บทที่ 14
ลาออก
วันถัดไป
สายป่านเดินเข้ามาด้านในร้านและจัดการเปลี่ยนชุดแต่งหน้าเพื่อให้พร้อมเริ่มงาน ตอนนี้เป็นเวลาเพียงหกโมงเย็นเท่านั้น หากแต่ในฐานะพนักงานย่อมต้องเข้างานตั้งแต่ช่วงเริ่มเปิดร้านเพราะมีความรับผิดชอบอีกมากมายที่ต้องจัดการ
หญิงสาวเดินมาทำหน้าที่ของตัวเองซึ่งก็คือการเช็ดโต๊ะและจัดเก้าอี้ให้เข้าทาง ระหว่างที่กำลังทำงานในหัวสมองกลับนึกถึงเรื่องบางอย่างที่ทำให้ใบหน้าหวานเรียบตึง คลับคล้ายกับความกังวลที่ปรากฏจนเผลอแสดงมันอย่างออกนอกหน้า
“เป็นอะไรป่าน ทำหน้าบึ้งเชียว เออนี่ช่วงดึก ๆ คุณเวย์จะเข้าร้านนะ คุณไตรก็มาด้วย พี่ฝากป่านช่วยดูแลด้วยล่ะ” เอ็มผู้จัดการร้านเดินเข้ามาทักทาย ขณะที่สายตาก็พลางกวาดมองความเรียบร้อยก่อนจะถึงเวลาเปิดร้านรับลูกค้า
“คะ...คุณไตรเหรอคะ”
ทว่าชื่อที่ได้ยินกลับทำให้ความกังวลได้คำตอบที่ชัดเจน จากความวุ่นวายสับสน เพียงแค่ได้ยินชื่อของเขาคนนั้นก็ทำให้เธอเลือกตัดสินใจกับเรื่องที่กำลังขบคิดอย่างว้าวุ่นได้ในทันที
“พี่เอ็ม...”
ความคิดที่อยู่ในหัวกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าล้วนสัมพันธ์กันอย่างเหมาะเจาะ
สายป่านเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ความตั้งใจที่เอ่อล้นเต็มอกกลับชัดเจน จนคนที่ถูกเรียกถึงกับรู้สึกหวั่น ๆ ในแววตาหนักแน่นของเธอที่มองมา
“มีอะไรหรือเปล่าป่าน”
“ป่าน...ป่านจะขอลาออกค่ะ”
ความในใจที่คิดทบทวนตลอดทั้งคืนได้เปิดเผยออกมา แม้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยเอื้อนจะเต็มไปด้วยความเสียดาย แต่ทว่ามันกลับเป็นความตั้งใจอย่างแท้จริงที่เธออยากจะบอกกับผู้จัดการร้านในวันนี้
การลาออกคงเป็นหนทางตื้นเขิน แต่มันกลับเป็นวิธีเดียวที่เธอจะไม่ได้พบเจอกับไตรพัฒน์อีก
เธอหวังว่าการลาออกจะทำให้เธอหลุดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายที่เคยพบเจอได้
คำว่า ‘ลาออก’ ที่ออกมาจากปากสายป่านทำให้ผู้จัดการถึงกับต้องโทรหาเจ้าของร้านให้มาพูดคุยด้วยตัวเอง
เวย์คินมาถึงร้านของตัวเองหลังจากที่วางสายด้วยระยะเวลาไม่ถึงสิบห้านาที และทันทีที่ถึงจุดหมายก็ไม่รั้งรอที่จะเรียกสายป่านให้เข้าไปในห้องทำงาน
“จะลาออกเหรอ” เจ้าของร้านถามขึ้นหลังจากที่เข้ามาในห้อง ซึ่งตอนนี้สายป่านเองก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ใบหน้าสวยหวานปรากฏความกังวลและตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเจ้าของร้านมาถามไถ่สาเหตุด้วยตัวเองแล้วก็ยิ่งเกิดความอึดอัดเข้าไปใหญ่
“ค่ะคุณเวย์” สายป่านตอบเสียงแผ่วทั้งยังหลบสายตาลง เพราะไม่อาจสบประสานกับความคมเข้มของนัยน์ตาคู่นั้นได้
เวย์คินเป็นเจ้าของร้านที่ใจดีกับเธอเสมอ เช่นเดียวกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ต่างก็ยกย่องให้เขาเป็นเจ้านายในอุดมคติ
เธอทำงานที่นี่มาตั้งแต่ชั้นปีสอง จวบจนตอนนี้อยู่ปีสี่ก็นับว่าคุ้นเคยกับการทำงานในที่แห่งนี้ไปแล้ว พอจะต้องลาออกจริง ๆ ก็เกิดอาการเสียดายและใจหายอยู่เหมือนกัน
“บอกได้ไหมว่าทำไมถึงลาออก” เจ้าของร้านหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ ในเมื่อเขาถามออกไปแล้วหากได้รับคำตอบแบบเดิมก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของเด็กสาวคนนี้
“คือ...คือป่าน...”
“เพราะพี่ไตรหรือเปล่า” พลันเห็นความกระอักกระอ่วนจึงทำให้เวย์คินเลือกที่จะเอ่ยถามในสิ่งที่ข้องใจ
ไม่แน่ใจว่านี่ใช่สาเหตุที่ทำให้พนักงานดีเด่นอย่างสายป่านลาออกหรือไม่ แต่เขาก็คิดว่ามันมีโอกาสสูงมากเลยทีเดียว
“เอ่อ...มะ...ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่นะคะคุณเวย์ คืออาทิตย์หน้าป่านจะต้องฝึกงานแล้ว ป่านกลัวว่าป่านจะบริหารเวลาไม่ได้จนทำให้ทั้งเรื่องการฝึกงานและการทำงานที่นี่ไม่ดีพอน่ะค่ะ” สายป่านพยายามพูดให้เจ้าของร้านเข้าใจมากที่สุด โดยเลือกเหตุผลของการฝึกงานที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าขึ้นมา
เธอต้องฝึกงานตามหลักสูตรทางมหาวิทยาลัยตามที่บอกออกไปจริง ๆ แต่ทว่าการลาออกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ แต่เธอกลับมองว่ามันคือเหตุผลที่ดีที่สุดในตอนนี้
สายป่านตั้งใจว่าจะฝึกงานและทำงานพาร์ทไทม์ควบคู่ไปด้วย เนื่องจากเธอต้องใช้เงินและมีภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน แต่ในเมื่อการพบเจอกับไตรพัฒน์ทำให้เธอเกิดความไม่สบายใจ การลาออกนี่แหละที่เธอคิดว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุด
เวลาที่เธอเจอเขาทีไรเป็นต้องเจอเรื่องร้ายกลับมาตลอด นอกจากจะเสี่ยงตายเพราะอำนาจด้านมืดของเขาแล้ว เธอยังได้รับฉายาสายสืบตราหน้าตัวโต ๆ อีกด้วย
“ฝึกงานอาทิตย์หน้าเหรอ…”
“ป่านขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า ตอนแรกป่านก็คิดว่าตัวเองน่าจะทำไหวน่ะค่ะ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็เปลี่ยนใจ ฝึกงานก็น่าจะสาหัสไม่น้อย ถ้าต้องทำงานควบต่ออีกป่านคงทำงานได้ไม่คุ้มค่าจ้างแน่”
“เอาเถอะ แต่แน่ใจแล้วจริง ๆ ใช่ไหมว่าจะลาออก ให้กลับไปคิดดูดี ๆ ก่อนก็ได้นะ บอกตามตรงว่าเธอเองก็ทำงานกับร้านมาหลายปี ทำงานเก่ง แถมยังขยัน โคตรไม่อยากเสียลูกน้องอย่างเธอไปเลย”
“ถ้าคุณเวย์เพิ่มเงินให้ป่านสักสามสี่เท่า ป่านก็คิดว่าจะเปลี่ยนใจอยู่นะคะ แหะ” สายป่านหัวเราะด้วยน้ำเสียงเริงร่า ใบหน้าจากความมึนตึงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ทำเอาคนฟังถึงกับหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน
“เอาสิ เดี๋ยวเพิ่มให้เลยเนี่ย ไอ้เอ็ม! ไอ้เอ็มมึงมาหากูที่ห้องหน่อย!”
“เฮ้ยคุณเวย์! ป่านล้อเล่นค่ะ ป่านอยากลาออกจริง ๆ” สายป่านร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านตะโกนเรียกผู้จัดการหวังจะเพิ่มเงินค่าจ้างให้เธอจริง ๆ
“เราเนี่ยน้า เฮ้อ...เอาเถอะถ้าแน่ใจแล้วฉันก็ตามใจ งั้นฉันขอให้ป่านช่วยงานจนถึงสิ้นอาทิตย์ก่อนแล้วกันนะ ระหว่างนี้ก็จะให้ไอ้เอ็มมันติดโพสต์รับสมัครงานไปด้วย”
สายป่านยกมือไหว้ผู้มีพระคุณอีกคนหนึ่งในชีวิตอย่างเวย์คิน และอยู่พูดคุยกันต่อไม่กี่ประโยคก็เดินออกมาจากห้อง เพราะเวย์คินหมดคำถามที่อยากรู้กับการลาออกของพนักงานดีเด่นอย่างเธอแล้ว
ทว่าในจังหวะที่เธอเปิดประตูและเดินออกมา สายตากลับปะทะเข้ากับร่างสูงของคนที่ช่วงนี้วนเวียนอยู่ในชีวิตเธอหลายครั้งหลายหน
เป็นไตรพัฒน์ที่ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างประตูห้องทำงานของเวย์คิน เขาสูบบุหรี่และปล่อยควันสีขาวคละคลุ้งให้ลอยเหนือศีรษะ ครั้นเห็นหญิงสาวเดินออกมาจากห้องก็เบนสายตากดมองมา หากมันปรากฏแต่ความเรียบนิ่งที่ยากจะคาดเดาถึงความรู้สึกได้เช่นกัน
สายป่านชะงักไปชั่วขณะ ในหัวก็ดันคิดถึงเหตุการณ์มากมายที่เคยเผชิญ รวมไปถึงภาพค่ำคืนนั้นมันยิ่งตอกย้ำให้เธอมั่นใจกับการลาออกว่ามันคือหนทางที่ดีที่สุด แต่ด้วยความเงียบที่เกิดขึ้นนานนับนาที ไตรพัฒน์ไม่ได้พูดอะไรกับเธอ เขาเพียงส่งสายตามองและสะท้อนความเย็นชากลับมาเท่านั้น
เธอไม่อาจสบสายตาดุดันของเขาอีกต่อไปได้ ตัดสินใจเดินผ่านตัวของเขาไปและรีบจ้ำฝีเท้าให้ออกห่างมากที่สุด
“อ้าวพี่ไตร ทำไมมาเร็วจังวะพี่” เวย์คินที่เดินออกมาจากห้องชะงัก เมื่อเห็นไตรพัฒน์ที่ยืนอยู่หน้าประตู แต่พอมองตามระดับสายตาก็รู้ว่าพี่ชายคนนี้กำลังมองตามพนักงานที่เพิ่งเดินนำออกมาก่อนหน้านั้น
“จะมาคุยเรื่องรถที่มึงจอง” เสียงเข้มเอ่ยบอก หากแต่สายตากลับไม่ได้มองคู่สนทนาเลยสักนิด
“แล้วไม่บอกก่อนล่ะ มานานยังอะพี่ งั้นไปนั่งที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวจัดเหล้าให้ กินไปคุยไปดีกว่าพี่”
“มึงคุยอะไรกับยัยนั่น” สิ่งที่สงสัยถูกถามออกไป ซึ่งคำพูดนั้นก็ทำให้มุมปากของเวย์คินหยัดโค้ง เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้วแต่ก็ต้องเก็บกลั้นรีบปั้นหน้านิ่งเมินเฉยใส่ให้เป็นปกติ
“ป่านมาขอลาออกอะพี่ ทำไมอะ มีอะไรเหรอ”
“ออกทำไม”
“ป่านบอกว่าช่วงนี้ดวงตก ราหูอม เจ้ากรรมนายเวรกลั่นแกล้งไม่เลิก ว่าจะลาออกไปบวชสร้างบุญสร้างกุศลอะ ก็แค่พนักงานจะสนใจทำไมวะพี่” เวย์คินแสร้งพูดไปเรื่อย ทั้งยังลอบมองสังเกตท่าทางของมาเฟียหน้าโหดที่ดูออกว่าตอนนี้คิ้วสองข้างขมวดกันเป็นปม
“สนใจห่าไร!” ไตรพัฒน์ปฏิเสธเสียงแข็ง นึกขุ่นเคืองขึ้นมากับคำพูดตอกหน้าเจ็บแสบของเธอที่ทิ้งไว้ให้แล้วจากไปในวันนั้น
เวย์คินหัวเราะและส่ายหน้าเบา ๆ เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของสองคนนี้ แต่ก็รู้สึกถึงความสัมพันธ์บางอย่างที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ระหว่างพนักงานดีเด่นกับมาเฟียทรงอิทธิพลที่เคารพเหมือนพี่ชายแท้ ๆ