เท่านั้นเอง...มันไม่มีอะไรเลย...
พิมรักปลอบใจตัวเองอย่างดุเดือด แต่กระนั้นรูปโฉมที่งดงามเกินมนุษย์ของมาริออสก็ทำให้หล่อนแทบเป็นลมเช่นเดิม
เมื่อก่อนมาริออสไม่ได้หล่อเหลาขนาดนี้นี่นา แล้วทำไมวินาทีที่สบประสานสายตากันตรงนี้ เขาถึงได้ดูหล่อเหลามากมายนัก อะไรที่ทำให้ มาริออสดูดีขึ้นกันแน่ เสื้อผ้าที่เขาสวมหรือ ไม่ใช่หรอก มาริออสมีเสน่ห์แม้จะไม่ได้สวมใส่อะไรเลยก็ตาม หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ
พิมรักส่ายหน้าไปมาราวกับคนบ้า ความตื่นเต้นตกใจจนเกินจริงของหล่อนทำให้หล่อนยิ่งทรมาน ความรู้สึกน่าละอายระเบิดในอก ความโหยหาที่ควบคุมไม่ได้มีอิทธิพลต่อทุกส่วนของร่างกายอย่างแท้จริง
หล่อน...หล่อนเป็นบ้าอะไรไป ทำไมถึง...ได้รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแบบนี้ รู้สึกร้อนรุ่มเหมือนกับเวลานั้นเลย...เวลาที่ถูกมาริออสสอดใส่เข้ามาหา ยามที่เขาโยกคลึงความแข็งชันใหญ่โตในกายของหล่อน และยามที่เขาพุ่งพิษรักเข้าใส่ร่างสาวยามที่สุขสม
บ้าๆๆ ทำไมหล่อนถึงได้คิดอะไรบ้าบอแบบนี้
พิมรักหอบหายใจระรัว ควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมาริออส ทำให้หล่อนยากที่จะบังคับร่างกายให้เชื่อฟังคำสั่ง
หล่อนจะต้องหนีไปหลังร้านเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะแสดงท่าทางขายหน้าชวนอับอายใดๆ ออกมา
ร่างอรชรหมุนตัวจะเดินหนี แต่เสียงห้าวห้วนเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน และนั่นก็ทำให้คนตัวเล็กจำต้องหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับผู้ชายอันตรายอีกครั้ง
“จะไม่ทักทายกันหน่อยหรือ พิมรัก”
น้ำเสียงสบายๆ ที่เอ่ยทักทายของมาริออสทำให้พิมรักยิ่งอดสู เพราะมันบ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับหล่อนเลยแม้แต่น้อย หล่อนยังอกสั่นขวัญแขวนกับภาพอดีตในค่ำคืนนั้นไม่ลืมเลือน แต่...ท่าทางของเขาบอกให้รู้ว่า เขาจำมันไม่ได้อีกแล้ว
ปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง อุ้งมือที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อถูกเล็บคมจิกจนเจ็บระบม
หล่อนจะต้องแสดงท่าทางเฉยชา ห่างเหินให้ได้แบบเขา จะต้องไม่เปิดเผยให้มาริออสรู้ว่า หล่อนโหยหาเขามากมายแค่ไหน และหล่อนต้องทำให้ได้
“สวัสดี มาริออส ซาเวลลาส”
คิ้วเข้มหนาดกเลิกสูง ขณะขยับกายเข้ามาหา พิมรักจะก้าวหนี แต่พอนึกได้ว่าตัวเองไม่ควรทำแบบนั้น หล่อนจึงยืนนิ่งเฉย และปั้นยิ้มบางๆ มอบให้คู่สนทนาสุดหล่อ
“ทำไมเรียกชื่อห่างเหินแบบนั้นล่ะ”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนาย ทำไมฉันจะเรียกนายแบบนี้ไม่ได้ นายมาริออส”
มาริออสอมยิ้ม นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ร้ายยามจ้องมองมา “ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงเอาแต่ใจแบบเธอจะชอบดอกไม้” เขาพูดและกวาดตามองไปรอบๆ ร้านอย่างเก็บรายละเอียด ก่อนจะหันมาพูดต่อ “ร้านสวยดีนะ แม้จะเล็กไปสักหน่อยก็ตาม”
“ขอบใจที่ชมว่าสวย แต่มันจะสวยกว่านี้ถ้านายรีบออกไปซะ”
คนถูกไล่หัวเราะร่วน “ก็เห็นติดป้ายว่ารับสมัครพนักงานไม่ใช่หรือ จะรีบไล่ไปไหนกันล่ะ”
“มหาเศรษฐีอย่างนายคงไม่ได้เข้ามาที่นี่เพราะต้องการสมัครเป็นลูกจ้างฉันหรอกใช่ไหม”
ไหล่กว้างทรงพลังที่หล่อนเคยจิกเล็บลงไปจนลึกยามที่สุขสมใต้ร่างกำยำไหวเล็กน้อยอย่างกวนประสาท
“มันก็ไม่แน่”
“อย่ามายียวนกวนโทสะฉันดีกว่า ออกไปได้แล้ว”
“ไม่”
“แต่ฉันกำลังจะปิดร้านแล้ว” เพราะความโมโหและอารมณ์มากมายที่เกิดขึ้นจนไม่อาจจะอธิบายได้หมด บงการให้พิมรักเดินอ้อมโต๊ะออกมาเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ตัวโตกว่ามาก หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาเขียวขุ่น
“ออกไปนะ แล้วอย่าเข้ามาก่อกวนที่นี่อีก และถ้านายทำธุระที่เมืองไทยเสร็จแล้ว ก็รีบกลับเอเธนส์ไปเลย ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย จำเอาไว้ด้วย”
มาริออสไม่ได้โต้ตอบในทันที แต่เขาหรี่ตามองหล่อนนิ่งนาน มองด้วยสายตาที่ทำให้ใบหน้าหล่อนร้อนจัด และต้องถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ
“ถ้าเป็นพี่เพนน์ เธอคงไม่ขับไล่แบบนี้สินะ”
คนที่ลืมหายใจไปชั่วขณะเพราะถูกเสน่ห์ของคู่สนทนาแผดเผาจนไม่เหลือสติเริ่มรู้สึกตัว
“ชะ...ใช่...”
สันกรามแกร่งที่มีไรหนวดขึ้นมากกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นขบกันจนเนื้อข้างแก้มกระตุก
ยามนี้เขาดูอันตรายเหลือเกิน...
“รู้แล้วก็ออกไปเสียสิ ไปเลย ไปให้พ้น”
มาริออสผินหน้ามองออกไปนอกกระจกใสเพื่อต้องการระงับโทสะ แต่ให้ตายเถอะ แม่สาวน้อยตรงหน้ายั่วได้เก่งเหลือเกิน จนเขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
ชายหนุ่มถอนใจแรงๆ ขณะหันหน้ามาจ้องมองพิมรักอีกครั้ง ใบหน้าสวยหวานที่บูดบึ้งทุกครั้งยามที่เห็นหน้าเขา ความอิจฉาที่ควบคุมไม่ได้ระเบิดในอก หัวใจหนุ่มรุ่มร้อนด้วยความต้องการเอาชนะ
“ฉันต้องการดอกไม้”
“แต่ฉันจะปิดร้านแล้ว”
“ไม่ เธอยังไม่ได้ปิดร้าน ป้ายที่หน้าร้านยัง open หรือจะเถียง”
พิมรักเม้มปากเป็นเส้นตรง มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะรีบร้อนก้าวไปข้างหน้า เพื่อที่จะไปพลิกป้ายจาก open ให้เปลี่ยนมาเป็น close แต่เพราะไม่ทันระวัง ทำให้เท้าพันกันและเซจะล้ม
มาริออสจึงต้องสวมบทบาทสุภาพบุรุษรวบร่างของหล่อนเอาไว้ ก่อนที่ร่างเล็กจะกระแทกลงกับพื้น
“ระวังหน่อยสิ” เขาตำหนิ แต่ไม่ยอมปล่อยแขนที่รัดรอบร่างหล่อนออกง่ายๆ