ตอนที่ 9 ช่วงเวลา

875 Words
รถจอดเทียบตรงบาทวิถี หน้ามหาวิทยาลัย นาฎสุรีย์รีบลง แล้วสาวเท้าเข้าสู่ด้านใน เขาเคลื่อนรถต่อไปจอด เปิดประตูลงมาสายตาหลายคู่กำลังจับจ้อง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จนกระทั่งได้ยินเสียงข้อความ ชายหนุ่มเปิดอ่าน ดวงตาคมเบิกกว้างสีหน้าเครียด กรามถูกขบแน่น จังหวะนั่นนาฎสุรีย์เดินมาหาเพื่อน ภายในซุ้มคณะ กลิ่นเอื้องเห็นเลยรีบโบกมือ เธอสาวเท้าแล้วหย่อนกายลงบนเก้าอี้ กลิ่นเอื้องมองเพื่อนสีหน้าเครียด “เป็นอะไรเอื้อง” นาฎสุรีย์เอ่ยถาม “ทำไมไม่อ่านข้อความที่เอื้องส่งไป!” “ข้อความอะไร?” พูดจบหยิบมือถือออกมา แล้วเปิดอ่าน ดวงตาเรียวเบิกกว้างสีหน้าซีดเผือด “เอื้องเอามาจากไหน!” “ในเฟซบุ๊คไง ในคณะเขาแชร์กันมา” กลิ่นเอื้องตอบ “มันยังไงกันแน่ ระหว่างนากับพีรดลน่ะ” มือบางสั่นเทา รีบกดหาต้นตอของภาพ ที่สร้างข่าว ก่อนหยุดที่เฟซบุ๊คของแม่ ทำยังไงดี เธอไม่กล้าต่อว่าต่อขานมารดาเสียด้วย พีรดลก้าวเข้ามาภายในซุ้มคณะ สูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อนสนิทอย่างชาญวิทย์เดินมายืนเคียง ทว่าสายตาของพีรดลกลับหยุดที่คู่หมั้น สองคนสบตาคน อีกคนน้ำตาคลอ ส่วนอีกคนกลับขบกรามแน่นด้วยความขุนเคือง “แกหมั้นกับยัยนาจริงๆ เหรอ” ชาญวิทย์ถามเสียงเครียด เขาข่มอารมณ์ตนเองเอาไว้ “จริง!” ชายหนุ่มยอมรับตามตรง ปิดบังไปจะได้อะไร ในเมื่อภาพมันฟ้อง “ทำไมพีถึงทำกับวีแบบนี้คะ!” เสียงด้านหลังดังเข้ามา พร้อมกับร่างเพรียวของดาวคณะก้าวมายืนตรงหน้าน้ำตาเอ่อ “ผมทำอะไร!” “คุณหมั้นกับคนอื่น ทั้งๆ ที่เราสองคนเป็นแฟนกัน! ใครๆ ก็รู้กันทั่ว แบบนี้วีจะทำยังไง!” “ไม่ต้องทำยังไง คุณก็อยู่เฉยๆ” “แต่คุณหมั้นแล้ว วีถูกกล่าวหาว่าแย่งคู่หมั้นคนอื่น” “วีจะสนคนอื่นทำไม ในเมื่อมันไม่ได้เป็นแบบนั้น!” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย “พีพูดเหมือนง่าย ถามหน่อยเถอะ พีไม่สนความรู้สึกวีบ้างเหรอ ว่าวีจะรู้สึกยังไง วีเป็นแฟนพีนะ แต่อยู่ๆ แฟนวีไปหมั้นกับผู้หญิงคนอื่น แล้วจะให้วีไม่รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง!” คนถูกตำหนิเสยผมด้วยความหงุดหงิด ภาพพวกนี้มันมาได้ยังไง หรือยัยนั้นต้องการแก้แค้นเขา เลยทำแบบนี้ เตือนแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าอย่าให้ใครรู้ ต้องการอะไรกันแน่ “แล้วจะให้ทำยังไงวี วีน่าจะเข้าใจว่าพีมีความจำเป็น!” “จำเป็นถึงขนาดหมั้นกับผู้หญิงอย่างนาฎสุรีย์เนี่ยนะ!” ชายหนุ่มพยายามข่มอารมณ์อย่างที่สุด ทำไมถึงเข้าใจยากนัก “มันเป็นเรื่องของครอบครัวผม ผมกับนาฎสุรีย์ก็แค่หมั้นกัน เราสองคนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกัน วีไม่เห็นหรือไง!” “ถึงพีไม่ยุ่งด้วย แต่ข่าวมันก็ออกไปว่าคุณกับนาฎสุรีย์หมั้นกัน แล้วฉันจะทำยังไง!” พีรดลกัดฟันกรอด ตวัดสายตามองแฟนตัวเอง “ทำไมถึงได้งี่เง่านัก ถ้ามันลำบากมาก ก็เลิกกันไปเลยวี พีเบื่อจะพูดแล้ว!” เขาตัดบทแล้วเดินหนีทันที ปภาวีนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เห็นสายตาหลายคู่มองมา เธอควรทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ดี พีรดลหย่อนกายลงบนเก้าอี้ในห้องเรียน ท่ามกลางสายตามากมาย จนกระทั่งเพื่อนกลุ่มเดียวกันเดินมา แล้วนั่งลงเคียงข้าง ชายญวิทย์เหลือบมองแล้วระบายลมหายใจ เพราะรู้ดีว่า ไอ้พวกนี้ต้องการอะไร “แกคิดยังไงวะไอ้พี ถึงได้ไปหมั้นกับผู้หญิงเชยเฉิ่มแบบนั้น แค่คิดก็ขนลุกแล้ว หรือชอบของแปลก” นุกูลหัวเราะลั่น คนถูกถามตวัดสายตามอง “คงงั้นมั้ง” เขาตอบแบบขอไปที เบื่อจะพูดเรื่องนี้แล้ว นุกูลกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วขยับเข้าใกล้ กระซิบแผ่วเบา “ลองหรือยังวะ ถ้าลองแล้ว เป็นยังไงดีไหม” ชาญวิทย์ขมวดคิ้ว “หยุดพูดจาแบบนี้ได้แล้วไอ้นุ แกจะถามพีมันแบบนั้นทำไมวะ มันเป็นเรื่องของครอบครัวพีมัน” นุกูลชะงัก เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของคนถูกถาม เลยยอมละ แล้วหันไปสนใจกับด้านหน้าห้องแทน ไม่นานนักเสียงฝีเท้าดังแว่วเข้ามา กลิ่นเอื้องจูงมือเพื่อนเพื่อเข้ามาร่วมเรียนด้วยกัน เสียงฮือฮา พร้อมเสียงโห่แซวดังสนั่น ทำเอานาฎสุรีย์ตระหนก สีหน้าซีดเผือด “ไม่เป็นไรนะนา” กลิ่นเอื้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร” อาจารย์เดินเข้ามา นักศึกษาเงียบลง นาฎสุรีย์อยากตั้งใจเรียน ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่กลับทำไม่ได้เลย ในหัวมันวนคิดแต่เรื่องของเขา จากนี้เธอจะอยู่อย่างไร คงต้องถูกคนล้อเลียน หรือไม่ก็นินทาไปอีกนาน ยิ่งพีรดลเป็นหนุ่มหล่อมีแต่คนหมายปอง ยิ่งแล้วใหญ่ แถมปภาวีเองก็สวย มีเพื่อนมากมาย มันยิ่งกลัวมากขึ้นอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD