บทที่ 19
จะเสียใจทำไม
ที่บ้านหลิว..
อ้ายเหรินและเหม่ยเหมยเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็พบกับครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เนื่องจากตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ใกล้ถึงเวลาอาหารของครอบครัวแล้วด้วย..
“กลับมาแล้วค่ะ”
เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน เป็นเหม่ยเหมยเองที่เอ่ยบอกทุกคน ซึ่งเธอยืนถอดรองเท้าและใส่รองเท้าอยู่ในบ้าน
“มาแล้วหรือ” แม่หลิววางทุกอย่างไว้แล้วเอ่ยทัก เมื่อเดินออกมาจากห้องครัว
“ค่ะคุณแม่” เหม่ยเหมยรีบเดินเข้าไปยืนเกาะแขนแม่หลิว พร้อมหอมแก้มพูดเสียงออดอ้อน
“เอาของมาค่ะ เดี๋ยวป้าจะเอาไปเก็บไว้ให้” ด้านป้าเจียงเดินตามคุณนายหลิวออกจากห้องครัวก็รีบเอ่ยบอก
“ไม่เป็นค่ะป้าเจียง” เหม่ยเหมยบอกป้าเจียง
“คุณอ้ายเหริน งั้นเอาถุงมานี่ค่ะ เดี๋ยวป้าเอาไปไว้บนห้องให้” ป้าเจียงจึงหันไปถามอ้ายเหริน
“ไม่เป็นไรค่ะป้าเจียง เดี๋ยวฉันเอาไปเก็บเองค่ะ” อ้ายเหรินส่ายหน้า เมื่อป้าเจียงยื่นมือมารับของ
“ค่ะ” ป้าเจียงจึงทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้
“นี่ทำอะไรกันหรือคะ ทำกลิ่นหอมจัง” เหม่ยเหมยถามเมื่อชะเง้อคอยาวเข้าไปมองข้างในครัว
“ก็ทำของโปรดของลูกๆ นั่นแหละ แม่ว่าลูกทั้งสองขึ้นเอาของไปเก็บบนห้อง แล้วไปล้างมือล้างไม้ แล้วรีบมากินข้าวกันดีกว่า นี่พ่อกับ พี่จี้หยวนก็นั่งรอเราสองคนอยู่ในห้องอาหารแล้วนะ” แม่หลิวบอก
“งั้นหนูไม่ขึ้นข้างบนละ แต่ให้ป้าเจียงเอาของไปเก็บให้ฉันด้วย นะคะ” เหม่ยเหมยยื่นของให้ป้าเจียง
“ได้ค่ะ” ป้าเจียงรับของจากเหม่ยเหม่ย แล้วยื่นมือขอของใช้จากอ้ายเหริน แต่อ้ายเหรินส่ายหน้า
“ไปอ้ายเหริน” ด้านแม่หลิวก็ชวนลูกสาวคนรอง เมื่อเห็นลูกสาว คนเล็กเดินไปในห้องอาหาร
ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูขอตัวเอาของไปเก็บก่อนนะคะ” อ้ายเหรินบอก
“เอางั้นหรือลูก” แม่หลิวทีแรกจะไม่อนุญาต แต่พอสบตาลูกสาว นางจึงพยักหน้าให้ เมื่อแม่หลิวอนุญาตแล้วอ้ายเหรินก็เดินขึ้นห้องไป โดยมีสายตาของแม่หลิวมองด้วยความสงสัย…
ในห้องอาหาร..
“วันนี้มีอะไรหรือเปล่าเหม่ยเหมย ทำไมพี่เราถึงทำตัวแปลกๆ”
แม่หลิวถามเมื่อเลื่อนเก้าอี้นั่งฝั่งตรงข้ามลูกชาย ที่ลูกสาวคนเล็กนั่งข้างๆ และก่อนที่หลิวเหม่ยเหมยจะพูด เธอก็หันหลังไปมองว่าพี่รองลงมาหรือยัง เมื่อไม่เห็นเธอจึงพูดเสียงเบาว่า
“มีค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น” หลิวจี้หยวนถามเพราะความเป็นห่วง กลัวน้องรองจะไปมีเรื่องกับใครอีก
“วันนี้หนูกับพี่รองเจอคุณป้าฉางและก็พี่เฉินหลงค่ะ” เหม่ยเหมยเล่าเหตุการณ์ในห้างให้ทุกคนฟัง
“หื้ม” นั่นทำให้ทุกคนพากันมองหน้ากันสลับไปมา แล้วหันไปจ้องหน้าเหม่ยเหมย
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟังค่ะ” เหม่ยเหมยยกมือห้ามให้รอฟัง
‘วันนี้เฉินหลงหยุด’
ด้านหลิวจี้หยวนพยักหน้า นึกในใจว่าวันนี้เป็นวันหยุดของเพื่อนสนิท แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะบังเอิญไปเจอน้องสาวเขาเสียได้
“แล้วพี่สาวของลูก...” แม่หลิวถามขึ้นด้วยความเป็นกังวล
เพราะกลัวว่าพอไปเจอเฉินหลงครั้งนี้ อ้ายเหรินต้องทำเรื่องเสียหน้าและอาละวาดอีกแน่
“พี่รองไม่คุยด้วยค่ะ และไม่เข้าใกล้พี่เฉินหลงเลยค่ะ” เหม่ยเหมยพูดในสิ่งที่เห็น
“อะไรนะ เป็นไปได้หรือ”
คำพูดของเหม่ยเหมยทำให้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน เพราะประหลาดใจไปตามกัน
“เป็นไปแล้ว พี่รองทำหน้าแบบนี้นะ เวลาพี่เฉินหลงมอง”
เหม่ยเหมยทำท่าทางเลียนแบบของอ้ายเหรินเวลาเชิดหน้าคอตั้งใส่ ฉางเฉินหลงให้ทุกคนดู
“ทำเหมือนไม่รู้จักกันเลย” พ่อหลิวพยักหน้ารับรู้ แล้วก้มกินข้าวต่อ
ส่วนแม่หลิวเมื่อมองท่าทีของลูกสาวคนเล็กที่ทำท่าทางให้ดู นางก็หันไปถามสามีด้วยความสงสัย
“หรือว่าลูกจะตัดใจได้แล้วค่ะคุณ”
“ผมก็ไม่รู้” พ่อหลิวบอกแม่หลิวแล้วหันไปถามลูกสาวคนเล็ก เพราะเขาคาดเดาไม่ได้ว่าลูกคนรองเมื่อเจอเฉินหลงแล้วจะเสียใจและทำร้ายตัวเองอีก
“แล้วอ้ายเหรินไม่มีท่าทางว่าเสียใจเลยหรือเหม่ยเหมย”
“ไม่มีเลยค่ะ” เหม่ยเหมยพูดเสียงลากยาวยืนยันหนักแน่ เมื่อแม่ถาม
“ถ้าอ้ายเหรินตัดใจได้แล้วก็ดีนะครับ คุณพ่อ คุณแม่” จี้หยวนเอ่ยขึ้นผสมเสียงถอนหายใจ
เขารู้สึกสงสารถึงความรักของน้องสาวที่มีให้เฉินหลง แต่เมื่อถูกปฏิเสธจนทำให้อับอายขายหน้า และยังต้องมาล้มป่วยอีก ก็สมควรที่จะหยุดรักเสียที
‘ดีเหมือนกันที่น้องรองเลิกรักไอ้บ้านั่น’ จี้หยวนยิ้มมุมปากหน้ากระตุกเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวันที่เขาบอกเฉินหลงว่าอ้ายเหรินป่วย แต่ดูเพื่อนจะไม่ได้ใส่ใจในคำบอกของเขา
“หนูว่าพี่รองตัดใจจากพี่เฉินหลงได้แล้วค่ะ” เหม่ยเหมยบอกทุกคน
ซึ่งเหม่ยเหมยก็นึกเสียดายเฉินหลงอยู่ ถึงพี่สาวของเธอจะเป็น คนอารมณ์ร้ายและชอบวีนใส่ทุกคน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ไง พี่รองของเธอมารยาทดีงาม เป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้ว และเก่งด้วย จึงเหมาะสมกับพี่เฉินหลงมาก
“นั่นสินะ” ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเหม่ยเหมย
“เราอย่าไปคิดอะไรมากเลย ถ้าเขาทั้งสองเป็นเนื้อคู่กันจริง พ่อว่าต่อให้ตอนนี้ไม่มองหน้ากันอย่างไร สักวันก็คงจะกลับมาคุยและรักกันเอง ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” พ่อหลิวบอกทุกคน
“ผมก็คิดเหมือนคุณพ่อครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้อ้ายเหรินเลิกยุ่งกับเฉินหลงไปเลย เจ็บแล้วต้องจำไงครับ” จี้หยวนบอก
“พี่ใหญ่ทำเหมือนว่าจะหาแฟนใหม่ให้พี่รองนะคะ” เหม่ยเหมยถามจี้หยวน
“ถ้าเป็นไปได้ พี่จะแนะนำเพื่อนพี่ที่เป็นลูกชายของเจ้าสัวห้างใหญ่ของเมืองปักกิ่งให้อ้ายเหรินรู้จัก” จี้หยวนบอกน้องสาวคนเล็ก
“ทำเหมือนพี่รองเป็นสินค้าเลยนะคะ” เหม่ยเหมยพูดเสียงประชด
“พี่อยากรู้ว่าถ้าอ้ายเหรินคบกับกวงโฉโจ เฉินหลงจะมีท่าทีอย่างไร พี่เชื่อว่าสักวัน เฉินหลงจะต้องเสียใจที่มองข้ามอ้ายเหริน”
จี้หยวนพูดยิ้มๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าท่าทางของเฉินหลง จนพ่อหลิว แม่หลิวเงยหน้ามองลูกชาย
“หนูก็คิดเหมือนพี่ใหญ่ พี่รองตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้พี่รองทั้งเก่ง ทั้งสวย เรียบร้อย หนูก็คิดว่าพี่เฉินหลงต้องเสียใจแน่ ถ้าพี่รองมี ชายอื่นเป็นแฟน ที่ไม่ใช่พี่เฉินหลง” เหม่ยเหมยใส่อารมณ์เวลาพูด
“เอาละๆ แม่ว่าเราอย่าพูดเรื่องที่มันยังไม่เกิดเลยนะ เฉินหลงกับอ้ายเหรินอาจจะ…” แม่หลิวจะบอกว่า ‘เฉินหลงกับอ้ายเหรินถ้าเป็นเนื้อคู่กันก็คงมารักกันเอง’ แต่ก็ต้องหยุด
“คุณแม่ครับ”
เป็นจี้หยวนเองที่เอ่ยขึ้น แล้วพยักหน้าให้แม่มองไปข้างหลัง ซึ่ง อ้ายเหรินเดินเข้ามาพอดี จึงทำให้ทุกคนพากันเงียบ
“อ้ายเหรินมาแล้วหรือลูก มานั่งนี่สิ” เป็นพ่อหลิวเองที่กวักมือเรียกลูกสาวคนรอง
“ค่ะ” อ้ายเหรินเดินยิ้ม ใบหน้าดูไม่ได้เศร้าทุกข์อะไรเลย เธอดูมีความสุขมากที่เห็นพ่อ แม่ พี่ชาย และน้องสาว ใส่เสื้อผ้าที่เธอเป็นตัดเย็บให้ เธอจึงรีบเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างแม่หลิว ฝั่งตรงข้ามน้องเล็ก..
และระหว่างกินอาหารกันนั้น ทุกคนในบ้านก็พากันเหลือบสายตามองอ้ายเหริน จนเธอรู้สึกตัวว่าถูกมอง
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ”
อ้ายเหรินเงยหน้าขึ้นสบตากับทุกคน แต่พอพวกเขารู้ว่าเธอจับได้ว่าถูกมองก็รีบหลบสายตาทันที จึงถามขึ้น
“ปะ เปล่าลูก” แม่หลิวรีบปฏิเสธ พร้อมคีบเป็ดย่างให้ลูกสาวคนรอง
“มีอะไรก็ถามมาเถอะค่ะ” อ้ายเหรินพอจะรู้ว่าพ่อ แม่ พี่ชาย เป็นอะไร
‘นี่เหม่ยเหมยคงบอกแล้วซินะ’ อ้ายเหรินหายใจออกมาเมื่อนึกในใจ
“อ้ายเหริน ยังรักเฉินหลงอยู่หรือเปล่า”
เป็นจี้หยวนเองที่เอ่ยถามน้องรอง เพราะเขาถูกสายตาของทุกคนมองบังคับให้เขาถามน้องสาวไปตรงๆ
คำถามของพี่ชาย ทำให้อ้ายเหรินชะงักเล็กน้อย ซึ่งในความรู้สึกของร่างเดิมนั่น อาจจะมีใจให้เขาอยู่และยังรักอยู่ เธอสัมผัสได้ แต่ในเวลานี้ ร่างนี้เป็นคนใหม่ และความคิดความอ่านก็ใหม่แล้ว
และถึงแม้ว่าได้เจอเขาเมื่อตอนบ่ายจะมีความรู้สึกแปลกๆ ใจเต้นแรงอยู่บ้าง แต่เธอจะต้องเก็บอาการไว้ให้ดีที่สุด เธอจะทำให้เขาหันมามองแล้วมาอ้อนวอนและวิ่งตามเธอให้ได้
‘ไม่ใช่เธอวิ่งตามเขาแน่นอน’ อ้ายเหรินยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงสีหน้าของเขาคนนั้น
“คำถามของพี่ทำให้น้องรองไม่สบายใจ ก็ไม่ต้องตอบก็ได้ พี่เข้าใจนะ ว่าน้องรองยังรักเฉินหลงอยู่” จี้หยวนโบกมือเอ่ยขอโทษน้องสาว
“พี่ใหญ่คิดอย่างนั้นหรือคะ หึ” อ้ายเหรินหัวเราะเวลาพูด
“เปล่า พี่ก็แค่…” จี้หยวนพูดไม่ทันจบ ก็ต้องหยุด
“เขาไม่ได้อยู่ในใจฉันแล้วค่ะ เขาไม่ได้สำคัญอะไรต่อฉันเลย ฉันก็ไม่ได้รักเขาแล้ว พี่ใหญ่สบายใจได้ว่าฉันจะไปอาละวาดใส่เขาอีก และไม่ต้องขอโทษฉันหรอก” อ้ายเหรินบอกพี่ชาย สายตาไหวระริกมองหน้าพ่อและแม่
“พี่แค่ถาม ไม่ได้คิดว่าน้องรองหรอก”
จี้หยวนรีบปฏิเสธ เพราะสำหรับเขาแล้ว เขารู้ว่าความรักมันต้องขึ้นอยู่กับคนสองคน ถ้าคนหนึ่งไม่ได้รัก แต่คนหนึ่งทุ่มเททั้งกาย ทั้งใจ และคอยวิ่งตามตลอด นั่นย่อมไม่ใช่ความรักแล้ว
“ตอนนี้ฉันเป็นคนใหม่แล้ว เรื่องในอดีต แม้แต่ความรักและเขา คนนั้น ฉันก็ลืมไปหมดแล้วค่ะ” อ้ายเหรินทำหน้าตาให้เป็นปรกติ พร้อมทั้งอธิบายให้คนในครอบครัวรับรู้
ด้านแม่หลิวนั่งอึ้ง นางมองหน้าสามีแล้วพยักหน้าให้ เพราะไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินถ้อยคำนี้จากปากลูกสาวคนรอง
“จริงหรืออ้ายเหริน” และพ่อหลิวก็ถาม เมื่อถูกภรรยาบังคับด้วยสายตาให้คุยกับลูกสาวคนรอง
“จริงค่ะคุณพ่อ ต่อไปนี้หนูจะคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ให้มากที่สุดค่ะ พี่ใหญ่ด้วยนะ ฉันต้องขอโทษที่ทำให้พี่ใหญ่ต้องลำบากใจและอับอายเพื่อนๆ ที่ค่ายทหาร” อ้ายเหรินพยักหน้ายืนยัน ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว
ฉางเฉินหลงสำหรับเธอในเวลานี้ ก็แค่ผู้ชายที่ใจร้ายใจดำคนหนึ่งเท่านั้น
“ไม่เลยอ้ายเหริน พี่ไม่เคยโกรธเธอ” จี้หยวนบอกน้องรอง
“…” อ้ายเหรินยิ้มให้พี่ชายเป็นคำตอบ
“แม่ดีใจนะที่อ้ายเหรินตัดใจได้ เขาไม่รักเรา เราก็ต้องรักตัวเอง นะลูก” แม่หลิวบอกพร้อมยกมือลูบหัวลูกสาว เพื่อปลอบประโลม
“ค่ะ ที่ผ่านมาหนูขอโทษนะคะ ที่ทำตัวไม่ดี ไร้สาระไปวันๆ”
อ้ายเหรินขอโทษพ่อแม่และพี่ชาย ที่ผ่านมาเธอทำตัวแย่และงี่เง่าตลอด เพราะร่างเดิมปักใจรักเฉินหลงตั้งแต่เด็ก ครอบครัวพยายามห้ามปราม และรู้ว่าเฉินหลงคงไม่คิดอะไรกับเธอแบบแฟน แต่เป็นอ้ายเหรินเองดื้อรั้นที่รักเฉินหลง
เธอทำนิสัยไม่ดี เพราะคิดว่าครอบครัวขัดขวางความรักของตนเอง เธอจึงทำตัวร้ายกาจ ตามติดเฉินหลง แม้ว่าเขาจะปฏิเสธเธอด้วยถ้อยคำรุนแรง หยามเหยียด และทำให้เธออับอายแค่ไหนก็ตาม
“ไม่เลยลูก พ่อแม่ไม่เคยโกรธ”
พ่อหลิวรีบพูดขึ้นทันที เขาไม่เคยโกรธการกระทำที่ผ่านมาของ ลูกสาวคนรองเลย และยิ่งเห็นลูกกลับตัวกลับใจได้ เขาก็ยิ่งรู้สึกดีใจมากต่างหาก
“พี่ก็ไม่โกรธ” หลิวจี้หยวนเองก็ไม่เคยโกรธน้องรอง แม้ว่าเธอจะเคยดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังเขาก็ตาม
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ” หลิวเหม่ยเหมยเองก็เช่นกัน
“ดีแล้วๆ พ่อว่าเราอย่าพูดถึงฉางเฉินหลงเลยนะ กินข้าวกันดีกว่า อาหารเย็นหมดแล้ว” พ่อหลิวยิ้มเมื่อบอกทุกคน
“ไม่พูดก็ได้ค่ะ แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องพูด” เหม่ยเหมยพูดขึ้น
“เหม่ยเหมย มีเรื่องอะไรอีกหรือ” จี้หยวนถามเมื่อเห็นทุกคนรอฟังคำบอกเล่าของเหม่ยเหมย
“เรื่องคุณป้าฉางค่ะ” เหม่ยเหมยิงฟันยิ้มให้ทุกคน
“ทำไม คุณนายฉางทำไม” แม่หลิวถามด้วยท่าทีตกใจ
“ก็คุณป้าฉางจะมาเป็นลูกค้าของพี่รองน่ะสิคะ คุณแม่” เหม่ยเหมยบอก
“จริงหรืออ้ายเหริน” แม่หลิวหันไปมองลูกสาวคนรอง
“ค่ะ” อ้ายเหรินพยักหน้า
ยอมรับว่าดีใจมาก ที่ตอนนี้เธอมีลูกค้าเยอะขึ้นทุกวัน ซึ่งแต่ละคนก็เป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้นที่เดินทางมาหาเธอที่บ้าน
“แล้วพรุ่งนี้คุณป้าฉางจะมาที่บ้านเราด้วยค่ะ” เหม่ยเหมยบอก
“ทำไมเร็วจัง นี่อ้ายเหรินจะทำงานทันหรือลูก แม่รู้มาว่าอ้ายเหรินยังตัดชุดของคุณนายโจวยังไม่เสร็จนี่ ไหนจะชุดของคุณนายหยางอีก” แม่หลิวเริ่มเป็นห่วงลูกสาวคนรองแล้วสิ เพราะแต่ละวัน ที่บ้านจะมีลูกค้ามาที่บ้านไม่เว้นแต่ละวัน
“ทันค่ะคุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูรับรองว่าจะไม่ทำให้ เสียงานแน่ค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้แม่หลิว รู้สึกถึงความรักที่พ่อแม่และพี่น้องคนใหม่มอบให้
“แล้วคุณนายฉางจะมากี่โมงละ”
“สิบเอ็ดโมงเช้าค่ะ” เป็นเหม่ยเหมยที่ตอบคำถามแม่หลิว
“แล้วหนูก็ชวนคุณป้าฉางกินข้าวเที่ยงที่บ้านด้วยค่ะ” เหม่ยเหมยบอกแม่หลิว
“อื้อ งั้นพรุ่งนี้แม่จะให้ป้าเจียงออกไปหาซื้อของมาทำอาหาร มื้อเที่ยง อ้ายเหรินอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” แม่หลิวถามลูกสาวคนรอง
“อย่าลำบากเลยค่ะคุณแม่ คุณแม่ทำเมนูที่ทุกคนชอบกินเถอะค่ะ สำหรับหนูยังไงก็ได้ค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้แม่หลิว
“งั้นพรุ่งนี้แม่จะทำหมูสามชั้นตุ๋นผักกาดดองกับหมั่นโถว แล้วก็ ผัดโหงวก๊วยก็แล้วกัน” แม่หลิวบอก พร้อมนึกเมนูจะทำพรุ่งนี้
“เสียดายจัง พรุ่งนี้หนูคงไม่ได้อยู่บ้านช่วยพี่รองวัดตัวคุณป้าฉาง” ด้านเหม่ยเหมยทำหน้าเศร้า
“ไม่เป็นไร พี่ทำคนเดียวได้ เราน่ะต้องตั้งใจเรียน จบแพทย์แล้วจะได้ทำงานที่โรงพยาบาล หรือจะเปิดคลินิกก็ได้” อ้ายเหรินบอกพร้อมคีบ ผัดผักให้น้องเล็ก
“อะไรคือคลินิกคะ” เหม่ยเหมยถามเพราะไม่รู้ว่าพี่รองพูดอะไร
อ้ายเหรินอยากตบหัวตัวเองมาก เมื่อเผลอพูดไปแบบนั้น จนทุกคนจ้องมองเธออย่างสงสัย
“อ่อ ก็ร้านหมอรักษาคนไข้ไง” อ้ายเหรินยิ้มให้ทุกคน เมื่อรู้สึกว่า ทุกคนสงสัยกับคำว่า ‘คลินิก’
‘เธอต้องระวังการใช้ภาษาให้มากกว่านี้นะอ้ายเหริน’ อ้ายเหรินบอกตัวเองในใจ
“อือๆ ทำไมอ้ายเหรินมีความคิดทันสมัยจัง ‘คลินิก’ แปลว่าร้านหมอหรือ เพิ่งเคยได้ยินคำนี้”
จี้หยวนพยักหน้าให้น้องรอง เพราะขนาดเขาที่เป็นถึงนายทหาร เจอผู้คนมากมาย ยังไม่เคยได้ยินคำนี้เลย
“แฮ่ ฉันก็อ่านในหนังสือพิมพ์นะพี่ใหญ่ เห็นชาวต่างชาติใช้กัน ก็เลยอยากพูดบ้าง” อ้ายเหรินพูดแก้ตัวไปแบบนั้น..
“อ้อๆ” แล้วทุกคนก็พยักหน้า พากันเข้าใจในสิ่งที่อ้ายเหรินพูด
“กินข้าวกันได้แล้ว อย่ามัวคุยกัน ดูสิกับข้าวเย็นหมดแล้ว”
เป็นพ่อหลิวอีกนั่นแหละที่บอกทุกคนรีบกินอาหาร
ซึ่งทุกคนก็ทำตามพ่อหลิวบอก ต่างพากันกินมื้อค่ำและคีบอาหารให้กัน โดยเฉพาะอ้ายเหรินนั้น พ่อและแม่ ต่างให้ความรักความอบอุ่นเธอมากกว่าเดิม
ตั้งแต่อ้ายเหรินเปลี่ยนไป ทุกอย่างในบ้านก็เปลี่ยนตาม กิจการโรงงานผ้าที่ดูแย่ มีหนี้สิน ก็ดำเนินไปได้สวย พ่อค้าคนกลางขนาดย่อย ต่างพากันเข้ามาสั่งผ้ากับโรงงานมากขึ้น
ส่วนอ้ายเหรินก็มีลูกค้ามากขึ้น จนบางครั้งอ้ายเหรินถึงกลับเย็บเสื้อผ้าไม่ทัน…