Mafia Part
.
'จีบสาวก็ต้องชวนเขาออกเดตสิวะไอ้เพื่อนโง่!’
เพราะคำแนะนำ(หรือด่า?)นั้น วันนี้ผมจึงมาอยู่ตรงนี้ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักคือตัวเลือกที่ดีสำหรับ ‘เดตแรก’
.
.
สองวันที่แล้ว
.
‘สรุปมึงกับดาวเป็นยังไง’
’เป็นยังไงอะไรของมึง’ ผมถามพลางเดินนำอีกฝ่ายมาที่โซฟา ก่อนจะนั่งลงทำงานต่อผิดวิสัยเจ้าบ้านที่ควรต้อนรับแขก แต่ก็นะ...แขกแบบมันไม่มีความจำเป็นต้องต้อนรับอะไร
แขกไม่ได้รับเชิญไม่ได้สนใจกับท่าทีไม่รับแขกของผม มันอาศัยความหน้าหนาของตัวเองเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นกินเอง ก่อนจะเดินกลับมาหาผมและถามคำถามเดิม
’มึงกับนับดาวเป็นยังไงบ้าง ไม่ต้องมาทำเงียบเลยนะมึง กูอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาถามความคืบหน้า วันนั้นกูโทรตามนับดาวให้ขนาดนั้นแล้ว อย่าบอกว่ามึงโง่ปล่อยเขาไปอีกนะ’
คำพูดยาว ๆ ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าคำ ๆ เดียวจากมัน ผมเงยหน้าจากงานขึ้นมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนค้ำหัวอยู่ทันที
’มึงมีเบอร์นับดาวได้ยังไง’
’ไอ้เวร! นี่ใช่สิ่งที่กูอยากได้ยินไหมวะ’ คริสว่าอย่างหัวเสีย ก่อนจะยอมตอบออกมาเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ล้อเล่นและต้องการคำตอบจริงจัง ’กูค้นในมือถือมึงเองแหละ พอใจยัง ทีนี้ก็ตอบคำถามกูได้ละ’
‘ก็ดี’
’หมายความว่ายังไงก็ดีของมึงอะ’
’เขาจะเริ่มต้นใหม่กับกู’
’เริ่มต้นใหม่ แบบนี้มึงไม่ต้องตามจีบเขาใหม่เหรอวะ’
’ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว กูกับเขาข้ามขั้นตอนมาเยอะเกินไป เริ่มใหม่ก็ได้ไม่เห็นเป็นไร’
’เพื่อนกูโคตรพระเอกเลยว่ะ ได้เขาเป็นเมียแล้วยังยอมเริ่มต้นใหม่อีก’
ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับมาสนใจงานที่ทำค้างไว้เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงหมดเรื่องถามแล้ว แต่ก็คิดผิดเพราะไอ้คริสที่วันนี้แปลงร่างเป็นเจ้าหนูจำไมยังคงตั้งคำถามไม่หยุดหย่อน
’แล้วได้ไปเดตกันบ้างหรือยัง’ แต่คำถามนั้นเรียกความสนใจจากผมได้ไม่น้อย ผมยอมละสายตาจากงานกลับไปมองหน้าเพื่อนสนิทอีกครั้ง
’ทำไมต้องเดตวะ”
‘จีบสาวก็ต้องชวนเขาออกเดตสิวะไอ้เพื่อนโง่!’ คริสจงใจเน้นคำว่าโง่ใส่หน้าผม ‘กูล่ะเหลือเชื่อกับมึงเลย ทุกวันนี้ไม่ได้ออกเดตกันแล้วจีบกันยังไงวะ’
’ส่งข้อความหากันบ้าง คุยโทรศัพท์กันบ้าง’
’นี่มึงคิดว่าตัวเองอยู่มัธยมเหรอวะ เด็กมัธยมเดี๋ยวนี้เขายังรู้เลยว่าจีบกันต้องออกเดต ไปกินข้าว ดูหนัง ทำกิจกรรมร่วมกัน’
’...’
’มึงอย่าชะล่าใจนะเฟีย นับดาวกับมึงยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน ถ้ามึงยังมัวแต่ใจเย็นอยู่แบบนี้ระวังหมาคาบไปแดก แล้วเดี๋ยวจะมาเมาเป็นหมาให้เพื่อนแบกกลับคอนโดอีก’
.
.
เพราะคำพูดแกมขู่ของคริสในวันนั้น ทำให้วันนี้ผมตัดสินใจนัดนับดาวออกมาที่นี่ ซึ่งนับดาวเองก็ไม่ติดขัดอะไร เธอเพียงแค่บอกว่าให้เจอกันที่ห้างเลยจะสะดวกกว่า เวลานี้ผมจึงมานั่งรออีกฝ่ายในร้านอาหารที่นัดกันไว้
ผมขยับตัวอย่างอึดอัด เพราะสายตาจากผู้หญิงตั้งแต่มัธยมยันวัยทำงานที่พากันจ้องมองมาอย่างไม่ปิดบังทำให้ผมอยากลุกออกจากร้านนี้ให้รู้แล้วรู้รอด นี่เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ผมไม่ชอบออกมาเที่ยว พูดตรง ๆ ว่ารำคาญสายตาที่จ้องมองมาอย่างไร้มารยาทแบบนี้ ปกติผมไม่ค่อยเข้าหาผู้หญิงก่อนอยู่แล้ว พอรู้ว่าหัวใจตัวเองอยู่ที่ใครผมยิ่งไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นเข้าไปอีก
“ขอโทษที มาสาย” เสียงหวาน ๆ ทำให้ผมเงยหน้าจากเมนูขึ้นมอง อารมณ์หงุดหงิดที่มีจางหายไปอย่างรวดเร็ว ผมยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเห็นร่างบอบบางในชุดนักศึกษาพอดีตัวยืนอยู่ตรงหน้า
“ไม่เป็นไร ฉันก็เพิ่งมาถึง” ผมโกหก ที่จริงผมมาถึงตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว เพราะไม่เคยออกเดตกับใครเลยกังวลไปทุกอย่าง กลัวเลือกสถานที่ไม่ดี กลัวรถติดแล้วไปนัดสาย กลัวทำให้ฝ่ายหญิงต้องนั่งรอ เลยกลายเป็นว่าผมมาถึงก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมง แต่ผมจะไม่มีทางให้นับดาวรู้เด็ดขาด
มันน่าอายไม่ใช่เหรอ?
“สั่งอะไรหรือยัง”
“ยัง ฉันรอเธอมาก่อน”
“อ๋อ งั้นฉันสั่งนะ หิวมาก”
“ตามสบาย” ผมตอบก่อนจะนั่งมองคนหิวที่เรียกพนักงานมารับออร์เดอร์ด้วยความคิดถึง หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีก เพราะต่างฝ่ายต่างต้องเคลียร์งานของตัวเอง ผมไม่อยากรบกวนจึงเลือกที่จะส่งข้อความหาและโทรคุยกันในบางครั้ง ไม่ได้ฉุกคิดเลยว่ามันน้อยเกินไปสำหรับการจะจีบใครซักคน
โดยเฉพาะใครคนนั้นเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัยที่มีแต่คนอยากครอบครองเป็นเจ้าของอย่างนับดาว
พอได้มาเจอหน้ากันแบบนี้มันทำให้ผมรู้ว่าตัวเองโหยหาคนตรงหน้ามากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่สาธารณะผมคงดึงเธอมากอดให้หายคิดถึงไปแล้ว ผมยอมรับกับตัวเองว่ากำลังชอบนับดาวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เจอหน้าก็อยากกอด อยากหอม อยากจูบ อยากทำทุกอย่างเหมือนเป็นหนุ่มคลั่งรัก ผมเลิกแปลกใจที่ตัวเองมีความรู้สึกประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแบบนี้ไปแล้ว ทั้งหมดมันเป็นเพราะนับดาว เพราะเธอคือข้อยกเว้นทุกอย่าง
“มีคนมาจีบเธอบ้างไหม”
“แค่ก! แค่ก!” นับดาวสำลักน้ำที่กำลังดื่มทันทีเมื่อผมถามคำถามนั้นออกไป ผมรีบเข้าไปลูบหลังบางจนเธออาการดีขึ้น เหลือเพียงใบหน้าที่ยังคงแดงจัดเพราะอาการสำลักเมื่อครู่ “จู่ ๆ มาถามอะไรแบบนี้”
“ฉันแค่อยากรู้ว่าตัวเองมีคู่แข่งมากแค่ไหน”
“ถ้าบอกไปจะถอดใจหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่มีวัน”
“อ่า...” คำตอบที่แสนหนักแน่นของผมทำให้นับดาวตอบไม่ถูก เธอยกแก้วขึ้นดื่มน้ำพร้อมกับแก้มที่ขึ้นที่ชมพูจาง ๆ
ผมเคยบอกไปหรือยังว่าผู้หญิงแบบนับดาวเวลาเขินน่ารักน่าแกล้งมากแค่ไหน?
ถ้าไม่เคยบอก ผมก็อยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่านับดาวเวลาเขินจนทำตัวไม่ถูกน่ารักมาก น่ารักจนผมอยากแกล้งให้เธอเขินอยู่แบบนี้ทั้งวัน ไม่ต้องทำอะไรอะไรก็ได้ แค่ได้นั่งมองหน้าสวย ๆ ที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาตินี้ตั้งแต่ตื่นยันนอน แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว
อ่า...ผมกลายเป็นหนุ่มคลั่งรักจริง ๆ แล้วสินะ
“ไม่มีหรอก มีแค่นายคนเดียวที่กล้าจีบฉัน”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันเป็นผู้หญิงน่าจีบหรือไง หน้าแบบนี้...” นับดาวถามกลับพร้อมชี้หน้าตัวเองที่บึ้งตึงให้ผมดู ผมหลุดขำออกมาเพราะเข้าใจที่เธอต้องการจะสื่อ นับดาวเป็นผู้หญิงสวยที่หน้าไม่รับแขกเอาเสียเลย ถ้าไม่จำเป็นเธอมักจะทำหน้านิ่ง ๆ เท่านั้น ซึ่งหน้านิ่ง ๆ ของเธอในสายตาคนอื่นก็คือหน้าที่บึ้งตึงดูอารมณ์เสียตลอดเวลานั่นแหละ
“ก็หัดยิ้มเยอะ ๆ สิ”
“อยากให้ฉันโดนจีบเยอะ ๆ เหรอ”
“งั้นไม่ต้องยิ้มแล้ว ยิ้มให้ฉันคนเดียวพอ”
“ไม่ใช่แฟน สั่งฉันไม่ได้หรอกนะ”
“พยายามจะเป็นอยู่นี่ไง” ผมว่าพลางเลื่อนมือไปกุมมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะไว้หลวม ๆ “อย่าจีบยากนักนะ เห็นใจคนไม่เคยจีบใครมาก่อนด้วย”
“...”
นับดาวพูดไม่ออก เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็หุบลงอยู่แบบนั้นหลายครั้ง แต่แก้มใสขึ้นสีแดงจัดกว่าที่เคยทำให้ผมรู้ว่าเธอกำลังเขิน
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ”
“คะ...ค่ะ”
นับดาวดึงมือออกจากการกอบกุมทันทีที่มีบุคคลที่สามเดินเข้ามา ก่อนจะแสร้งทำเป็นสนใจพนักงานที่เอาอาหารมาเสิร์ฟ แต่กิริยาที่พยายามหลบสายตาผมพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแก้มแดง ๆ ของเธอนั้นทำให้ผมอดยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้ ใครจะเชื่อว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งนับดาวจะน่ารักได้ขนาดนี้
อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้เห็นนับดาวในมุมนี้ มุมที่น้อยคนจะได้เห็น
“เลิกมองได้แล้ว” เธอทำเสียงดุแก้เขิน “กินข้าวเถอะ เดี๋ยวไม่ร้อนจะไม่อร่อย”
“กินข้าวเสร็จแล้วจะไปไหนต่อไหม”
“ไม่ไป”
“งั้นไปดูหนังกันนะ”
“อื้อ”
.
.
โชคดีที่รสนิยมดูหนังของเราเหมือนกัน หนังที่เราเลือกดูเป็นหนังแอคชั่นที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ ความโรแมนติกในโรงหนังลืมไปได้เลย เพราะเราทั้งสองตั้งใจดูหนังตาแทบไม่กระพริบจนจบ ป็อปคอร์นหรือแม้แต่น้ำที่ซื้อเข้าไปไม่ถูกแตะเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“หนังสนุกมากกกกก ไม่ผิดหวังเลย” นับดาวดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เพราะหลังจากออกมาจากโรงเธอก็แต่พูดถึงหนังไม่หยุดแถมยังยิ้มร่าเริงอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“ทำรายได้หลายพันล้านนี่นะ”
“อื้อ สมควรทำรายได้ซักหมื่นล้าน”
“อวยเก่ง”
“ก็ของเขาดี” นับดาวตอบพลางถ่ายรูปตั๋วหนังในมืออยู่หลายรูปหลายมุม ก่อนจะเลือกรูปที่คิดว่าสวยที่สุดมารูปหนึ่งแล้วอัพลงอินสตราแกรมของตัวเอง
“เธอชอบหนังแอคชั่น ชอบกินอาหารญี่ปุ่น และชอบน้ำเปล่าที่สุดในบรรดาเครื่องดื่ม”
“หืม?”
“เปล่า ฉันแค่อยากจำไว้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง” ผมหันไปบอกนับดาวที่มองมาด้วยความสงสัย “จะได้เอาใจถูก”
“ขับรถไปเลย!” นับดาวดันไหล่ผมเบา ๆ ก่อนจะทำทีเป็นสนใจมือถือของตัวเอง ผมมองใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาสนใจท้องถนน ไม่ต้องส่องกระจกผมก็รู้ได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มอย่างมีความสุขแค่ไหน
เดตแรก จบได้ดีกว่าคิดไว้เยอะ