ตอนที่ 4 ช่วงเวลา

953 Words
นาฎสุรีย์ยืนมองคนมากมาย กำลังจัดดอกไม้ และเตรียมสถานที่สำหรับการหมั้นหมาย มารดาเธอยืนสั่งการอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้เตือนให้พักผ่อนก็ไม่ยอมรับฟัง หญิงสาวหลับตาลงแล้วระบายลมหายใจ ความรู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจ ทำอย่างไรก็ไม่อาจสลัดมันลง เธอกลัวเหลือเกิน ตัดสินใจเดินกลับเข้าสู่ด้านใน ตอนนี้ครอบครัวเธอ มาพักกันที่บ้านของอาธนากร เพื่อเตรียมการในงานหมั้นหมายระหว่างเธอกับพีรดลในอีกสองวันข้างหน้า สาวเท้าขึ้นชั้นสองสีหน้ากังวล ตอนที่ยอมรับปากหมั้นหมาย สีหน้าของพีรดลไร้ความรู้สึกใด เขาเงียบ และไม่ยินดียินร้าย มันทำเอากังวลพิกล เปิดประตูเข้าห้องนอน หย่อนกายลงบนเตียง ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู หรือว่าแม่ให้ใครมาตาม “ใครคะ!” ตะโกนถามออกไป แต่ไร้เสียงตอบ ลุกจากเตียงตรงเข้าไปยืนส่องตาแมว ไม่เห็นมีผู้ใด จับลูกบิดเปิดออก แต่อีกคนกลับแทรกกายเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วปิดประตูล็อกอย่างรวดเร็ว นาฎสุรีย์ชะงักถอยหลังห่างออกมา “เข้ามาทำไม!” คนตัวเล็กถามเสียงสั่น “เข้ามาคุยกับเธอไง” “มีอะไรทำไมไม่ไปคุยกันข้างนอก!” “ข้างนอกไม่สะดวก ตรงนี้สะดวกมากกว่า” “แต่ฉันไม่สะดวก ออกไปจากห้องนี้ซะ!” เจ้าของห้องออกปากไล่ สีหน้าไม่ไว้ใจ พีรดลยกท่อนแขนกอดอก แล้วยิ้มเยาะ “นี่เธอกลัวฉันเหรอ ถึงได้ทำหน้าแบบนั้น!” “ฉันไม่ได้กลัวนายเลยสักนิด!” หญิงสาวเถียง แม้รู้สึกเหมือนที่อีกฝ่ายเยาะหยันอยู่ในตอนนี้ “ถ้าไม่กลัว ก็ไม่ต้องไปคุยที่อื่น มันเสียเวลา” นาฎสุรีย์กวาดตามองรอบๆ หากหมอนี่คิดอะไรแปลกๆ ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ เธอเคยโดนเล่นงานมาหลายครั้งแล้ว เขาน่ากลัวเกินกว่าจะไว้ใจได้ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบว่ามา” เธอรีบเร่งทันที คนตัวใหญ่หรี่ตามอง พอมองแบบนี้แล้ว นาฎสุรีย์เองก็หน้าตาใช้ได้เลย ยามไม่มีแว่นสวมใส่บนใบหน้า “รับปากหมั้นทำไม” เขาถามเสียงเย็น คนถูกถามกัดฟัน สีหน้าหนักใจขึ้นมา เหมือนกลืนน้ำลายตัวเอง “ฉันมีความจำเป็น ซึ่งนายก็น่าจะรู้” เขาเลิ่กคิ้ว “ก็พอเข้าใจได้นะ แต่เธอแน่ใจเหรอ ว่าจะให้มันเป็นแบบนี้ หมั้นกับฉันมันไม่ได้จบแค่งานหมั้นหรอกนะ” คิ้วบางขมวดเข้าหากัน “หมายความว่ายังไง” พีรดลยักไหล่ “ไม่รู้สิ” “นายอย่าทำเหมือนไม่รู้เรื่องหน่อยเลย เราสองคนต่างรู้ดี ว่าอะไรเป็นอะไร” “ฉันไม่เดือนร้อนอยู่แล้ว อย่างที่เคยบอก” “แล้วฉันจะเดือดร้อนหรือไง!” “อันนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” “แล้วที่มาพูด เพื่ออะไร!” คนถูกย้อนถาม กระตุกยิ้มมุมปาก “เพื่อให้เธอระวังตัวไว้ไง” “ฉันต้องระวังอะไร นายอย่ามาขู่หน่อยเลย!” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนใช้จังหวะเผลอของอีกฝ่าย กระชากเรียวแขน แล้วรั้งร่างบางเข้าหา กอดรัดไว้แน่น “ปล่อยนะ! ทำแบบนี้ทำไม เป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” เธอร้องลั่น สีหน้าตื่นตระหนก “อีกสองวันเราก็หมั้นกันแล้ว ไหน ๆ ฉันก็ยอมเสียชื่อหมั้นกับเธอแล้ว จะไม่แตะต้องกัน มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก” “แต่ฉันไม่ยอม เราแค่หมั้นกันในนาม ฉันทำเพื่อให้ครอบครัวสบายใจ ส่วนนายก็ทำเพื่อเงินไม่ใช่หรือไง!” “แต่ฉันอยากได้กำไร อยากลองของแปลก เธอไม่อยากลองบ้างหรือไงกัน!” พีรดลย้อนถาม แล้วโน้มใบหน้าเข้าใกล้ คนในอ้อมแขนตระหนกตกใจ ยกมือดันแผงอกเบือนหน้าหนีด้วยความกลัว แต่เขากลับบดเบียดกายเข้าหามากขึ้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยแตะจมูก ทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นหนักขึ้นมา ไม่คิดว่านาฎสุรีย์จะทำให้เขาใจเต้นได้ขนาดนี้เลย ร่างนี้ก็นุ่มนิ่มน่ากอดจนแทบไม่อยากปล่อย ทำเอาอยากผลักลงบนเตียงเสียตอนนี้เลย “เพราะนายมันเป็นคนแบบนี้ ฉันถึงไม่คิดจะหมั้นไง ก่อนคิดจะทำอะไร ควรคิดถึงแฟนนายให้เยอะๆ ดีกว่าไหม!” เขายิ้มหยัน “คิดถึงแฟนงั้นเหรอ ทำไมต้องคิดด้วย” “ก็สิ่งที่นายกำลังคิดจะทำ มันผิดต่อแฟนนายไง” “เธอคิดว่าฉัน กำลังจะทำอะไรงั้นเหรอ?” คนถูกย้อนถามกัดฟันแน่น ต้องการกวนประสาทกันหรือไง “แค่เราสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน แถมนายยังกอดรัดฉันอยู่เนี่ย มันก็ผิดแล้ว!” หญิงสาวตวาดอย่างเหลืออด ที่ถูกอีกฝ่ายเอาแต่พูดจาวกวนกวนกันอยู่ตอนนี้ เขาหัวเราะในลำคอ ตั้งใจมาคุยเรื่องหมั้น เพราะอยากให้นาฎสุรีย์ช่วยปิดบัง แต่พอเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ทีไร ก็นึกอยากแกล้งตลอด “ไม่ผิดหรอก เพราะแฟนฉันไม่เห็นว่าเราสองคนทำอะไรกัน และฉันก็เชื่อว่าเธอคงไม่ป่าวประกาศด้วยจริงไหม?” “นายมันบ้าไปแล้ว ปล่อยฉัน!” นาฎสุรีย์ดิ้นรนเอาเป็นเอาตาย กรีดร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว หวังให้คนด้านนอกได้ยิน จะได้รู้จักนิสัยใจคอผู้ชายอย่างพีรดล บางทีผู้ใหญ่อาจล้มเลิกความคิดเรื่องงานหมั้น “หยุดร้องนะ หยุดดิ้นด้วย เธอจะแหกปากทำไม บ้าไปแล้วหรือไง!” “ฉันไม่หยุด จะร้องให้คนมาเห็น ว่าคนอย่างนายมันทุเรศแค่ไหน!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD