บทที่ 12
ไม่ใช่ฝัน
ความเมื่อยขบตามร่างกายและอาการวิงเวียนของศีรษะ ทำให้คนบนเตียงที่นอนหลับตาพริ้มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ครั้นขยับตัวเหยียดแขนขาเล็กน้อยเป็นต้องชะงักและรีบเปิดเปลือกตาโพลง เนื่องจากสัมผัสความอ่อนนุ่มและกลิ่นหอมผ่อนคลายที่เข้าสู่โสตประสาทนั้นมันไม่ใช่สัมผัสจากห้องนอนส่วนตัวของตัวเอง
“ทะ...ที่นี่ที่ไหน!” สายป่านดีดตัวขึ้นจากเตียงอย่างไม่สนใจกับอาการวิงเวียนศีรษะ เหตุเพราะสภาพห้องที่ไม่คุ้นตากลับทำให้เธอหวาดหวั่นจนหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดขึ้น
“เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น...” เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ พลางขบคิดนึกย้อนไปยังค่ำคืนที่หัวสมองน่าจะยังพอจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ้าง
“มึงมาช่วยกูประคองอีนี่ไปที่ห้อง เบา ๆ นะเว้ย เสี่ยสั่งมาว่าห้ามช้ำห้ามมีแผล!”
เสียงเข้มดังกังวานก่อนที่ร่างแบบบางจะถูกตวัดช้อนและตรงปรี่ไปยังรถตู้สีดำเงาที่จอดรออยู่ไม่ไกล ชายร่างยักษ์ตัวใหญ่ช่วยประคองหญิงสาวให้ขึ้นไปบนรถตู้ หากแต่เสียงดุดันของใครคนหนึ่งกลับดังแทรกขึ้น ครั้นหันไปก็พบว่าเป็นชายคนหนึ่งที่กำลังจ่อกระบอกปืน โดยมีจุดหมายก็คือกลางกบาลของคนตัวโต
“ปล่อยผู้หญิงซะ”
“มึงเป็นใครวะ ถ้าไม่อยากตายก็ถอยไปดีกว่า อย่าแส่ไม่เข้าเรื่อง!” ชายชุดดำแค่นหัวเราะอย่างไม่คิดเกรงกลัวลูกตะกั่ว ทั้งยังหยิบกระบอกปืนออกมาจ่อเล็งพร้อมยิงสวนไปยังอีกฝ่ายเช่นกัน
“เลวทั้งนายทั้งลูกน้องเลยสินะ ฮึ”
“ยิงมันเลยพี่ แม่งเสียเวลา จัดการมันให้ตายแล้วก็รีบพาอีนี่ไปให้เสี่ยเถอะ” ชายชุดดำอีกคนตะคอกลั่น นึกหัวเสียกับการถูกขัดขวางในหน้าที่อันสำคัญที่ได้รับมอบหมายจากผู้เป็นนาย
ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะปล่อยผ่านเพราะคิดว่าเป็นคนที่เดินมาเห็นเหตุการณ์ แล้วอยากทำตัวเป็นพลเมืองดีเท่านั้น ครั้นเห็นกระบอกปืนที่เตรียมจ่อยิงก็คิดว่าปล่อยไปเฉย ๆ ไม่ได้เหมือนกัน
แต่ทว่า...
ปัง!
ปัง!
ไม่รอให้คนจำนวนมากกว่าเดินเกม คนที่ชำนาญและพร้อมอาวุธก็ตัดสินใจยิงสวนโดยเป้าหมายก็คือต้นแขนของคนทั้งสอง เนื่องจากไม่ต้องการปลิดชีพจบชีวิตของใคร
ชายฉกรรจ์ล้มลงต่อหน้า เฉกเช่นเดียวกับร่างของสายป่านที่ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง หากแต่สติอันน้อยนิดของเธอกลับยังคงอยู่แม้ว่าจะไม่รับรู้อะไรได้มากนัก
“คุณโอเคไหม คุณ...คุณได้ยินผมไหม!” เมื่อจัดการกับลูกน้องของเสี่ยเรียบร้อยก็รีบเข้ามาประคองร่างแน่งน้อยที่นอนกองอยู่กับพื้น
เขาพยายามสะกิดและร้องเรียก แต่กลับได้รับเพียงเสียงพึมพำเบา ๆ ในลำคอเท่านั้น
“อือ ชะ..ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
“ผมจะพาคุณไปที่บ้านเจ้านายผม” เสียงเข้มเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะใช้วงแขนช้อนร่างบาง แล้วก้าวฉับตรงปรี่ไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดเทียบไว้ตั้งแต่ต้นทันที
เหตุการณ์เมื่อคืนเธอจดจำได้เท่านี้...
แต่ก็มั่นใจว่าภาพเลือนรางที่เธอเห็นนั้นคือเรื่องจริงไม่ใช่ภาพมโนหรือความฝัน
แม้ว่ามันจะพร่าเบลอจนมองเห็นหน้าไม่ชัด แต่ภาพคนสองคนที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนนทำให้เธอมั่นใจว่ามันคือเรื่องจริงอย่างแน่นอน
“อ้อ...เมื่อคืนมีคนช่วยไว้สินะ แล้วก็...เฮ้ย!”
ทว่าก่อนที่เสียงพึมพำจะเอ่ยออกมาต่อจากนั้น มันกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงอุทานดังลั่น เฉกเช่นเดียวกับดวงตาหวานที่มันเบิกกว้างจนแทบทะลักล้นออกมา
“คุณไตร! เวร! ใช่...ฉันกับคุณไตร...อึก!” ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนหวนกลับเข้าสู่สมองโดยไม่ต้องพยายามขบคิดให้ปวดหัว แล้วภาพแรกที่เธอเห็นเด่นชัดนั้นก็คือการที่เธอกำลังกอดนัวเนียแนบชิดกันกับไตรพัฒน์บนเตียงกว้างแห่งนี้
“จริงเหรอ..บ้าน่า ฝันแหละ น่าจะฝัน” สายป่านบอกกับตัวเองทั้งที่ในใจยืนยันไปแล้วว่ามันไม่ใช่ความฝัน เพียงแต่เธออยากพูดให้กำลังใจความอดสูกับตัวเองเท่านั้น
หญิงสาวไม่ปล่อยให้ความคิดเกิดขึ้นเพียงลำพัง เธอตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง กระทั่งรับรู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองได้ว่ามันมีเพียงเสื้อและชั้นในชิ้นบนปกปิดอยู่เท่านั้น ครั้นหันมองรอบ ๆ ก็พบกางเกงของเธอที่ถูกพับวางไว้อยู่บนโซฟา คาดเดาได้ว่าเจ้าของห้องนี่แหละที่นำมันมาวางไว้
สายป่านรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้าและตัดสินใจเปิดประตูห้องเพื่อมองหาคนเมื่อคืน ตั้งใจถามหาความจริงว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ทว่า...
“แก! ทำไมแกมาอยู่ในห้องคุณไตรได้!”
เพียงการก้าวเท้าออกจากห้อง เสียงแหลมของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น ก่อนที่มือเล็กจะคว้าหมับและจับรั้งต้นแขนของสายป่านอย่างเอาคำตอบ
“คะ...คุณหมอ” สายป่านตัวชาวาบเมื่อเห็นคุณหมอที่ทำแผลถูกยิงให้เธอครั้งก่อน
“ฉันถามว่าแกเข้ามาอยู่ในห้องของคุณไตรได้ยังไง อีหน้าด้าน!”
เพียะ!
“อ๊ะ!” ร่างของสายป่านล้มลงกับพื้นเมื่อถูกฝ่ามือเล็กของคนตรงหน้าฟาดลงที่ข้างแก้ม จนรู้สึกถึงความข่มปร่าจากเลือดที่คละคลุ้งอยู่ด้านใน
“ลุกขึ้นมา! แกเข้าไปอยู่ในห้องนอนของคุณไตรได้ยังไง! แกไปอ่อยคุณไตรใช่ไหม อีหน้าด้าน ตอบฉันมา!”
“ฉันเปล่านะ ฉัน...”
“เกิดอะไรขึ้น!”
ทว่าเสียงเข้มทรงพลังที่ดังขึ้นกลับทำให้คนทั้งสองหยุดการกระทำราวกับถูกสาป เป็นไตรพัฒน์ที่สาวเท้าก้าวเข้ามา ในขณะที่ดวงตาคมก็กดมองไปยังสายป่านที่มีเลือดไหลออกมาบริเวณมุมปาก
มาเฟียหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขาเดินเข้าไปประคองร่างสายป่านมาอยู่ในวงแขน จับคางมนให้เชยขึ้นเพื่อมองร่องรอยและบาดแผลราวกับสำรวจพิจารณา ครั้นมั่นใจว่าเมื่อครู่นี้มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นจึงหันไปเค้นถามกับแพทย์สาว ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตัวสั่นหวาดหวั่นจนไม่อาจสบตา
“ทำบ้าอะไรวะ!”
“อึก...รินเปล่า รินเปล่านะคะคุณไตร” คุณหมอสาวส่ายหน้าพัลวันก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลหลั่งอาบข้างแก้ม
“เขาตบฉันค่ะ คุณหมอเขาตบฉัน เขาบอกว่าฉันมาอ่อยคุณ” สายป่านเลือกที่จะตอบแทนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโกหก
เธอไม่ใช่นางเอกในละครที่จะนั่งน้ำตาซึมแล้วปิดปากเงียบในยามถูกทำร้าย ในเมื่อเธอคนนี้ตบเธอและหาเรื่องเธอก่อน มันก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องนิ่งเฉยดูบทบีบน้ำตาแบบนี้
“แก! รินแค่จะถามว่าทำไมมันมาอยู่ในห้องนอนของคุณ แต่มันไม่ยอมตอบ แถมยังทำหน้ายียวนใส่รินอีก รินก็แค่สั่งสอน...”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายคนอื่น แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน!” ไตรพัฒน์ตวาดกร้าวพลันทำให้ทั้งคุณหมอสาวและสายป่านต่างก็สะดุ้งโหยงหลบเลี่ยงสายตาด้วยความหวาดหวั่น
แค่ดวงตาวาวโรจน์ของเขามันก็น่ากลัวมากพออยู่แล้ว ยิ่งน้ำเสียงดุดันโหดเหี้ยมที่ตะเบ็งออกมาก็ยิ่งทำให้ตอกย้ำความน่าเกรงขามเข้าไปใหญ่
“ริน...รินแค่เป็นห่วง ปกติคุณไตรไม่เคยพาใครมาที่บ้านไม่ใช่เหรอคะ แล้วมัน...”
“จำใส่หัวเอาไว้นะหมอว่าอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ผมจ้างหมอให้เป็นแค่หมอ ส่วนหน้าที่อื่นไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามา!”
คำตวาดกร้าวของมาเฟียหนุ่มทำให้แพทย์สาวถึงกับหลั่งน้ำตา หากแต่นัยน์ตาคู่นั้นกับเต็มไปด้วยเปลวเพลิงของความเกลียดชังที่มีต่อตัวสายป่าน
เจ้าหล่อนไม่ได้เอ่ยเอื้อนหรือตอบรับคำใดกลับมา ทำได้เพียงเดินกระแทกไหล่ของสายป่านและสาวเท้าออกไปจากตัวบ้าน โดยไม่คิดหันหลังกลับมาชายตามองแม้แต่น้อย
สายป่านที่เห็นแบบนั้นก็นึกขุ่นเคืองในใจ หากความเจ็บแปลบที่ข้างแก้มย้ำชัดให้เธอเลิกสนใจสิ่งอื่นมากกว่าร่างกายของตัวเอง
“เขาตบแล้วทำไมไม่สู้กลับ” เป็นไตรพัฒน์ที่เอ่ยถาม ในขณะที่มือสองข้างก็จับที่ไหล่มนของเธอให้หันประจันหน้าจนสายตาสบประสานกัน
จากความเจ็บปวดกลายเป็นว่ามันเลือนหายไปในพริบตา เหตุเพราะภาพหวามไหวเมื่อคืนมันย้อนหวนกลับเข้ามา จนทำให้หัวสมองของเธอประมวลตัดสินใจได้ว่าเธอต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
“ทำไมไม่ตอบ”
“ฉันจะกลับบ้าน ขอตัวกลับ...” สายป่านหลบเลี่ยงสายตาและถอยหลังออกมาสองก้าว ยามที่เขาแตะตัวเธอมันก็ยิ่งทำให้นึกถึงภาพเมื่อคืนที่คนสองคนแนบชิดกันมากเพียงใด
ความหวังอันน้อยนิดของสายป่านดับวูบ ตั้งใจไว้แล้วว่าจะรีบสับเท้าวิ่งหนีเขาให้เร็วที่สุด แต่ก็ดูเหมือนว่าคนตัวโตจะรู้ตัว เพราะหลังจากที่เขาพูดจบ มือใหญ่ก็รีบคว้าหมับแล้วออกแรงดึงรั้งให้เธอเดินไปตามการจับจูงของเขาในทันที
“ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ตามมานี่!”