คนข่าว

1284 Words
แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย อณุภาก็หยิบกระเป๋ากล้องที่ตรวจเช็คดูฟิล์ม ดูกล้อง ดูถ่านแฟลชเรียบร้อยแล้วก็ลงไปที่ล็อบบี้ เพื่อรอขึ้นรถไปชมรอบเมือง ระหว่างนั่งรอชาวคณะอยู่นั้น เธอก็หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจดโน่นนี่ตามประสา จนเสร็จเรียบร้อยก็ไม่ถึงเวลานัด หญิงสาวจึงกวาดตามองไปรอบๆ ล้อบบี้ แล้วก็นึกไปถึงเหตุการณ์ตอนกลางวันของเมื่อวานนี้ เมื่อมีเพจเรียกเธอให้เข้าออฟฟิศโดยด่วน ขณะที่เธอกำลังติดตามทำข่าวกลุ่มม็อบรายวันที่คราวนี้เป็นกลุ่มผู้เดือดร้อนจากแชร์ลูกโซ่ ซึ่งกำลังประท้วงอย่างเข้มข้นและมีท่าทีว่าจะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล “เออ...มาแล้วเหรอไอ้เต้น ตอนนี้แกมีงานอะไรคั่งค้างก็รีบเข้าเคลียร์ให้เสร็จซะวันนี้ แล้วเตรียมตัวเดินทาง พรุ่งนี้แกต้องตามโต๊ะข่าวคมนาคมเขาไปเวียงจันทน์นะ พี่ยังไม่รู้ว่าโต๊ะนั้นเขาให้ใครไป เอ็งไปแล้วก็เก็บบรรยากาศทุกอย่างมา เจอใครน่าสนใจที่เป็นระดับสูงของทั้งลาวทั้งไทย ทั้งราชการ นักธุรกิจ เอ็งก็กระแซะมาให้หมด เก็บมาให้ละเอียด สัมภาษณ์ใครได้ ก็สัมภาษณ์มา ไลฟ์สไตล์ใครได้ก็เอามาให้หมด เก็บภาพมาเยอะๆ ด้วย” พี่เสือ หัวหน้าโต๊ะข่าวรีวิวและควบตำแหน่งรองบรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ไทยธุรกิจ สั่งงานหรือที่เรียกกันติดปากว่า แอดไซน์งาน สั่งเธออย่างรัวเร็ว ในทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นจากกระดาษในมือ แล้วเหลือบตาขึ้นมาเห็นหญิงสาวยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้า “หา...พี่เสือจะให้เต้นไปเวียงจันทน์กับไอ้นุ้ยเหรอค่ะ โอ้ว...มายก้อด...” คนฟังคำสั่ง ทำเสียงสูงลอยหน้าลอยตา เบิกตาโต ในขณะที่คนนั่งเอ้เต้อยู่ที่โต๊ะ ผู้เป็นหัวหน้ามองแล้ว ทำหน้าตาดูหมั่นไส้ ปนขำลูกน้องคนโปรด “อ้าว ตกลงโต๊ะนั้นเขาให้ไอ้นุ้ย ซี้แกมันไปทำข่าวนี้เองเหรอ เออ ก็ดีซิ ได้ไปกับซี้ กลับมาจะได้ไม่ต้องบ่นให้รำคาญใจ แล้วนี่พี่ส่งเอ็งไปลาวโว้ย ไม่ได้ไปลอนดอน แหม... ไอ้ฟ้าแลบทำมาดัดจริตสปีค อิงลิช” “แหม พี่เสือก็ เต้นก็แค่จะให้มันดูตื่นเต้นไปงั้นเองละคะ แต่ว่าก็ว่าเถอะไม่ว่าจะไปที่ไหนในโลกนี้ขอให้ได้ไปเหอะ เต้นกรี้ดหมดละคะ” “เออๆ เลิกกรี้ดแล้วไปสางงานแกให้เสร็จได้แล้วโดยพลัน เชิญเลยคุณอณุภา เพราะถ้างานคุณไม่เสร็จก่อนไป มีหวังกู เอ้ย ผมนี่ละจะกรี้ดเอง ...ไปเลยเอ็ง ให้ไว” พี่เสือสั่งพลางยื่นมือออกไปให้คนรับคำสั่งได้รู้ คนฟังเลยต้องรีบเผ่นผมปลิวออกมาจากที่ตรงนั้นทันที เสียงเจรจาของหัวหน้ากับลูกน้องคู่นี้ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะประสานกันเกรียวทั้งโต๊ะ แต่ก่อนที่จะค่อยหุบเงียบลง จนกลายเป็นเงียบเหมือนเป่าสาก เมื่อต่างพากันบุ้ยใบ้มองไปที่ห้องกระจก ซึ่งมีบิ๊กบอสนั่งสูบไปป์แล้วจ้องเขม็งมาที่คนในโต๊ะนี้กำลังฮาเฮอยู่นั่น จากนั้น ไอ้ฟ้าแลบ ก็ต้องมานั่งหน้าเคร่งปั่นงานเพื่อให้งานเสร็จตามคำสั่ง ซึ่งในเวลานั้นทุกคนในกองบรรณาธิการต่างกำลังคร่ำเคร่งกับงานข่าวของตัวเองอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียงกันเป็นตับเต็มห้องโถงกว้าง อณุภาชอบเวลานี้ ชอบบรรยากาศก่อนการปิดข่าว อันเป็นเวลาที่ไม่มีอะไรอยู่ในหัวทั้งนั้น นอกจากข่าว...และข่าว ขณะนั้นภายในกองฯ วุ่นวายไปด้วยสรรพเสียง เสียงรัวแป้นคีย์บอร์ด เสียงพูดคุยกันเอง เสียงโทรศัพท์กรีดร้องดังระงมดังจากโต๊ะนั้น โต๊ะนี้ ฟังดูมีแต่เรื่องที่ต้องเร่งรีบ ตื่นเต้น ตื่นตัวตลอดเวลา ยิ่งถ้ากำลังมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทุกคนจะตื่นตัวกันมาก การที่ใครถูกแอดไซน์ให้ไปที่ไหน อย่างเช่นการที่พี่เสือสั่งเธอไปเวียงจันทน์นั้น ไม่ใช่เรื่องประหลาด แต่ถ้อยคำที่ลูกพี่ลูกน้องโต้ตอบกันนั้น มันมีอารมณ์ขัน มีความรู้สึกร่วมถึงการเป็นพี่เป็นน้องและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่คนเขาเรียกว่า “ทีมเวิร์ก” นั่นล่ะ ส่วนคนในกองฯ คนอื่นๆ ที่กำลังคร่ำเคร่งกับหน้าที่ตนอยู่ พอได้ยินอะไรมากระทบหูให้ครื้นเครงบ้าง แม้เพียงนิดเดียวก็ทำให้บรรยากาศที่เคร่งเครียดผ่อนคลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ กฎการทำงานของที่นี่ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายนัก นอกจากการให้ความสำคัญกับข่าว “ข่าว” คือหัวใจ คือ หลักชัยของทุกๆ วัน การปิดข่าวให้ได้ก่อน ๖ โมงเย็น และปิดข่าวหน้าหนึ่งก่อน ๒ ทุ่ม ถือเป็นเส้นตาย เป็นจุดหมายที่ทุกคนต้องแข่งกันหามันมาให้ได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องทำร่วมกันให้ได้ด้วย อณุภาเริ่มอาชีพผู้สื่อข่าวในสำนักข่าวเดียวกันกับที่เธอเลือกมาฝึกงาน เธอได้ทำงานทันทีที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ในยุคที่เมืองไทยมีดาวเทียม “Thaicom” ประกาศศักดาล่องลอยอยู่ในอวกาศแข่งกับดวงดาวนับล้านที่กะพริบแสงพร่างฟ้า อันเป็นยุคเดียวกันกับนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงของรัฐบาลก่อนหน้านั้น และ...หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ผู้คนซึ่งเคยถูกปิดหูปิดตามาก่อนตื่นตัวกันมากขึ้น ต่างพากันกระหายข่าวทุกกระแส ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ ข่าวสารกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนในยุคนี้ ในขณะเดียวกันทุกภาคส่วนต่างก็โปรกันว่า เศรษฐกิจในประเทศทุกๆ ด้านกำลังพุ่งพรวดโลดลิ่ว เพื่อขานรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ว่ากันว่าไทยเตรียมตัวเป็น “นิกส์” หรือเป็นเสือตัวที่ ๕ ของเอเชีย นั่นล่ะ ในยุคนี้เอง ผู้คนก็ต่างกระหายเสพ “ข่าว” กระแสข่าวกลายเป็นคลื่นที่รุนแรงที่สุดในยุคคลื่นลูกที่สาม อันเป็นยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีระดับสูง เป็นยุคที่กระแสข่าวและคนข่าวทรงอานุภาพล้นพ้น สื่อสารมวลชนทุกแขนงต่างขยายตัวต้อนรับ สื่อสิ่งพิมพ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หนังสือพิมพ์ธุรกิจแข่งกันผุดขึ้นพรึ่บราวกับดอกเห็ดหน้าฝน ทัพนักข่าวหน้าใหม่ดาหน้าตบเท้ากระโจนเข้าสู่วังวนข่าวกันอย่างพร้อมเพรียง นักข่าวเก่า ฝีมือดี ถูกแย่งตัวกันให้จ้าละหวั่น... คำว่า globalization กลายเป็นคำที่โก้เก๋ ซึ่งใครๆ ก็อยากพูดถึง กล่าวได้ว่า ยุคโลกานุวัตรหรือกระแสโลกาภิวัฒน์ เป็นยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศ การติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่งและการแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เสมือนหนึ่งว่า โลกเราเล็กลงๆ ... แล้วมันก็กลายเป็นยุคทองของคนข่าวในสื่อสิ่งพิมพ์ทุกแขนงโดยแท้ ยุคนี้นักข่าวมือฉกาจแต่ละสายข่าวล้วนมีค่าตัวสูงลิ่ว ปรากฎการณ์นี้เอง กลายเป็นผลให้คะแนนสอบเอนทรานซ์ของทั้งคณะนิเทศศาสตร์ คณะสื่อสารมวลชนในมหาวิทยาลัยต่างๆ มีคะแนนสูงลิบ และกลายเป็นคณะยอดฮิตที่เด็กๆ แข่งขันกัน เพื่อสอบเข้าเรียนให้ได้ ...อาชีพผู้สื่อข่าว กลายเป็นอาชีพในฝัน ที่เป็นสุดยอดปรารถนาของคนรุ่นใหม่ไปด้วย ใครเลยจะรู้ว่า หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี เศรษฐกิจที่เป็นดังฟองสบู่ที่ฟูฟ่องล่องลอยงดงามในอากาศนั้น กลับแตกดังโพละ แล้วทุกอย่างก็สูญสลายหายไปในพริบตา...อนิจจา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD