เป็นอลาคลาส และเขาก็เลือกสั่งแบบที่สองไป
“ซีซาร์สลัด ซุปข้าวโพด และฟาตูชินี่ขี้เมาทะเล ขอ sidecar หนึ่งที่ด้วย” ทันทีที่ปิดแฟ้มเมนูในมือ ชายหนุ่มสั่งรายการอาหารเป็นชุด
“ครับ… ขอความกรุณารออาหารไม่เกินสิบห้านาที” บริกรโค้งคำนับอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินออกไป เพียงไม่นานเขาก็นำ sidecar มาเสิร์ฟ
ไม่เกินสิบห้านาทีตามที่บริกรแจ้งไว้ บริกรคนเดิมก็นำอาหารที่เขาสั่งไปมาเสิร์ฟ จนถึงจานสุดท้าย เขายิ้มเยาะมองจานพาสต้าอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาทำการบ้านมาดี รู้ดีที่สุดว่าอาหารจานตรงหน้าใครเป็นคนทำ ชายหนุ่มก้มหน้าตักชิมไปสองสามคำก่อนที่จะเรียกบริกรมาหา
“ครับ… ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า” บริกรหนุ่มถามอย่างนอบน้อม
“คุณช่วยไปตามเชฟที่ปรุงอาหารจานนี้ออกมาพบผมหน่อย” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ
“ครับ กรุณารอสักครู่นะครับ” คล้อยหลังเพียงไม่นาน เชฟเพลินวานก็เดินตามบริกรออกมา
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการพบดิฉัน มีเรื่องติชมอาหารและบริการของเราตรงไหนบ้างคะ” เชฟสาวถามเสียงนุ่ม ก้มหน้าอย่างสุภาพ เธอยังไม่ทันได้เงยหน้ามองแขกด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มใช้นิ้วยกขอบจาน ตั้งใจวางกระแทกและเขี่ยจานพาสต้าออกจากตรงหน้า “เค้ง!” เสียงจานกระทบกับโต๊ะเสียงดังก้อง
“คุณเป็นคนทำพาสต้าจานนี้อย่างนั้นหรือ ห่วย!” ชายหนุ่มตั้งใจเลือกโซนส่วนตัว ไม่ให้ลูกค้ารายอื่นรับรู้ น้ำเสียงลูกค้าเหมือนจะมาหาเรื่องมากกว่าลูกค้าปกติทั่วไป ซึ่งมีบ่อยๆ ที่ลูกค้ามักเรียกเชฟออกมาอย่างนี้
เพลินวานพยายามข่มอารมณ์ไว้ในอก และกลืนทุกคำที่อยากต่อขานความไร้มารยาทลงคอไป ท่องประโยคเดิมวนเวียนไปมา
‘ลูกค้าคือพระเจ้า… เพลินวาน’
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขอโทษลูกค้า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้ในแวดวงคนทำงานร้านอาหาร เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่อาหารทุกจานจะลงตัวถูกปากลูกค้าทุกคน
“ขอประทานโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าไม่พอใจตรงจุดไหน ดิฉันจะได้นำไปแก้ไขให้ใหม่” น้ำเสียงเชฟสาวยังคงระดับนอบน้อมเหมือนเดิม แต่ทันทีที่เธอเห็นหน้าขึ้นมองลูกค้าชัดๆ น้ำเสียงและท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“นายปลาช่อนลุยสวน! นายมาอีกแล้วหรือ นายจะตามจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน ฉันก็ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นายไปแล้วนี่ ยังไม่ได้รับหรือ” เชฟหน้าหวานเผลอตัวต่อว่าแขกเป็นชุด ลืมเสียสนิทว่าเป็นช่วงเวลาทำงาน
ชายหนุ่มยกนิ้วจุ๊ปากส่งสัญญาณให้เธอเงียบ แต่ทว่าสายตาของเขากลับโลมเลียเหมือนต้องการจะยั่วยุให้เธอโกรธมากว่าจะให้เงียบ
“จุ๊ๆ! คุณเชฟ กรุณาสุภาพกับแขกด้วยนะครับ คุณอย่าลืมสถานะของตัวเองสิ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่กลางถนน หรือลานจอดรถกลางห้างนะ หรือว่าจะให้ผมเรียกเชฟบริหารและผู้จัดการร้านมาอีกคนเสียก่อน คุณเองไม่ใช่หรือที่เชิญผมมาทานวันนี้นะ”
ทั้งที่เขาเองรู้ดีว่าเธอเป็นใคร แต่ก็ยังอยากแกล้งกวนประสาทเธอไปอย่างนั้นเอง อยากรู้นักว่าแม่คนเก่งที่พี่สาวของเขาชมนักชมหนาจะรับมือกับลูกค้ากวนประสาทอย่างไร
คำขู่ของชายหนุ่มได้ผล เพลินวานระงับโทสะได้ทันที เชฟหน้าหวานฝืนแยกเขี้ยวยิ้มแกนๆ ปรับระดับน้ำเสียงให้นุ่มลงทันที มันก็ใช่อย่างที่เขาบอก ตอนนี้เธอทำงานหน้าที่บริการ ส่วนเขาเป็นลูกค้า...
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าไม่พอใจรสชาติอาหารตรงจุดไหนคะ ดิฉันจะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น”
“มันเผ็ดไป ผมทานเผ็ดแบบนี้ไม่ได้” ชายหนุ่มใช้นิ้วเขี่ยจานพาสต้าที่ทานไปเกือบหมดอย่างไม่พอใจ เงยหน้ามองเชฟหน้าหวานเอาเรื่อง เพลินวานเองก็รู้อยู่เต็มอกว่า เขาตั้งใจที่จะเอาคืนเธอ แต่ก็อย่าให้เธอเจอเขาข้างนอกก็แล้วกัน แม่จะเอาคืนให้แสบจนลืมไม่ลงทีเดียว
“ค่ะ… ดิฉันน้อมรับคำติชมของคุณลูกค้าอย่างยินดีค่ะ แต่จะขอเรียนชี้แจงให้ทราบ และต้องขอประทานโทษอีกครั้งที่ทางเราไม่สามารถทำตามที่คุณลูกค้าร้องขอได้ เพราะเท่าที่เห็นตรงหน้า… คุณลูกค้าก็ทานไปเกือบหมด ถ้าไม่พอใจในรสชาติก็ควรที่จะแจ้งตั้งแต่คำแรกที่รับประทานเข้าไปนะคะ” เพลินวานบอกเชิงตำหนิอย่างสุภาพ ทิ้งระยะห่างสักครู่ก็พูดต่อ
“อึม! และสำหรับพาสต้าจานนี้ ทางเรามีสูตรของทางร้านที่ลงตัวดีอยู่แล้ว เราใช้สูตรนี้มาตั้งแต่ร้านเปิด ที่ผ่านมาผลตอบรับสำหรับลูกค้ารายอื่นก็ออกมาดีมาก ดิฉันขอแนะนำคุณลูกค้าว่า… คุณลูกค้าควรจะประเมินตัวเองไว้ก่อน ว่าสามารถทานรสชาติอาหารเผ็ดได้ระดับไหน” เพลินวานเดินไปหยิบเมนูมาเปิดกางตรงหน้าชายหนุ่ม
“ดิฉันขอแนะนำคุณลูกค้า… ครั้งต่อไปคุณลูกค้าช่วยกรุณามองตัวอักษรสีแดงที่กำกับไว้ในเมนูของร้านด้วยนะคะ… ดิฉันหวังว่าตาคงไม่บอดสีและอ่านออกเขียนได้พอสมควร ทางร้านได้แจ้งระดับความเผ็ดไว้อยู่แล้ว หรือถ้าคิดว่ามันเผ็ดไป… โอกาสหน้าถ้ามาอีกก็ควรจะเลือกสั่งเป็นคาโบนาร่า คาโทรินี่ หรือวองโกเล่ย์แทนนะคะ”
เพลินวานบอกเชิงตำหนิ และแนะนำเมนูอาหารที่ร้านไป เธอยังคงรักษาน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มที่ตั้งใจมาแกล้งหน้าเหวอไปทันที
‘แสบนักนะ… เล่นด่าว่าไม่มีการศึกษาเลยรึ’
“ขอบคุณที่แนะนำนะครับคุณเชฟ เห็นทีผมต้องมาฝากท้อง และมารับคำแนะนำเรื่องอาหารบ่อยๆ ทั้งมื้อเที่ยงและมื้อเย็นเลยเป็นไงล่ะ”
“ขอบคุณที่เลือกใช้บริการของร้านเรา แต่ก็ต้องแจ้งให้ทราบว่าทางร้านไม่มีนโยบายที่จะเปิดตอนเที่ยง ดิฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ” เพลินวานพูดจบก็โค้งอย่างนอบน้อม ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ อยากหักคอต่อยหน้ากวนอารมณ์ของลูกค้าสักหมัดสองหมัดก่อนที่จะเดินออกไป
‘ท่าทางน่าสนุกแฮะเรา เรามาดูกันว่าคนอย่างเธอจะเก่งได้กี่น้ำ… คุณเชฟตัวแสบจอมโก๊ะ’
หลังจากทานอาหารเสร็จภูริชก็แอบขึ้นไปห้องทำงานเหมือนเดิม เพราะตอนเช้าเขายังไม่ได้เข้าตรวจงานและบัญชีเลย เวลานี้ทุกคนคงยุ่ง ไม่มีใครเช้ามาในส่วนของออฟฟิศแน่นอน
ภูริชพิมพ์ประกาศเปิดร้านมื้อเที่ยงเพิ่ม เขาคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องเชฟสองคนไว้ตั้งแต่ตอนแรก และเพิ่งบอกกับเพลินวานไป เมื่อเห็นหญิงสาวเชิดหน้าตอบอย่างมั่นใจ เขาก็ยิ่งอยากเห็นหน้าเธอตอนเห็นประกาศ ในย่านธุรกิจใจกลางกรุงแบบนี้ รถติดคนออกไปหาทานอาหารยาก แล้วยิ่งตึกนี้เป็นตึกอาคารสำนักงานด้วยแล้ว การเปิดเวลาเพิ่มน่าจะเป็นผลดี เขาให้ผู้จัดการประกาศรับสมัครงานทันที และให้ปิดประกาศแจ้งให้ลูกค้าทราบ