ตอนที่ 3 มันเป็นปัญหาของพวกเขา

1412 Words
‘นี่มันอะไรกันเนี่ย!’ ซูเจินในร่างหลี่รั่วหลานตะโกนในใจ ก่อนหน้านี้เธอยังเป็นนักเขียนปวดหลังในวัยยี่สิบแปดอยู่เลยแล้วตอนนี้ดันกลายมาเป็น ‘หลี่รั่วหลาน’ ตัวละครในนิยายของตนเอง! นี่มันต่างจากนิยายแนวเกิดใหม่ที่เคยอ่าน ไม่มีหน้าจอระบบหรือเสียงพูดแทรกอะไรเข้ามาบ้างรึ หลังจากนี้จะต้องทำภารกิจอะไรให้สำเร็จเพื่อกลับไปโลกเดิมรึไม่ การไม่แจ้งอะไรไว้ไม่ต่างกับการปล่อยเธอลอยแพท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่! “…” ซูเจินในร่างคนป่วยนั่งเหม่ออยู่พักใหญ่ ลึกในใจคาดหวังว่าจะมีคำใบ้อะไรเผยออกมาบ้างซึ่งความหวังอันริบหรี่ก็ดับลง ไม่มีระบบออกมาอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีภารกิจแสดงออกมา มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น... ตุบ! ร่างเล็กทิ้งตัวลงกับหมอนพลางคิดเรื่องที่จะเกิดขึ้น นี่เป็นนิยายที่ซูเจินเขียนด้วยตนเอง อย่างน้อยสวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายให้นางมาเกิดใหม่ในโลกที่ไม่รู้จัก แต่ถ้าเมตตาเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกหน่อยจะดีมาก ทำไมไม่ให้นางมาเกิดเป็นลูกเศรษฐีสักคนที่สามารถนั่งกินนอนกินอย่างสุขสบายไปทั้งชาติบ้าง หากเป็นเช่นนั้นสัญญาว่าจะไม่ร้องกลับบ้านเลยจริง ๆ นี่อะไรเมื่อก่อนลำบากลำบนจะแย่มาต่างโลกยังต้องดิ้นรนอีกหรือ ร่างเล็กถอนหายใจอีกรอบก่อนจะตั้งสติเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมด นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครในยุคโบราณ โดยมีตัวเอกเป็นบุตรีของตระกูลโจว ความจริงนางเป็นองค์หญิงของอดีตฮ่องเต้ที่ถูกกำจัดไปเนื่องจากการโค่นล้มราชบัลลังก์ หญิงสาวได้รับการเลี้ยงดูโดยตระกูลที่สนิทสนมกับพระมารดา พวกเขาช่วยเหลือทารกน้อยเพื่อรักษาเลือดเนื้อเชื้อไขของอดีตฮ่องเต้เอาไว้ แม้จะเป็นเพราะผลประโยชน์แต่เด็กสาวก็เติบโตมาอย่างดี อดีตองค์หญิงนาม จางเหริน ถูกปองร้ายจากหลายฝ่ายโดยมีแม่ทัพหนุ่มคอยช่วยเหลือ ทั้งสองตกหลุมรักกัน ระหว่างนั้นก็มีพวกตัวร้ายคอยตามรังควานเสมอมา เรียกว่าเป็นการขับเคี่ยวที่ดุเดือดระหว่างหมาป่าตระกูลกู้และกระเรียนขาวจากตระกูลเซี่ย ในท้ายที่สุดธรรมะย่อมชนะอธรรม คนชั่วแพ้ภัย พระเอกนางเอกได้แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข หากจะถามว่า ‘หลี่รั่วหลาน’ อยู่ตรงไหนของเรื่องนี้ ก็ต้องบอกเลยว่านางคือคู่หมั้นของพระเอก ว่าง่าย ๆ ก็เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ตัวร้ายอย่างเซี่ยไป่หานรับเข้ามาดูแลเพื่อใช้ประโยชน์ในการเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลกู้ พอนางหมดประโยชน์ก็โยนให้เป็นสตรีอุ่นเตียงของลูกชาย เรียกได้ว่าทั้งชีวิตของรั่วหลานเป็นเพียงเครื่องมือมีชีวิตที่โผล่ออกมาให้นักอ่านพิมพ์ด่าเท่านั้น ตอนอายุได้สิบห้าย่างเข้าสิบหกรั่วหลานจะถูกหมั้นหมายอย่างเป็นทางการกับ กู้หยุนฟ่าน พระเอกของเรื่องก่อนที่สองปีต่อมาเขาจะถอนหมั้นและไปแต่งงานกับโจวจางเหริน หลังจากนั้นชีวิตของเหล่าคนตระกูลเซี่ยก็นั่งรถด่วนลงนรกในทันที ไม่เพียงปัญหาภายในที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงระหว่างสองพ่อลูก ยังมีปัญหาภายนอกตามจิกไม่เว้นว่าง ทำให้พวกเขาได้รับโทษทัณฑ์จากเรื่องที่ก่อไว้โดยถูกปลดบรรดาศักดิ์แล้วเฉดหัวไปอยู่ชายแดน ต้องใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำอย่างลำบากลำบนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย ช่างเป็นอนาคตที่สดใสอะไรปานนี้... เท่ากับว่าซูเจินเข้ามาในจุดสำคัญของเรื่อง นางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เรื่องราวดำเนินไปจนสายเกินแก้ ก่อนจะคิดอะไรไปมากกว่านี้นางก็ขอให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันทีเถอะ แพขนตาหนาเคลื่อนไหวเชื่องช้า ร่างกายที่เพิ่งผ่านความเป็นตายมาได้ไม่นานหนักอึ้งเกินกว่าจะคิดอะไรไหว ไม่นานร่างเล็กก็ผล็อยหลับไปท่ามกลางเรือนหลังเล็กอันเงียบเหงา วันรุ่งขึ้น เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต่อให้จะหลับลึกเท่าใด ซูเจินก็ยังคงตื่นมาในจวนตระกูลเซี่ยดังเดิม หญิงสาวเป็นพวกไม่มีดวงมาแต่ไหนแต่ไรทำให้กว่าจะอยู่มาได้เท่านี้ก็เรียนรู้ที่จะปรับตัว เวลาเจอปัญหาจึงตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ท้อแท้ไปก็ไม่ได้อะไร สู้เอาเวลามาแก้ปัญหาตรงหน้าจะดีเสียกว่า ร่างเล็กนั่งมองใบหน้างามล้ำเกินใดเปรียบของอดีตเจ้าของร่างที่สะท้อนอยู่ในกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง ในนิยายหลี่รั่วหลานได้รับขนานนามว่า ‘หญิงงามล่มเมือง’ แต่ก่อนที่บ้านเมืองจะได้ล่มสลายตระกูลที่รับนางมาดูแลก็แตกระแหงไปก่อน เนตรงามซึ้งจับจ้องดวงหน้านวลผ่อง เส้นผมนุ่มสลวยดำขลับพลิ้วไหวอย่างเป็นธรรมชาติทุกครั้งที่สายลมพัดผ่าน ใบหน้าเรียวเล็ก ริมฝีปากแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติโดยมิได้แต่งแต้ม ดวงตากลมโตพร่างพราวราวกับมีดวงดาวอยู่ด้านใน น่าเสียดายที่สวยปานนี้ยังมิอาจมัดใจบุรุษผู้หนึ่งให้ผูกใจรักได้อีก กู้หยุนฟ่านพระเอกของเรื่องเป็นคนที่มองเนื้อแท้อันเห็นแก่ตัวของรั่วหลานออกตั้งแต่แรก ซึ่งต่างจากโจวจางเหรินที่ต่อให้เป็นหินธรรมดาก็ล้ำค่าด้วยความดีจากภายใน แน่นอนว่านั่นก็เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วเพราะหลังจากนี้อีกห้าสิบปี ความงดงามก็จะจางหายไปเหลือไว้เพียงความดี หากหญิงสาวปราศจากจิตใจอันล้ำค่าก็ไม่คู่ควรจะก้าวเข้ามาเป็นนางเอก “จงผิน วันนี้ใต้เท้าเซี่ยอยู่ที่จวนหรือไม่” คนงามถามถึงเซี่ยไป่หาน คนผู้นี้คือตัวร้ายหลักของเรื่อง ในหัวเขามีแต่แผนการแก้แค้นและผลประโยชน์ การกระทำบางอย่างจึงไม่มีมนุษยธรรมเอาเสียเลย “อยู่เจ้าค่ะ” สาวใช้ที่กำลังบรรจงหวีผมให้ผู้เป็นนายเอ่ยตอบ “งั้นรึ” “คุณหนูจะไปไหนหรือเจ้าคะ” เมื่อจัดการมวยผมเรียบร้อยร่างเล็กก็ลุกขึ้นและก้าวออกไปนอกจวนเล็กโดยมีบ่าวรับใช้เดินตามอยู่ไม่ห่าง “ข้าจะถามเรื่องใต้เท้าเซี่ยไปทำไม หากไม่อยากไปพบเขา” ริมฝีปากจิ้มลิ้มยิ้มน้อย ๆ ระหว่างเอ่ยวาจา ช่วยบรรเทาความน่ากลัวของจุดประสงค์ไปได้หลายส่วน ระหว่างทางรั่วหลานผ่านบ่าวมากมายที่คอยรับใช้เจ้านายในจวน คนพวกนั้นก้มศีรษะทำความเคารพนางอย่างขอไปที ส่วนบางคนก็ทำเป็นมองไม่เห็นและหัวเราะขบขัน คนพวกนั้นอาจรู้สึกบันเทิงเมื่อได้นินทาดรุณีน้อยที่มีชะตาอันน่าเศร้า แต่ปฏิกิริยาไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเจ้าตัวก็ทำให้ความบันเทิงเหล่านั้นอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว ‘แปลก’ ทุกคนคิดไปในทางเดียวกัน เดิมทีหลี่รั่วหลานคนนี้สวยแต่รูป หากได้เห็นใครที่ทำทีจะดูถูก นางก็ไม่ยอมพร้อมเอาเรื่องทันที คราวนี้กลับเดินผ่านไปหน้าตาเฉย ไม่รู้ว่าหลังจากตกน้ำไปภูตผีตนใดคงเข้าสิงนางแล้วกระมัง “ไม่เป็นอะไรหรือเจ้าคะ” “หากใครสักคนไม่ชอบหน้าข้า มันก็เป็นปัญหาของพวกเขา ปล่อยให้เขาแก้ไปเถิด” หลังจากผ่านคำพูดให้ร้ายทั้งจริงและไม่จริงมามากหญิงสาวก็ตระหนักได้ว่า คุณค่าของนางมิอยู่ที่ความคิดคนอื่น สำหรับรั่วหลานที่มีประสบการณ์ชีวิตเพียงน้อยนิดก็นับเป็นปัญหาไม่น้อย เรื่องนี้สะท้อนว่าแม้หลี่รั่วหลานได้รับการดูแลจากตระกูลเซี่ย คุณภาพชีวิตของนางก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ได้พักที่เรือนเล็กด้านหลังจวนใหญ่ มีข้าวกินบ้างไม่มีบ้างแล้วแต่จะมีบ่าวยกมาให้หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางยอมทำทุกหนทางให้ตนสุขสบาย แม้จะต้องทำตามทุกคำสั่งของคนสกุลเซี่ยก็ตาม ............................................................................... ใครไม่ชอบหน้าเรา นั่นคือเรื่องหนักหัวเขา ยัยน้องสะบัดบ๊อบใส่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD