วายุสั่งอาหารมากมายเพื่อเอาใจคู่หมั้นสาว เพราะอาหารร้านนี้อร่อยเขาชอบมาทานเป็นประจำ แค่อาจจะไม่ได้มาคนเดียวเท่านั้นเอง บริกรที่มาเสิร์ฟอาหารก็ดูเหมือนจะสนิทกับวายุพอสมควร เพราะทักทายกันอย่างเป็นกันเอง แถมยังเหล่มองเธออีกด้วย เธอแอบได้ยินหรอกนะว่าพนักงานคนนั้นถามอะไร วายุคงพาผู้หญิงคนอื่นมาบ่อยๆ พนักงานถึงได้ถามว่า‘วันนี้คนใหม่เหรอครับ’ วายุกระแอมเสียงหนักๆ ก่อนจะโบกมือไล่อีกฝ่ายไปเสีย บริกรหนุ่มจึงรีบถอยออกไปเพราะดูสถานการณ์ออก
“ทานมากๆ นะครับน้องริน” วายุตักอาหารให้หญิงสาวอย่างเอาใจ รามาวดีทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เพราะเธอก็หิวเช่นกัน และอาหารร้านที่ชายหนุ่มพามาทานก็อร่อยอีกด้วย เธอพยายามไม่สนใจเรื่องผู้หญิงของเขา ซึ่งนั่นทำให้วายุลอบถอนใจอย่างโล่งอกอยู่เหมือนกัน
วายุมองคู่หมั้นหน้าหวานอย่างถูกใจ เมื่อเห็นเธอเจริญอาหาร รอยยิ้มของเธอทำให้เขาชอบใจนัก เพราะบ่งบอกว่าอาหารร้านที่เขาพามาทานอร่อยถูกปากของเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเจอสายตาของวายุที่จ้องมองอยู่เลยเสมองไปทางอื่น มือเสไปตักอาหารด้วยความอาย
“เวลาน้องรินเขิน น่ารักนะครับ” วายุหยอดคำหวาน หญิงสาวหน้าแดงซ่านไปถึงใบหู เพราะไม่เคยถูกผู้ชายเกี้ยวแบบนี้มาก่อน เนื่องจากพี่ชายหวง เลยไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนคนเดียว ราเมธค่อนข้างเป็นห่วงเธอมากๆ
“พี่วาปากหวานจังค่ะ” รามาวดีเขินเสเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาดื่มอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี วายุหัวเราะอย่างถูกใจ
“หัวเราะอะไรคะพี่วา” รามาวดีพูดอย่างมีแง่งอน หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าเขาหัวเราะที่เธอแสดงอาการเขินอายเขาขนาดนี้
“เปล่าหรอก แค่อารมณ์ดีมีความสุข แถมยังได้มานั่งทานข้าวกับสาวสวย ก็ต้องหัวเราะเป็นธรรมดา” ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี
“กลับกันได้แล้วค่ะพี่วา เดี๋ยวจะดึก” หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือเรือนจิ๋ว เพราะตอนนี้เลยเวลามาพอสมควร ปกติถ้าไม่มีงานเลี้ยงหรือติดธุระเรื่องงานอะไร เธอจะไม่กลับบ้านดึก แต่ถ้ากลับดึกก็เพราะไปทำงานกับพี่ชายนั่นเอง ป่านนี้ ราเมธคงเป็นห่วงและกำลังรอการกลับมาของเธออยู่อย่างแน่นอน
“เป็นเด็กดีจัง” วายุกระเซ้าคู่หมั้นหน้าหวานและก็แสนเรียบร้อย
“เดี๋ยวพี่รามเป็นห่วงค่ะ” รามาวดีบอกไปตรงๆ เพราะเธอไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วงจริงๆ พูดยังไม่ทันขาดคำ ราเมธก็โทรมาตามจริงๆ เธอรีบบอกว่ากำลังจะกลับ กินข้าวกับวายุอยู่ ราเมธจึงวางสายไป
“แหม...ไอ้รามนี่ทำตัวอย่างกับพ่อ”
“ทำไมเหรอคะ”
“ก็โทรตามรินยังไงล่ะครับ รินโตแล้วนะ”
“ธรรมดาของพี่รามค่ะ พี่รามเลี้ยงพวกเรามา ย่อมเป็นห่วงพวกเราอยู่แล้วค่ะ”
“งั้นกลับก็ได้ครับ” วายุพูดขึ้น เรียกพนักงานมาเก็บเงิน เพราะเห็นคนตรงหน้าเป็นกังวล เขาก็ไม่อยากถ่วงเวลาไปมากกว่านี้ ยังมีเวลาอื่นให้ได้ใกล้ชิดกันอีกมากแต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกมาจากร้าน...
“วาขา...คิดถึงจังเลย” ซูซี่เข้ามากอดวายุอย่างไม่อายสายตาใคร แถมยังจุ๊บไปที่แก้มชายหนุ่มฟอดใหญ่
“ปล่อยก่อนครับซูซี่” วายุดึงร่างซูซี่ออกอย่างนิ่มนวล รามาวดีมองภาพที่วายุโดนหญิงสาวแสนเซ็กซี่อวบอัดนั้นกอดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ไม่รู้ว่าไม่สบอารมณ์เรื่องอะไร เหตุผลนี้ใช่ไหม ตลอดระยะเวลาที่เขาไม่เคยสนใจไยดีเธอ ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคู่หมั้น เพราะเขามีผู้หญิงคนอื่นมากมายให้เชยชม
“วาขา...ช่วงนี้ไม่ไปหาซูซี่บ้างเลยนะคะ ได้ข่าวว่าวาไปทำงานที่บริษัทเหรอคะ” ซูซี่ยังจีบปากจีบคอพูดกับชายหนุ่ม เหมือนมีแค่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้น
“ครับ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ เพราะคู่หมั้นผมรออยู่” คำว่าคู่หมั้นทำให้ซูซี่หันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับวายุอย่างไม่ชอบใจ
“อุ๊ย! วามากับคู่หมั้นเหรอคะ” ซูซี่แกล้งร้องขึ้น เหมือนกับว่าเธอเพิ่งเห็นหญิงสาวอีกคนที่มากับวายุทั้งๆ ที่เธอเห็นนานแล้ว แค่ไม่อยากสนใจเท่านั้นเอง
“พี่วาคะ รินไปรอที่รถนะคะ” รามาวดีไม่อยากเห็นภาพที่คู่หมั้นหนุ่มไปยืนกอดกับสาวอื่น เธอจึงขอตัวไปรอที่รถก่อน
ซูซี่มองรามาวดีอย่างอิจฉานิดๆ เพราะตั้งแต่วายุกลับมาจากเมืองนอก เขาเคยเป็นคู่ควงกับเธอจนเป็นข่าว และถึงวายุจะมีคู่ควงคนใหม่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งเธอนานเลยสักครั้ง ยังหมั่นแวะเวียนไปหาอยู่เสมอ เธอเคยบอกเขาว่ายินดีทำให้เขามีความสุขโดยไม่เรียกร้องอะไรจากเขา แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อเขาบอกว่าต้องไปดูแลกิจการให้บิดา วายุก็หายเงียบไป จนเธอร้อนใจคิดถึงเขาอย่างมากมาย วายุเป็นผู้ชายที่สปอร์ตมากๆ ตั้งแต่ที่เธอเคยคบผู้ชายทุกคนมาแล้วนับไม่ถ้วน วายุดีกว่าผู้ชายทุกคน เมื่อเขาไม่ได้ไปหาเธอนานเข้า เธอก็ขาดรายได้ไปมากทีเดียว เพราะเมื่อก่อนเขาให้เงินเธอใช้ไม่เคยขาดมือ
นึกถึงคำพูดของวายุเมื่อครู่ที่บอกว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่เห็นเขาเคยพูดถึงคู่หมั้นหน้าหวานท่าทางคุณหนูคนนี้ให้เธอฟังสักครั้ง พอเขาเข้าไปทำงานที่บริษัทบิดาไม่ทันไรก็ประกาศว่ามีคู่หมั้นอย่างนั้นหรือ เธอรับไม่ได้จริงๆ
“คู่หมั้นวาเหรอคะ” ซูซี่ถามอย่างควบคุมอารมณ์ไม่พอใจเต็มที่
“ครับซูซี่ เลิกกอดผมได้แล้ว ผมต้องขอตัวก่อน คู่หมั้นผมเขารอผมนานแล้ว” วายุแกะมือเรียวบางที่กอดเขาเหมือนหนวดปลาหมึกออกอย่างรำคาญนิดๆ แต่ไม่ให้เสียมารยาทกระชากรุนแรงให้เธอเสียหน้า แค่ดึงออกอย่างเบาๆ เท่านั้น
“ก็ได้ค่ะ แต่เมื่อไหร่วาจะไปหาซูซี่บ้างคะ ซูซี่เหงาคิดถึงคุณมากๆ เลยนะคะ” หญิงสาวยังออดอ้อนเขาไม่เลิกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างครับซูซี่ ต้องทำงาน” วายุพูดตัดบทสนทนา สายตาหันไปมองรถตัวเอง ในใจคิดถึงแต่คู่หมั้นสาวหน้าหวานที่ไปรออยู่ที่รถนานแล้ว เธอนิ่งมากจนเขาเดาใจไม่ออก ถ้าเป็นคนอื่นเห็นคู่หมั้นตัวเองยืนเบียดกับสาวอื่นคงวีนแตก แต่รามาวดีไม่ใช่ เธอไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนั้นให้เขาเห็นเลยสักครั้ง
“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับซูซี่แล้วค่อยคุยกัน” วายุพูดอีกครั้งและรีบสาวเท้าก้าวตามคู่หมั้นมาที่รถ ซูซี่อ้าปากจะพูดต่อยังไม่ทันได้พูดเขาก็ทิ้งให้เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น หญิงสาวยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างไม่พอใจอยู่คนเดียว จนเพื่อนสาวที่มาด้วยกันเข้ามาทัก
“เป็นอะไรซูซี่ แต่เมื่อตะกี้ ฉันเห็นคุณวายุนี่นา” การะเกดถามเพื่อนสาวที่ชะเง้อคอมองตามหลังชายหนุ่มที่เธอจำได้ว่าเขาคือ...วายุ คู่ควงของเพื่อน
“ใช่” ซูซี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมแกต้องทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” การะเกดมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ก็ในเมื่อเจอวายุ เพื่อนเธอน่าจะดีใจก็ไหนบอกว่าวายุทั้งรักทั้งหลงยังไงกัน
“เขามากับคู่หมั้นของเขาน่ะสิ” ซูซี่ตอบเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณวายุมีคู่หมั้นแล้วเหรอนี่ ไม่เคยเห็นแกเล่าให้ฉันฟังเลย” การะเกดถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“เขาก็ไม่เคยบอกฉัน เพิ่งรู้เมื่อครู่นี้เอง” ซูซี่ตอบเพื่อนอย่างมึนงงไปเหมือนกัน
“ทำใจเถอะเพื่อน ถ้าเขามีคู่หมั้นแล้ว แต่ไหนแกบอกฉันว่าเขาทั้งรักทั้งหลงแกนักหนายังไงเล่า ไหงไปมีคู่หมั้นคู่หมายเสียได้” เพื่อนสาวของซูซี่ถามอย่างอยากรู้ไม่ลดละ
“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว แต่ฉันไม่ยอมล่าถอยง่ายๆ หรอก” ซูซี่มองไปที่รถที่ขับเคลื่อนออกไปของวายุอย่างหมายมาด
‘ถ้าเธอไม่มีความสุขก็อย่าหวังเลยว่าคนอื่นจะมีความสุข’ ซูซี่คิดในใจอย่างอิจฉาริษยา