“ ฉันชื่อ คลัซ...และถ้าเธอร้องฉันก็แค่จูบเธอแค่นั้น ! ” ร่างบางเบิกตากว้างอีกครั้งก่อนจะพยายามผลักไสร่างสูงให้ปล่อยตัวเธอ
“ นาย ! ปล่อย ! ปล่อยสิ ! ”
หมับ !
ปึก !
“ เขาบอกให้ปล่อยหูมึงตึงหรอไง...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่งๆ พร้อมกับกระชากแขนคลัซให้ออกมาจากร่างบางที่ยืนตาตื่นอยู่เบื้องหน้า อันที่จริงเขาไม่ได้อยากยุ่งกับเรื่องนี้เลย
แต่พอเห็นแล้วมันก็หงุดหงิดที่ผู้หญิงสมัยนี้อยากมาเที่ยวสถานที่แบบนี้แต่กับไม่มีความระมัดระวังตัวเลยสักนิด
เอวามองคีรินด้วยสายตาตกตะลึงที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาที่เข้ามาช่วยเธอไว้แบบนี้
“ แล้วมึงเสือกไรอะ...คนนี้กูเจอก่อนมึง..” คลัซเอ่ยอย่างหงุดหงิด ที่ต้องมาหัวเสียเพราะพี่ชายต่างสายเลือดอย่าง คีริน
“ เจอก่อนเจอหลังมันไม่ได้สำคัญ มันสำคัญว่าผู้หญิงเขารังเกียจมึงไหมมากกว่า ! ”
“ ไอ้คีย์ ! ”
“ ดูจากท่าแล้วนอกจากเขาจะรังเกียจมึง เขายังอยากไปให้พ้นๆ ผู้ชายอย่างมึงนะ...” คีรินเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบก่อนจะปรายตาไปมองเอวานิดๆ
“ มึงอย่ามาปากดีกับกูไอ้คีย์ ” คลัซพูดพร้อมกับผลักอกคีรินด้วยความโมโห..
“ กูก็แค่พูดไปตามที่กูเห็น...” คีรินเอ่ยก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับเดินชนไหล่คลัซเข้าไปคว้าข้อมือเล็กของเอวาให้เดินตามเขามา...เอวามองใบหน้าคีรินอึ้งๆ หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นเร็วขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะคีรินคือดาราหนุ่มที่เธอเป็นแฟนคลับมานานมากๆ แล้ว
“ ผู้หญิงคนนี้ของกู ! มึงไม่มีสิทธิ์...” คลัซเดินตามมาประชากแขนคีรินเอาไว้ก่อนจะเอ่ย...
“ ของมึง ? ถามผู้หญิงก่อนดีไหม...”
“ ไอ้เหี้ย ! มึงจะขัดกูทุกเรื่องเลยหรอไงวะ !! ”
“ แล้วแต่มึงจะคิด...” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่นัยน์ตาสีนิลของคีรินจะมองไปที่ใบหน้าของคลัซด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเฉยชาในบทสนทนา
คลัซกัดฟันตัวเองดังกรอดเขาพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้อย่างถึงที่สุดมือหนาของคลัซกำเข้าหากันแน่น
“ ทำไมอะ มึงโกรธหรอ ?”
“ มึงจะวิ่งกลับบ้านไปฟ้องแม่มึงก็ได้นะ เก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ น้องชาย…..” คีรินพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างยั่วโมโหคนตรงหน้าได้ดี...คลัซพยายามข่มอารมณ์ตัวเองแต่พอเขาเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของคีรินอีกครั้งความอดทนของเขาก็ขาดสะบั่นทันที !
ผัวะ !!
ปึก !
คีรินโดนชกเข้าที่หน้าเต็มแรงจนตัวเซล้มลงไปกับพื้น...โทรศัพท์คีรินที่ใส่ในกระเป๋ากางเกงไว้ก็ล่วงหล่นออกมากระแทกพื้นอย่างแรง ผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นเริ่มหันมามองกันด้วยความตกใจ
แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาห้ามอะไรอยู่ดี...
“ มึงอย่าปากดีกับกูไอ้คีย์ ! ”
“ พี่คีย์ !! -O- ! ” ร่างบางเอ่ยออกมาด้วยความตกใจก่อนจะรีบเข้าไปประคองร่างคีรินที่โดนคลัซชกเข้าเต็มแรง คลัซทำท่าจะเข้ามาซ้ำหน้าคีรินอีกครั้ง แต่เอวากับเอาตัวเองบังร่างสูงของคีรินเอาไว้
“ อย่านะ !! ”
“ เธอไม่เกี่ยว หลบไป ! ” คลัซเอ่ยพร้อมกับมองร่างบางตรงหน้า
“ ไม่ ! ”
“ นี่เธอ ! ” เสียงใสที่ตอบกลับมาอย่างหนักแน่นทำให้คลัซนิ่งอึ้งไปในทันที
“ ทำไรวะ !?...อย่าถ่ายนะครับ ! ” สกายเอ่ยเสียงดังพร้อมกับรีบเดินเข้ามาหาคีรินทันที คลัซหันมามองหน้าคีรินอีกครั้งก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปทันทีแต่ก็ไม่วายเดินชนไหล่สกายไปด้วยเหมือนกัน
“ เอ้าไอ้เหี้ยนี่ ! ” สกายสบถออกมาพร้อมกับมองตามหลังคลัซ...
“ เกิดไรขึ้นวะไอ้คีย์ ไอ้เหี้ยคลัซต่อยมึงทำไม...”
“ มันไม่ได้ในสิ่งที่มันต้องการไง...” คีรินเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บอะไรที่ริมฝีปากตัวเองเลย ต่างจากร่างบางที่สังเกตเห็นมุมปากของร่างสูงที่เลือดเริ่มซึมออกมา
“ พะ พี่คีย์…ปากพี่เลือดออก…” ร่างบางเอ่ยอย่างตกใจก่อนจะลืมตัวยื่นมือไปสัมผัสที่มุมปากคีรินที่มีเลือดซึมออกมา…แต่เธอก็ต้องชะงักมือเรียวของตัวเองไว้พร้อมกับแอบรู้สึกตัวชานิดๆ ที่คีรินเบือนหน้าหนีมือเธอแบบนั้น…
“ ไม่เป็นไร…”
“ แต่โทรศัพท์ของพี่…” ร่างบางมองไปที่โทรศัพท์ราคาแพงของคีรินที่ตกพื้นจนหน้าจอร้าว…
“ ช่างมัน…”
“ คือวาอยากจะ…” ร่างบางอยากจะตีปากตัวเองที่กลายเป็นคนพูดอะไรไม่ออกพอมาเจอคีรินแบบนี้
“ ทำไมอยากจะรับผิดชอบหรอไง…” คีรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเย็นชาและยังติดหงุดหงิดที่ปลายเสียงนิดๆ…
“ ใช่ค่ะ เพราะพี่ต้องเจ็บตัวเพราะวา แล้วโทรศัพท์พี่ยังต้องมาพังเพราะวาอีก…”
“ ค่ารักษาพยาบาลของพี่ แล้วก็ค่าซ่อมโทรศัพท์วาอยากเป็นคนจ่ายให้ค่ะ…”
“ แผลที่ปากฉันมันไม่ได้หนักอะไรขนาดนั้น…ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ...”
“ แล้วนักศึกษาอย่างเธอมีเงินมากมายขนาดที่จะมาออกค่าใช้จ่ายให้คนอื่นหรอไง ?…”
“ คงไม่พ้นต้องกลับไปขอพ่อขอแม่เพื่อมาจ่ายให้ฉันมั้ง...”
“ พะ พี่รู้ได้ไงคะว่าวายังเรียนอยู่…” ร่างบางเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ…คีรินมองหน้าเอวานิ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า..
“ มีปัญญามาเที่ยว ก็ควรจะมีปัญญาดูแลตัวเองหน่อยนะ…”
“ เธอคงไม่ได้ดวงดีที่จะรอดแบบนี้บ่อยๆ…”
“ วาขอโทษค่ะที่ทำให้พี่ต้องเข้ามาเดือดร้อนด้วย…วา...”
“ อยากตอบแทนฉันมากขนาดนั้นเลยหรอไง…” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้ง ใบหน้าสวยหวานเงยหน้าขึ้นมองนัยน์ตาคมก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เพราะเธออยากตอบแทนเขาจริงๆ ไม่ใช่ว่าเธออยากหาเรื่องใกล้ชิดเขาเพราะเห็นว่าเขาเป็นดารา แต่เพราะเขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ ทั้งๆ ที่เขาไม่ต้องเข้ามาช่วยเธอก็ได้
“ เอาโทรศัพท์มา…”
“ คะ…”
“ บอกว่าให้เอาโทรศัพท์มา…” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง…
เอวายื่นโทรศัพท์ให้คีริน และพอเขารับไปเขาก็กดแอดไอดีไลน์ตัวเองใส่ไลน์เอวาไว้ก่อนจะส่งคืน…
“ ไอ้เรื่องที่อยากจะตอบแทนฉัน ถ้าอยากตอบแทนมากขนาดนั้น…”
“ เอาไว้ฉันคิดออกว่าจะให้เธอช่วยอะไรแล้วฉันจะบอกแล้วกัน…”
“ มึงหาเรื่องแอดไลน์เขาก็บอกไอ้คีย์ อย่ามาเนียนทำเข้มกับน้องไอ้ห่า…”
“ มึงยืนเงียบอยู่ได้ตั้งนาน เงียบต่อไปก็ไม่มีใครว่านะไอ้กาย…” คีรินพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าสกายก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าหวานที่กำลังมองเขาด้วยแววตาที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไร
คีรินแอบพินิจใบหน้าของเอวาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ใบหน้าของเธอมันน่ารักราวกับตุ๊กตาเลยจริงๆ ดวงตากลมโตที่รับกับปลายจมูกรั้นๆ...แล้วไหนจะริมฝีปากอมชมพูของเธออีก...
“ มึงมองหน้าน้องเขานานเกินไปละไอ้คีย์...” สกายเอ่ยพร้อมกับตบไหล่คีรินเบาๆ...คีรินยิ้มที่มุมปากตัวเองนิดๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
“ ไม่ต้องห่วงนะ เธอได้ตอบแทนฉันแน่นอน…”
“ นั่นไงกูว่าแล้ว อย่างมึงช่วยใครโดยที่ไม่หวังผลไม่มี…”
“ กูไม่ใช่มึงไอ้กาย....”
“ น้องครับ ไอ้นี่มันเลวนะ อยู่ห่างๆ มันหน่อยนะครับ…”
“ เงียบปากเถอะมึงอะ…” วาจบคีรินก็เดินเลี่ยงออกไปทันที สกายหันมายิ้มให้เอวาอีกครั้งก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนไป…
เอวามองตามร่างสูงไปด้วยหัวใจดวงน้อยที่เริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่นัยน์ตากลมโตจะหลุบมองมาที่โทรศัพท์ในมือ เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าเธอกับคีรินจะได้มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้
ไม่คิดเลยจริงๆ...
หลายวันต่อมา....
@XP Library
ร่างบางที่นั่งรอเพื่อนๆ ไปหาหนังสือมาทำรายงานของวิชาเอกในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย...นัยน์ตากลมโตกำลังมองโทรศัพท์ในมือตัวเองอย่างคิดวนไปวนมา...เธอกดเข้าแอพพลิเคชั่นไลน์แล้วก็กดออกมันอยู่แบบนั้น
ใจนึงเธออยากทักคีริน แต่อีกใจก็ไม่กล้า...
จนบางทีเธอกำลังคิดว่าเธอกำลังหาข้ออ้างดีๆ ในการทักไปคุยกับคีริน...
“ ว่าจะไม่หวังแล้วเชียว....” เอวาบ่นอุบอิบออกมาก่อนจะคว่ำหน้าโทรศัพท์ตัวเองไว้แบบนั้น
“ หรือควรจะทักไปถามพี่เขาดีนะ...”
“ ฮือออ แล้วถ้าทัก จะทักไปถามว่าอะไรละ...” ร่างบางพูดออกมาอย่างองแงก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอ่านหนังสือภายในห้องสมุดที่เธอนั่งอยู่
ครืดด ครืดด ~
ร่างบางเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูว่าใครไลน์มาหาเธอ...แต่เมื่อเธอกดเข้าไปดู ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นทันที...หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรั่วขึ้นมาอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นปนตกใจ
“ พะ พี่คีย์...” ร่างบางเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา นัยน์ตาคู่สวยยังคงจับจ้องไปที่ข้อความที่คีรินส่งมา
-Line-
Kieran : เย็นนี้ว่างไหม...
Kieran : ?
AVA : ไม่แน่ใจเลยค่ะ ตอนนี้วามีทำรายงานกับเพื่อนที่ห้องสมุด
AVA : พี่คีริน มีอะไรหรือเปล่าคะ
Kieran : เสร็จกี่โมง
AVA : ยังไม่รู้เลยค่ะ พึ่งเริ่มทำกันเอง
Kieran : เสร็จกี่โมงก็ไลน์มาละกัน...
Kieran : จะชวนไปกินข้าว
AVA : พี่ชวนวาไปกินข้าวหรอคะ ?
Kieran : อืม
ร่างบางอ่านข้อความอีกครั้งก่อนจะยิ้มกว้างออกมาราวกับแก้มกำลังจะแตก...นัยน์ตาคู่สวยเปร่งประกายความดีใจ แต่เธอก็แอบแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆ คีรินก็ทักมาชวนเธอไปกินแบบนี้
“ นี่เรากำลังฝันปะวะ...”
แปะ !
“ โอ๊ยย..”
ร่างบางที่ไปที่แก้มตัวเองแรงๆ ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่หน้าเข้าอย่างจัง และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป...
คีรินทักมาหาเธอจริงๆ...
“ นั่งยิ้มคนเดียวเป็นคนบ้าเลยแก...เป็นไรอะ..” ฮันนาเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับหนังสือในมือสี่เล่ม ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเอวากำลังนั่งยิ้มอยู่คนเดียว เอวาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ากับเพื่อนก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆ แต่ก็ไม่วายส่งยิ้มที่แสดงถึงความดีใจออกไปอยู่ดี
“ เปล่านี่...ไม่เป็นไรซะหน่อย ”
“ คุยกับใครในไลน์อะ ทำไมต้องยิ้มแก้มบานขนาดนั้นอ่าแก...”
“ บ้าไม่มี...” ร่างบางพูดพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม
“ ไม่จริง แกกำลังเขิน แกกำลังมีความสุข แก้มแกแดงมากตอนนี้...”
“ มันดูออกขนาดนั้นเลยหรอ O_O ” เอวาพูดพร้อมกับจับไปที่แก้มตัวเองทั้งสองข้าง
“ อะไรอะเป็นไรกัน...” เมอากับริชาเดินกลับมาพร้อมกับหนังสือทำรายงานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าเอวากับฮันนาสลับกันไปมา
“ ก็ฉันถามวามันว่าเป็นไร เห็นมันนั่งยิ้มอยู่คนเดียวเนี้ย...”
“ ฮั่นแน่ มีความลับกับเพื่อนหรอ...” ริชาหรี่ตาถามพร้อมกับมองหน้าเอวาอย่างแกล้งๆ จะจับพิรุธ
“ บ้าหรือไงเล่า...ยิ้มไม่ได้หรอไง เข้าห้องสมุดแล้วห้ามยิ้มหรอ...” เอวาพูดกลบเกลื่อนก่อนจะรีบเปิดคอมเตรียมทำรายงาน
“ ก็ไม่ได้ห้ามยิ้ม แต่เพื่อนอยากรู้ว่าใครไลน์มาถึงทำให้เอวาของพวกเรายิ้มหน้าบานได้ขนาดนี้”
“ กะ ก็ไม่มีอะไร...ทำงานเถอะ เสร็จเร็วจะได้กลับไปพักกันเร็วๆ...” ร่างบางพูดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนๆ ด้วยสายตาอ้อนๆ... เพื่อนทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างรู้ทันเอวา
“ มีคนเขินแล้วหนึ่ง...” ริชาพูดยิ้มๆ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ เอวา
“ หลบตาเพื่อนแล้วหนึ่ง” เมอาพูดพร้อมกับนั่งลงตรงหน้าเอวา
“ แอบคุยกับผู้ชายแล้วหนึ่ง ” ฮันนาเองก็ไม่ยอมแพ้เอ่ยแซวก่อนจะนั่งลงทำงานเช่นกัน
“ พอแล้ววว ทำงานได้แล้วว ” เอวาพูดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนๆ ให้รีบทำงาน เพื่อนๆ ต่างมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มแซวใส่เอวา ส่วนเจ้าของใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตาก็ทำได้แค่ก้มหน้าหงุดหลบสายตาเพื่อนๆ
เวลา 19.38 นาที
“ ฮือออ เสร็จซะที...” เอวาเอ่ยก่อนจะรีบปิดคอม ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ปิดคอมรอกันตั้งนานแล้ว...
“ เสร็จแล้วก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ หิวแล้วอะ ” ฮันนาเอ่ยพร้อมกับลูบหน้าท้องตัวเองไปมา เพราะระหว่างที่รอเอวาท้องเธอร้องดังกว่าใครเพื่อนเลย
“ เออจริง กินชาบูกันไหมอะ...” เมอาพูดพร้อมกับเตรียมสะพายกระเป๋า
“ เอาดิ อยากกินอะไรร้อนๆ อยู่พอดี...” ริชาพูดเสริมอย่างเห็นด้วย ต่างจากเอวาที่มองเพื่อนด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก เพราะใจหนึ่งเธอก็อยากไปกินข้าวกับคีริน...
ถ้าวันนี้เธอเทนัดเพื่อนแล้วไปกินข้าวกับคีรินก่อน มันก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
“ พวกแกฉันต้องรีบกลับบ้านอะวันนี้...”
“ เอ้า วันนี้ไม่ได้นอนคอนโดหรอวา...”
“ เปล่าๆ...พอดีต้องกลับบ้านอะ ” ร่างบางโกหกออกไปพร้อมกับพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ
“ งั้นวันนี้ฉันไปกินกันก่อนสามคนนะ แกอย่ามางอแงทีหลังด้วย ”
“ ไม่งอแงแน่นอนนน ” ร่างบางรีบตอบฮันนาทันที ฮันนาพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกจากห้องสมุดไปยังลานจอดรถ
“ เดี๋ยวนะ แล้วแกจะกลับบ้านยังไง วันนี้แกไม่ได้เอารถมานิ...” ฮันนาหันมาถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
เอวานิ่งคิดไม่รู้จะตอบเพื่อนว่ายังไงว่าที่จริงแล้วคีรินจะมารับเธอไปกินข้าว
“ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอวาเอง...”
ทั้งสี่สาวหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง และคนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นเอวาที่ตอนนี้นัยน์ตากลมโตกำลังเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
เธอไม่คิดว่าคีรินจะมาปรากฎตัวแบบนี้ต่อหน้าเธอและเพื่อนๆ
“ พี่คีย์ ?! ” ฮันนาเรียกเพื่อนพี่ชายด้วยความประหลาดใจ คีรินยิ้มน้อยๆ ให้ฮันนา ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆ เอวา
“ พอดีเอวาติดเลี้ยงข้าวพี่มื้อหนึ่งอะ...”
“ นี่พี่กับเอวารู้จักกันหรอคะ...มันยังไงกันคะเนี้ย ” ฮันนาเอ่ยถามออกไปด้วยความงุนงงพร้อมกับมองหน้าเพื่อนสลับกับเพื่อนพี่ชาย
“ คือมันไม่ได้มีอะไรแก แกจำวันที่ไปคลับแล้วที่ฉันเจอคนเมาได้ไหม...”
“ คนที่ช่วยฉันไว้คือพี่คีริน” เอวาเอ่ยเสียงเบาพร้อมกับมองหน้าเพื่อนทั้งสามคนอย่างไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงต่อดี
“ แล้วฉันติดตอบแทนพี่เขา ฉันก็เลยอาสาจะเลี้ยงข้าวพี่เขาน่ะ...” ร่างสูงหันไปมองร่างบางที่อธิบายเพื่อนไปแบบนั้นทั้งๆ ที่เขาเป็นคนชวนเธอต่างหาก
“ แกก็เลยบอกฉันว่าแกจะกลับบ้าน แต่ที่จริงจะไปกินข้าวกับพี่คีริน ถูกมะ ? ” เมอาพูดพร้อมกับหรี่ตามองเพื่อน ร่างบางทำปากมุ่ยนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมรับ...
“ โธ่ ! ยัยเด็กน้อย โกหกเพื่อนอะถามผู้ก่อนทีหลังจะได้ไม่โป๊ะ ! ” เมอาพูดพร้อมกับบีบแก้มเอวาอย่างหมั่นเขี้ยว
“ ก็จะให้บอกยังไงเล่า ว่าไปกินข้าวกับพี่คีรินอะ”
“ ยากตรงไหนก็บอกพวกฉันว่า เออพวกแกวันนี้ฉันจะไปกินข้าวกับพี่คีริน ดาราที่ฉันเฝ้าปลื้มเขามาตลอดหลายปีนะ...ง่ายจะตายเนอะริชา” ฮันนาเอ่ยแซวพร้อมกับมองหน้าคีรินกับเอวาสลับกันไปมา
“ จริง ง่ายนิดเดียว... ” ริชาเอ่ยเสริมด้วยสีหน้ายิ้มๆ ต่างจากเอวาที่ตอนนี้ใบหน้านวลเริ่มขึ้นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอายที่เพื่อนพูดออกมาแบบนั้น
“ พี่คีย์จะจีบเพื่อนฮันนาหรือเปล่าคะ ? ”
“ แก ! ถามไรอะ...” เอวาหันขวับไปมองหน้าเพื่อนพร้อมกับถามเสียงหลง...ฮันนามองหน้าเอวานิดๆ ก่อนจะส่งสายตาให้เอวาเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยถามคีรินอีกครั้ง
“ ว่าไงคะพี่คีย์ ชอบเพื่อนฮันนาหรอถึงมารับเพื่อนฮันนาไปกินข้าวอะ...”
“ พะ พี่คีรินคะ คือฮันนามัน...”
“ ชอบครับ...พี่ชอบเอวา...” ร่างบางพูดยังไม่ทันจบ ร่างสูงที่นิ่งเงียบไปไม่นานก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งก่อนจะหันมาสบตาร่างบางที่ยืนหน้าตื่นอยู่ข้างๆ
“ O_O !! ” เอวานิ่งอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เธอแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งได้ยินไป...
..........................................
" พี่ชอบวาจริงๆ หรอคะ...."
" อืม ชอบ...."
......................................
ไม่จริงอิพี่คีย์ แกมีแผนนนน ?แกไม่ได้ชอบน้องเหมือนที่ปากพูดดดด?