ตั้งแต่วันนั้นกรฉัตรก็ไม่ได้กลับบ้านมาสามวันแล้ว แม้ว่าหทัยยาอยากติดต่อไปยังไงแต่เธอก็รู้ว่ากรฉัตรไม่มีทางรับสายเธออย่างแน่นอน เธอทำได้เพียงรอให้เขากลับมาอย่างมีหวังแม้จะรู้ว่าเขาโกรธเกลียดเธอก็ตาม แต่สำหรับเธอ แม้จะโกรธและน้อยใจเขาบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเกลียดเขาได้
“พี่บัว ทำไมหมูมันเหม็นแบบนี้คะ!” ร่างบางพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดหลังจากนั่งประจำที่เพื่อกินข้าวเย็น แต่พอตักกับข้าวมาใกล้ปากเพียงคำแรกก็ทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นจนหงุดหงิด
“ไม่เหม็นนะคะ” บัวสายแม่บ้านวัยยี่สิบปลายๆเอ่ยตอบหญิงสาวออกไป เพราะทุกคนก็ช่วยกันทำอาหารทุกอย่างและไม่มีใครได้กลิ่นเหม็นของหมูเลยสักนิด
“จะไม่เหม็นได้ยังไงคะ ตัวเล็กได้กลิ่นจนจะอ้วกแล้วเนี่ย!...”
“พี่บัวไปทำอะไรให้ตัวเล็กใหม่หน่อยค่ะ เอาอะไรที่ไม่ต้องใส่เนื้อสัตว์มานะคะ” ร่างบางสั่งขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์กับความหิวแต่กินไม่ได้และยังต้องเสียเวลารอ
“กินของพี่ก่อนไหม พี่ซื้อผักโขมอบซีสมา” แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่หทัยยาทั้งเกลียดและรำคาญจนไม่อยากได้ยิน
“อย่ามายุ่ง!” ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดที่ถูกรบกวนจากคนที่เกลียดอย่างริชาที่ตอนนี้เดินเคียงคู่เข้ามากับกรฉัตร
“นี่จ้ะ ถ้าหิวก็กินก่อนเลย แต่ถ้าไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร” ริชาที่เดินมาถึงโต๊ะกินข้าวพร้อมกับกรฉัตรก็หยิบของในถุงออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะ ก่อนจะดันกล่องผักโขมอบชีสที่ไม่มีเนื้อสัตว์อย่างที่เธอได้ยินหทัยยาสั่งไปตรงหน้าแล้วพูดขึ้น
พลั่ก! มือบางยกขึ้นปัดกล่องผักโขมออกอย่างแรงจนมันร่วงลงพื้นอย่างไม่พอใจ
“ก็บอกว่าอย่ามายุ่งไง!” ร่างบางที่อารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนหน้าบวกกับคนตรงหน้าเป็นคนที่เธอไม่ชอบ ทำให้เธอตะคอกออกมาอย่างดัง
“อย่ามาทำนิสัยแบบนี้นะหทัยยา!” และเป็นกรฉัตรนั่นเองที่ตะคอกใส่หทัยยาขึ้นอย่างไม่พอใจพร้อมกับกับชื่อเต็มของเธอที่เขาใช้เรียกตั้งแต่เกิดเรื่องที่เธอวางยาเขา
“ตัวเล็กก็อยู่ของตัวเล็กดีๆ มีแต่คนของคุณนั่นแหละที่มายุ่งกับตัวเล็ก!” ใช่เธอน้อยใจที่เธอถูกกรฉัตรตะคอกใส่ทั้งที่เธอก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเธอไม่ใช่หรอ
“ขอโทษริชาเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงกดต่ำสั่งออกมาจากปากของกรฉัตร
“ตัวเล็กไม่ขอโทษ” หทัยยาเถียงออกไปทันทีอย่างไม่ยอมแพ้
“ช่างเถอะค่ะพี่ฉัตร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ริชาเอ่ยขึ้นห้ามกรฉัตรทันที
แต่กรฉัตรไม่มีทางยอมอยู่แล้ว เพราะหทัยยาเป็นเด็กในปกครองของเขา การที่เธอทำตัวแบบนี้มันก็ส่อมาถึงเขาไม่ใช่หรอ
“อย่ามาทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจที่นี่นะหทัยยา! เธอไม่ใช่น้องในไส้ที่ฉันจะต้องตามใจทุกย่างหรอกนะ!”
จึก! และคำพูดของกรฉัตรก็ทำให้ร่างบางของหทัยยาชะงักนิ่งไปทันทีก่อนที่ขอบตาจะร้อนผ่าวพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าพร้อมไหล
“นั่นสิคะ คุณไม่ได้เห็นตัวเล็กเป็นคนในครอบครัวของคุณอยู่แล้วนี่ ไม่ว่าตัวเล็กจะทำอะไรมันก็ผิดไปหมดทุกอย่างอยู่แล้ว” ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยันตัวเองก่อนจะลุกเดินออกจากห้องกินข้าวไป
เธอรู้มาตลอดว่าเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกรฉัตรทางสายเลือดโดยตรง เพราะว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าที่แม่ของกรฉัตรรับมาอุปการะตั้งแต่เด็กเพราะอยากได้ลูกสาวอีกคน ถ้าพูดตรงๆเธอก็มีศักดิ์เป็นน้องสาวบุญธรรมของกรฉัตรนั่นเอง แต่ด้วยอายุที่ห่างกันถึงสิบห้าปีทำให้หทัยยามักจะเรียกกรฉัตรว่าคุณมากกว่าพี่อย่างที่ได้ยินกันนั่นเอง
“ไม่พูดแรงไปหรอคะพี่ฉัตร” ริชาเอ่ยถามชายหนุ่มที่เธอรักขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่กรฉัตรพูดกับหทัยยา
“ไม่หรอก” แม้จะตอบแบบนั้น แต่ภายในใจก็กังวลไม่น้อยที่เผลอพูดออกไปแบบนั้นเช่นกัน เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรแบบนี้ แต่เมื่อกี้เพราะความโกรธอย่างเดียว มันเลยทำให้เขาคิดแต่จะพูดให้หทัยยาเจ็บปวดและคิดได้ จนลืมคิดไปว่ามันคงจะแรงไปจริงๆ จนอดเป็นห่วงความรู้สึกของเด็กสาวไม่ได้
แม้กรฉัตรจะไม่ได้ตามใจหทัยยาทุกเรื่อง แต่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายกับเธอทุกเรื่องเช่นกัน บทเขาจะตามใจ บทเขาจะเอาใจ ก็ทำให้หทัยยาได้ใจไม่น้อยจนโตมากลายเป็นเด็กเอาแต่ใจอย่างที่เห็น แต่บทเขาจะดุ บทเขาจะแข็งข้อใส่ นั่นก็ทำให้หทัยยาดื้อแทบไม่ออกได้เช่นกัน
“ริชาขอขึ้นไปดูตัวเล็กหน่อยได้ไหมคะ ริชาคิดว่าริชาต้องเปิดใจคุยกับเธอให้เข้าใจกันสักที ไม่อย่างนั้นหลังจากเราแต่งงานกันบ้านคงวุ่นวายหนักแน่” ริชาเอ่ยขึ้นอย่างหนักใจทันทีหลังจากหทัยยาขึ้นห้องไป
“ไปคุยตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก” เพราะเขารู้ดีว่าคนอย่างหทัยยานั้นเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหน เวลาปกติก็ไม่ค่อยมีเหตุผลอยู่แล้วยิ่งตอนโกรธแบบนี้ใช่ว่าเธอจะมีเหตุผล
“ให้ริชาไปเถอะค่ะ เพราะอีกไม่กี่นานเราก็แต่งงานกันแล้ว ถ้าไม่รีบพูดรีบปรับความเข้าใจกันตั้งแต่ตอนนี้ ริชาว่ามันคงไม่ทันวันที่ริชาเข้ามาอยู่ที่นี่”
“.....” กรฉัตรเงียบไปอย่างใช้ความคิด เพราะสิ่งที่ริชาพูดมันก็ถูก อีกไม่นานเขากับเธอก็จะแต่งงานกันแล้ว ถ้าเกิดหทัยยายังไม่ยอมรับ ความวุ่นวายในบ้านคงตามมาไม่เว้นวันแน่
“เดี๋ยวริชามานะคะ” เมื่อกรฉัตรไม่ตอบ ริชาก็ตัดบทขึ้นด้วยตัวเองก่อนจะลุกเดินออกจากห้องกินข้าวไปยังชั้นสองที่เป็นห้องของหทัยยาทันที
แล้วที่กรฉัตรปล่อยให้ริชาขึ้นไปก็เพราะว่าอยากให้เธอได้ลองเปิดใจคุยกับหทัยยาด้วยตัวเองสองต่อสอง เผื่อมันจะดีกว่าการที่เขาไปพูดเองที่จะทำให้หทัยยาคิดว่าเขาเข้าข้างริชาฝ่ายเดียวแทน แต่สักพักเขาก็จะตามไปนั่นแหละ เพราะเขาก็ไม่ค่อยไว้ใจให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกันนานสองนานเท่าไหร่ เพราะเขาเชื่อว่ามันต้องเกิดเรื่องแน่นอน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องของหทัยยาดังขึ้น และมันก็ทำให้หทัยยาคิดว่าเป็นกรฉัตรที่ขึ้นมาง้อเธอ เพราะปกติริชาไม่เคยขึ้นมายุ่งห้องของหทัยยาอยู่แล้ว มันก็เลยทำให้หทัยยาไม่คิดว่าเป็นริชาจึงลุกไปเปิดประตู แต่...
“เธอ!”
พลั่ก! ริชาผลักประตูห้องของหทัยยาก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้องทันทีและไม่ลืมปิดประตูห้องก่อนจะเดินต้อนหทัยยาเข้าไปกลางห้อง
“ไง ที่เคยปากดีบอกจะทำให้พี่ฉัตรเห็นธาตุแท้ของฉัน จนถึงตอนนี้แล้วเธอทำอะไรได้บ้างล่ะ” ริชาเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยันใส่หทัยยา แน่นอนว่าริชาเกลียดและหมั่นไส้กับความมั่นใจนี้ของเด็กสาวตรงหน้ามาก
“คนตอแหลออย่างเธอ สักวันมันก็ต้องหลุดสันดานจริงของแกออกมา!” เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนเราจะทิ้งตัวตนของตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง ไม่เชื่อหรอกว่าคนเราจะสามารถทำตัวไม่เป็นตัวของตัวเองได้ตลอดไปโดยไม่หลุด
เพราะแม้แต่หทัยยาเองที่เป็นคนเอาแต่ใจและขี้วีน ที่เธอพยายามเสแสร้งเป็นอ่อนแอและบอบบาง แต่สุดท้ายเธอก็ทิ้งความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ สุดท้ายเมื่อถึงจุดหนึ่งเธอก็หลุดและโวยวายออกมาอย่างที่เป็นเธอ
“หึ เด็กน้อย เธอลืมไปหรือเปล่าว่าฉันกับพี่ฉัตรรู้จักกันมากี่ปี คบกันมากี่ปี ถ้าพี่ฉัตรจะรู้จักอีกด้านของฉันเขาคงรู้จักไปนานแล้ว และคงรู้ไปด้วยตัวเองแล้ว...”
“แล้วเธอเป็นใคร ก็แค่เด็กเมื่อวานซืน ความสามารถอะไรก็ไม่มี มีแค่อารมณ์เอาแต่ใจไร้เหตุผลแบบเด็กๆ เธอคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำให้พี่ฉัตรรู้จักฉันได้อย่างนั้นหรอ แล้วเธอคิดว่าพี่ฉัตรเขาจะเชื่อเธอหรอ เธอฟ้องพี่ฉัตรกี่ครั้งแล้วว่าฉันเป็นยังไง สุดท้ายใครที่ถูกพี่ฉัตรด่า ไม่ใช่เธอหรอ” น้ำเสียงและสีหน้าเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบังทำให้หทัยยาแทบทนไม่ไหวที่ถูกเหยียดหยามแบบนี้
“อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย! อย่าคิดว่าที่ผ่านมาฉันทำยังไม่ได้ แล้วจะไม่มีวันทำได้!”
“หรอ งั้นก็รีบทำให้ได้เร็วๆล่ะ เพราะถ้าเธอช้าตอนนั้นฉันอาจจะมีลูกกับพี่ฉัตร พี่ฉัตรคงจะตามใจฉันทุกอย่าง แค่ฉันเอ่ยปากให้ไล่เด็กเหลือขอที่เป็นส่วนเกินอย่างเธอออกจากบ้าน พี่ฉัตรก็คงไม่เก็บลูกหมาไร้เจ้าของอย่างเธอไว้ให้เปลืองข้าว”
เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือเล็กของหทัยยายกขึ้นตบหน้าริชาทันทีกับคำว่าเด็กเหลือขอ ส่วนเกิน และลูกหมาไร้เจ้าของที่เธอเอ่ยออกมา
“คนที่จะต้องเป็นหมาถูกทิ้งมันก็คือเธอ! ฉันจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่าสันดานของเธอมันน่ารังเกียจแค่ไหน!”
“ยังไงระหว่างนี้ก็รีบเก็บเงินไว้เยอะๆล่ะ เพราะถ้าพี่ฉัตรเขาเลือกเมียอย่างฉันขึ้นมา เด็กไม่มีพ่อมีแม่อย่างเธอก็คงถูกเฉดหัวออกจากบ้าน ถึงตอนนั้นเขาอาจจะไม่ให้แกแม้แต่บาทเดียวก็ได้นะ” แม้จะถูกตบ แม้จะอยากตบกลับคืน แต่ริชาก็ยังยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันไม่เปลี่ยน และคำพูดนี้ของริชามันก็แรงขึ้นสำหรับคนที่รู้ตัวอยู่แล้วอย่างหทัยยา
เพี๊ยะ!
“ก็ดีกว่ามีแม่อย่างเธอ แต่กลับสอนลูกให้สันดานแย่แบบนี้!”
เพี๊ยะ!
“โอ้ย! ตัวเล็ก พี่บอกให้หยุดไง” แล้วริชาก็เปลี่ยนอารมณ์ทันทีเหมือนกับถูกรังแก เพราะเธอมั่นใจว่ายังไงกรฉัตรต้องขึ้นมาหาเธอกับหทัยยาแน่ เขาไม่มีทางกล้าปล่อยให้เธอกับหทัยยาอยู่ด้วยกันนานๆหรอก
“อย่ามาตอแหล!” และคนที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว คนที่ยังโกรธและไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พอมาถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้งก็ทำให้เก็บอารมณ์ไม่อยู่จนไม่สนใจอะไรอีกเลย
เพี๊ยะ!
“โอ้ย! ตัวเล็กพี่เจ็บ! หยุดได้แล้ว!”
เสียงโวยวายของริชาที่เพิ่มดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่ไม่ได้ปิดสนิทด้วยฝีมือของริชาทำให้กรฉัตรที่เดินขึ้นมาถึงบันไดขั้นกลางเร่งฝีเท้าทันที
พลั่ก! ประตูที่เปิดขึ้นพร้อมกับภาพที่หทัยยากำลังจิกหัวริชาและง้างมือขึ้นเพื่อจะตบทำให้กรฉัตรก้าวเท้ายาวๆเข้าไปทันที
หมับ! พลั่ก!
ตุบ!
“อ๊ะ” เสียงร้องของหทัยยาดังขึ้นเมื่อถูกผลักอย่างแรงจนล้มลงด้วยฝีมือของกรฉัตร ยังโชคดีที่เธอล้มลงบนเตียงเพราะอยู่ใกล้พอดี ไม่อย่างนั้นเธอคงล้มกระแทกพื้นไปแล้ว
“เดี๋ยวฉันกลับมาจัดการ!” เสียงเข้มของกรฉัตรดังขึ้นและจ้องมองไปยังหทัยยาอย่างดุดัน ก่อนเขาจะพาริชาออกจากห้องไป ออกไปจนแม้แต่หทัยยาจะเอ่ยปากเรียกก็ยังไม่ทัน
“คุณ...”