Mafia Part
.
“มาเฟีย ฉันว่า...เรามาจบเรื่องของเรากันเถอะ”
“ว่ายังไงนะ!”
นับดาวหลบตา ก่อนจะดันร่างที่เปลือยเปล่าลงจากตัวผม เธอหยิบผ้าห่มขึ้นปิดบังร่างกายไว้และขยับไปนั่งอีกฝากหนึ่งของเตียง ตัวผมเองก็ขยับขึ้นนั่งเพื่อที่จะคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง
“นับดาว”
“ฉันว่าฉันพูดรู้เรื่องแล้วนะมาเฟีย หรือถ้าอยากให้พูดอีก...” เธอถอนหายใจออกมาเหมือนรำคาญที่ผมพูดไม่รู้เรื่อง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “...ฉันบอกว่าให้เราจบเรื่องของเรากันดีกว่า ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม”
“ทำไม”
“มันไม่ใช่คำถามที่ควรถามเลยนะ” นับดาวเอ่ยเสียงเรียบ “ความสัมพันธ์ของเรามันไร้สถานะอยู่แล้ว นายบอกเองว่าถ้าใครอยากจะหยุด ก็สามารถหยุดมันได้ มันคือกฎไม่ใช่เหรอ”
“ฉันแค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไม เธอเบื่อฉัน เธอไปลองกับคนใหม่แล้วถูกใจกว่า หรือเธอกำลังจะคบกับใคร”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน! ฉันไม่เคยผิดกฎระหว่างเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันมีนายแค่คนเดียว”
ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวเปลี่ยนเป็นวาวโรธด้วยความไม่พอใจทันทีเมื่อถูกกล่าวหา ผมเองก็โกรธตัวเองที่ปากพล่อยพูดออกไปให้เรื่องมันแย่กว่าเดิม ผมรู้...รู้ว่าตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้นับดาวมีแค่ผมคนเดียว ผมคือผู้ชายคนแรกและคนเดียวของเธอ และตัวผมเองก็ไม่ต่างกัน นับดาวอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกในชีวิต แต่หลังจากมีนับดาวผมก็ไม่เคยสนใจใครอีกเลย
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น...”
“ช่างเถอะ” นับดาวว่าพลางกระชับผ้าห่มขึ้นแนบอก “นายอยากรู้เหตุผลใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากจบทุกอย่างลง”
“..” ผมไม่ตอบ สมองมันว่างเปล่าจนนึกไม่ออกว่าควรตอบอะไรออกไปดี เพราะผมไม่รู้เลยว่าตัวเองพร้อมที่จะรับฟังมันแค่ไหน แต่นับดาวก็คือนับดาว เธอไม่ชอบปล่อยให้อะไรค้างคา
“ฉันหมดสนุกแล้ว” เอ่ยออกมาง่าย ๆ เหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป แววตาของเธอนิ่งลึกจนผมมองไม่ออกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“เราสนุกกันมานานมากเกินไปแล้ว มันถึงเวลาที่ต้องหยุด ก่อนจะเสียเวลาไปมากกว่านี้”
“ฉันไม่เคยรู้สึกว่ามันเสียเวลา”
“แต่ฉันรู้สึก”
“นับดาว!”
“ฉันไม่ชอบยุ่งกับใครทีละหลาย ๆ คน แม้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่ได้มีการผูกมัด แต่ถ้าฉันยังไปมาหาสู่กับนาย ฉันก็ไม่กล้าที่เริ่มต้นกับใครซักที”
“ทำไมเธอต้องอยากเริ่มต้นกับใคร ถ้าเธออยากคบกับใครซักคนมาลองคบกับฉันดูก็ได้”
คำพูดที่หลุดออกไปทำให้นับดาวชะงัก ดวงตาเฉี่ยวฉายความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอจ้องมองใบหน้าของผมราวกับไม่เคยรู้จัก ก่อนที่ริมฝีปากสวยจะเผยรอยยิ้มออกมาช้า ๆ
ไม่ใช่...มันไม่ใช่รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเธอกำลังดีใจหรือมีความสุขอย่างที่ผมหวังจะให้เป็น ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ
“รู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่”
“ฉันรู้ตัวดี ฉันไม่ได้เมา”
“ใช่ ฉันรู้ดีว่านายไม่ได้เมา และฉันก็รู้ดีด้วยว่าที่นายพูดแบบนี้เพราะว่านายกำลังเสียดาย และเสียหน้าที่ถูกฉันทิ้งก่อน เลยพูดเรื่องไร้สาระนั่นออกมา”
“ความรู้สึกของฉันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ” ผมหน้าชาไปทั้งแถบเมื่อนับดาวดูถูกความรู้สึกผมแบบนั้น มันไม่ง่ายที่จะรู้สึกดีกับใครซักคน และมันไม่ง่ายที่คนแบบผมจะแสดงความรู้สึกออกไป แต่นับดาวกลับมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
“นายชอบฉันหรือไง ถึงอยากคบกับฉัน”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่...” ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมจึงยอมเปิดเผยความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจมาหลายเดือนออกไป “เธอจะเลิกพูดเรื่องหยุดทุกอย่างหรือเปล่า”
“นายแค่ชอบร่างกายของฉัน”
“ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ”
“ไม่! นายแค่ชอบร่างกายของฉัน นายยังสนุกกับร่างกายของฉัน เมื่อไหร่ที่นายเริ่มเบื่อนายก็จะเขี่ยฉันทิ้ง ฉันพูดถูกหรือเปล่า หรือถ้านายไม่เคยคิดแบบที่ฉันพูดเลยแม้แต่ครั้งเดียว งั้นก็ช่วยปฏิเสธออกมาดัง ๆ ช่วยทำให้ฉันมั่นใจว่านายชอบฉันจริง ๆ ไม่ได้แค่หวังร่างกายแบบที่ฉันคิด”
“ฉัน...”
ผมพูดไม่ออก ใช่ นับดาวพูดถูกว่าผมหวังแค่ร่างกายของเธอ แต่นั่นมันเป็นความคิดที่เกิดขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่ได้ลิ้มลองร่างกายนี้ ผมเคยคิดว่าอยากลองลิ้มรสผู้หญิงที่ผู้ชายเกือบทั้งมหาวิทยาลัยต้องการ คิดอยากจะเอาชนะคนพวกนั้นและความหยิ่งยโสของเธอ แต่หลายครั้งที่เราได้รวมเป็นหนึ่ง หลายครั้งที่ได้ตื่นมาแล้วเจอร่างบอบบางนอนขดอยู่ในอ้อมกอด ผมมีความสุขมาก และอยากจะให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป
“ผู้ชายแบบนายรักใครไม่เป็นหรอก”
ผมนั่งมองร่างบางที่กำลังเก็บข้าวของลงกระเป๋า นับดาวใช้เวลาสองถึงสามวันต่ออาทิตย์มานอนที่ห้องนี้ เสื้อผ้าข้าวของบางอย่างของเธอจึงกระจายอยู่ทุกมุมของห้อง กลิ่นหอมประจำตัวของเธอผสมผสานกับกลิ่นของผมจนกลายเป็นกลิ่นที่แสนพิเศษ ผมเสพติดเพราะได้อยู่กับมันทุกวัน จนนึกภาพไม่ออกว่าถ้าหลังจากนี้ไม่มี...จะเป็นอย่างไร
หลังจากประโยคนั้นของเธอเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก นับดาวจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนจะออกมาเก็บของโดยที่ผมทำได้แค่นั่งมอง ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรอย่างทุกคนหวังจะให้เป็น
ป่วยการจะทำให้คนที่ไม่เชื่อมาเชื่อในสิ่งที่เราอยากบอก ผมไม่ใช่คนพูดมาก ทั้งยังแสดงความรู้สึกไม่เก่ง แต่วันนี้ผมได้พูดมันออกไปแล้ว และในเมื่อเธอไม่คิดจะรับฟัง...ก็ไม่เป็นไร
ผมไม่โทษที่นับดาวไม่เชื่อคำพูดของผม ทุกอย่างระหว่างเรามันเริ่มต้นจากความผิดพลาดและความรักสนุก เราไม่เคยคุยกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเซ็กส์ตามกฎที่วางไว้ ไม่แปลกเลยที่เธอจะไม่เชื่อว่าผมจะรู้สึกลึกซึ้งกับเธอได้จริง ๆ
ทุกอย่างมีเวลาของมัน ผมแสดงความรู้สึกในวันที่สายเกินไป ในสายตาของนับดาวตอนนี้ผมจึงกลายเป็นแค่ผู้ชายห่วย ๆ คนหนึ่ง ที่ยอมโกหกความรู้สึกตัวเองเพียงเพื่อรั้งเธอไว้เพราะยังอยากได้ร่างกายของเธอ นับดาวไม่ผิดที่จะคิดแบบนั้น เพราะถ้าหากผมพูดออกไปเร็วกว่านี้เธอคงจะเชื่อบ้าง...ไม่มากก็น้อย
ใช้เวลาราวสามสิบนาทีนับดาวก็เก็บของทั้งหมดเสร็จ เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และมองมาที่ผมด้วยสายตาเรียบเฉยที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ
“ไปนะ”
ทำไมถึงพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายดายได้ขนาดนั้น
“เดี๋ยว”
แล้วทำไมการปล่อยเธอไปถึงได้ยากสำหรับผมขนาดนี้
“ว่า...”
นับดาวยอมหันกลับมาตามเสียงเรียก ใบหน้ายังคงเรียบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่นิดเดียว หึ! ใครกันที่บอกว่ามาเฟียคือคนที่เย็นชาที่สุดในโลก ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคนนี้ต่างหาก เธอเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง หัวใจเธอเหมือนโดนน้ำแข็งทั้งโลกโอบไว้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปในนั้นได้
ไม่มีเลย...
“กอดหน่อยได้ไหม”
“...”
“ครั้งสุดท้าย”
“อืม”
หมับ
ผมรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนทันทีที่ได้รับอนุญาต ร่างกายของนับดาวยังคงหอมกรุ่นและนุ่มมือเหมือนเดิม ผมสูดกลิ่นของเธอเข้าปอดช้า ๆ เพื่อเก็บซับความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุด นับดาวไม่ได้กอดตอบ และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอรักษากฎระหว่างเราได้ดีแค่ไหน
“ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันมีความสุขนะ”
“ฉันดีใจที่ทำให้เธอมีความสุขได้บ้าง”
“อืม”
“แต่เธอเข้าใจผิดอย่างหนึ่งนะนับดาว” ผมดันร่างของเธอออกห่าง มือทั้งสองข้างวางบนไหล่เธอเบา ๆ ดวงตาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
”ผู้ชายแบบฉันก็มีหัวใจ รักได้ และเจ็บเป็นเหมือนกัน”
“...”
“เราไม่น่าเริ่มต้นกันแบบนี้เลย”
“...”
“เราไม่น่าเริ่มต้นกันแบบนี้เลยจริง ๆ”