บทที่4. หลันหลัน

1079 Words
ในมือของกงเสวี่ยหลิงกำปิ่นปักผมเปื้อนเลือดแน่น  ดวงตาที่เคยอ่อนโยนคู่นั้นแข็งกร้าวไร้ความอ่อนแอ เพราะความตกใจทำให้มือสกปรกปล่อยนกน้อยให้ร่วงหล่นเพื่อไปกุมเป้ากางเกงที่ถูกปิ่นของนางจ้วงแทง กงเสวี่ยหลิงยื่นมือไปรองรับร่างของนกน้อยได้ทัน แล้วรีบหมุนตัววิ่งออกไปท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของชายผู้นั้น ท่ามกลางความตกตะลึงของคนรอบข้างที่ไม่รู้ว่าจะต้องช่วยผู้เป็นนายที่ร้องอย่างเจ็บปวดหรือตามหญิงสาวที่วิ่งหนีสุดฝีเท้า ‘หลันหลัน’  นกน้อยถูกกอดแนบอก ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของกงเสวี่ยหลิงแทบจะทะลุทรวงอกออกมา เท้าเล็กๆ สะดุดพื้นดินขรุขระล้มจนศีรษะกระแทกก้อนหิน แต่นางรีบยันกายขึ้นแล้วออกวิ่งไม่สนใจเลือดที่ไหลลงมาเปื้อนใบหน้า เสียงคนวิ่งไล่ตามมาด้านหลัง กงเสวี่ยหลิงไม่เสียเวลาหันไปมอง นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่พุ่งมาเฉียดใบหูของนาง   ‘ธนู!’ ‘หลันหลัน’ น้ำเสียงของกงเสวี่ยหลิงเด็ดเดี่ยวและผสานความผ่อนคลายอย่างคนยอมรับชะตากรรม ‘เจ้าโบยบินไปสู่ท้องฟ้าอันอิสระเถิด อย่าถูกกักขังเช่นข้า ข้าติดค้างเจ้า รั้งนกน้อยอย่างเจ้าให้อยู่เป็นเพื่อนข้า ทั้งที่บ้านของเจ้าคือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ คืออิสรเสรี’  มือที่ประคองนางไว้แนบอกยื่นนางออกไปสุดมือ ก่อนที่ร่างของกงเสวี่ยหลิงจะกระโดดผาน้ำตก     นางพุ่งตัวหมายจะปกป้องกงเสวี่ยหลิง แม้เป็นเพียงนกน้อย แต่นางรักและภักดีกับกงเสวี่ยหลิง มีท้องฟ้าเป็นบ้านอันเสรีแต่ไม่มีใครรักและห่วงใยเท่ากงเสวี่ยหลิง ชีวิตนกน้อยอย่างนางก็ไร้ความหมาย ร่างหญิงสาวทิ้งตัวลงรวดเร็ว แต่นางใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายพุ่งเข้าไปในอกของกงเสวี่ยหลิงก่อนที่ร่างของนางจะจมสู่ผิวน้ำ     จนกระทั่งนางลืมตาก็พบเซียวเหรินอีกครั้ง ครั้งนั้นนางถูกแมวใจร้ายตะปบฉีกปีกจนเกือบบินไม่ได้ ผ่านมาสี่ปี นางได้พบเขาอีกครั้ง    แต่ดวงจิตของนางกลับมาอยู่ในร่างของกงเสวี่ยหลิง      “ปวดแผลหรือ?”   น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยถาม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจึงนึกได้ว่าตนเองนั่งเอามือกุมศีรษะอยู่ นางจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า เซียวเหรินคือบุรุษที่กงเสวี่ยหลิงมีใจให้ นางคาดเดาจากที่ทุกครั้งเมื่อกงเสวี่ยหลิงได้พบจางซงหยวนจะสอบถามเรื่องของเซียวเหรินเสมอ นางจึงพลอยรับรู้ทุกเรื่องราวของเซียวเหรินและความรู้สึกของกงเสวี่ยหลิงไปด้วย     นางลดมือลงแล้วส่ายหน้าไปมา จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วเป็นฝ่ายยื่นมือไปแตะแก้มของเขาเบาๆ   “ซือจื่อผอมลงมาก” นางพยักหน้าให้กับตัวเอง  แล้วเลื่อนมือไปจับแขนของชายหนุ่มที่นั่งนิ่งไม่ขยับตัว “แต่แขนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แสดงว่าซือจื่อแข็งแรงสุขสบายดี”   “แม่นาง” เซียวเหรินจับมือของนางออกจากท่อนแขนของเขา “ข้ามั่นใจว่าไม่เคยพบเจ้า เจ้าคงจำคนผิดแล้ว”    หญิงสาวส่ายหน้าไปมาแล้วฉีกยิ้มกว้าง “ข้าไม่อาจลืมผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า คุณหนูบอกว่าซือจื่อเป็นหมอที่เก่งที่สุด รักษาคนนับร้อยนับพัน ซือจื่อจำข้าไม่ได้ย่อมไม่แปลกอันใด”    เซียวเหรินนิ่งงันไป นางพูดถูก เขารักษาคนไม่ได้สนใจหน้าตาหรือฐานะ สารภาพตามจริงเขาจำหน้าตาคนที่เขารักษาไม่ได้ เพียงแต่อาการเจ็บปวดหรือวิธีการรักษานั้น เขากลับจำได้แม่นนัก     “แม่นางรู้จักกงเสวี่ยหลิง?”      “ย่อมรู้จัก” หญิงสาวพยักหน้าแรงๆ ท่าทางไร้เดียงสาน่ารักน่าเอ็นดู   “แม่นางเป็นอะไรกับกงเสวี่ยหลิง?”   “ข้าเป็นนก!” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม แต่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายแล้วจึงนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตอบ “ข้าติดตามคุณหนูกงเสวี่ยหลิง ไม่ว่านางจะไปไหน ทำอะไร ข้าล้วนอยู่ข้างกายคุณหนูเสมอ”   คราวนี้เซียวเหรินพอใจกับคำตอบที่ได้ยิน แต่เข้าใจไปว่าหญิงผู้นี้เป็นคนรับใช้เท่านั้น “เหตุใดเจ้าใส่เสื้อผ้าของกงเสวี่ยหลิง”     “คุณหนูไม่ได้เต็มใจ คุณหนูถูกล่อลวงให้ไปที่บ้านพักหลังใหญ่บนเขาลูกโน้น” นางพูดแล้วชี้นิ้วประกอบ “พวกเราถูกคนโฉดทำร้าย เพื่อปกป้องข้า คุณหนูใช้ปิ่นปักผมแทงชายแก่คนนั้น นางบอกให้ข้าหนีไปแต่ข้าไม่ไป นางกระโดดผาน้ำตก ข้าก็กระโดดด้วย แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดข้าจึงมาอยู่อย่างนี้”  เห็นหญิงสาวสูดลมหายใจกลั้นมิให้ร้องไห้ออกมา เซียวเหรินแม้เย็นชาแต่ไม่ไร้หัวใจ เขาจึงไม่เอ่ยปากบอกเล่าว่าเขาได้ย้อนกลับไปที่บึงน้ำที่นางตกลงมา ไม่มีร่างผู้อื่นอีก หากคิดในแง่ดี กงเสวี่ยหลิงอาจมีคนช่วยไปแล้วหรือลอยตามน้ำไปถึงหมู่บ้านอื่น    หรือ...อาจไม่โผล่ขึ้นมาจากน้ำอีกก็เป็นได้ กงเสวี่ยหลิงเป็นองค์หญิงแคว้นเฉียนเหลียง เป็นองค์หญิงตัวประกันและเครื่องบรรณาการ เขาไม่เคยเห็นใบหน้าของกงเสวี่ยหลิงแต่รับรู้เรื่องราวจากปากของกงอี้เทาและจางซงหยวน ซึ่งเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กัน ราวสี่ปีก่อนกงอี้เทานำขบวนเพื่อส่งกงเสวี่ยหลิงสู่เมืองหลวงบังเอิญได้พบกันอีกครั้ง คราวนั้นเขาเพิ่งช่วยนกหงส์หยกตัวหนึ่งไว้ และไม่ได้มีความคิดจะเลี้ยงดู กงอี้เทาเห็นเข้าก็หยอกล้อเขาเสียยกใหญ่ กระทั่งเขาได้ยินเสียงหวานใสจากในรถม้าที่อยู่ใกล้เอ่ยปากขอนกน้อย เขาจึงรู้ว่ากงเสวี่ยหลิงอยู่ในรถม้าคันนั้น เป็นการพบกันครั้งเดียวและพบกันโดยมิได้เห็นหน้า จากนั้นเขารับรู้เรื่องราวของนางจากปากของ กงอี้เทาที่มักลอบมาพบปะสนทนากันอยู่บ่อยครั้ง  “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”    “ข้า...” นางกลอกตาไปมา “ไม่มีคุณหนู...ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD