ฟารุสจูบหลานชายในอ้อมกอดอีกครั้งก่อนจะส่งคืนให้ไฟรัสอุ้มต่อ
“พ่อไปก่อนนะ ขอให้ความจำของลูกฟื้นคืนมาโดยเร็ว อย่าลืมไปพบหมอตามนัดนะพ่อให้นิกรเอาประวัติการรักษาของลูกมาจากโรงพยาบาลที่โน่นให้หมอแล้ว ฝากด้วยนะหนู” ตอนท้ายหันมาพูดกับเข็มหอมที่จูงข้าวสวยอยู่
เด็กน้อยชูมือหราให้ปู่อุ้ม ฟารุสจึงนั่งยองแล้วกอดแม่หนูน้อย
“เป็นเด็กดี อย่าดื้ออย่าซนนะลูกหลาน ปู่ไปก่อนนะ”
“ไหว้ปู่สวยๆ สิคะลูก” เข็มหอมบอก เด็กน้อยว่าง่ายทำตามทันที พร้อมหอมแก้มปู่ทั้งสองข้าง แล้วถอยออกมาโบกมือลา
ฟารุสขยี้ผมอย่างเอ็นดู ก่อนหอมแก้มหลานชายอีกครั้งแล้วเอ่ยลาลูกทั้งสอง เมื่อเข็มหอมไหว้ลาท่านก็รับไหว้แบบเก้ๆ กังๆ ก่อนจะหันไปรับไหว้นิกรที่ล่ำลาเช่นกัน
“พ่ออย่าลืมส่งข่าวนะครับ แล้วโทรมาหาผมบ่อยๆ นะ” ไฟรัสบอก ทำให้ทั้งตนเองและคนเป็นพ่อชะงักไปชั่วขณะ
ฟารุสคิดว่าหากไฟรัสไม่ความจำเสื่อมก็คงไม่มีคำพูดเหล่านี้ออกมา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ โบกมืออีกครั้งแล้วเดินเข้าประตูผู้โดยสารด้วยความตื้นตันใจ
“ให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” นิกรถามเพราะได้คุยกันมาคร่าวๆ แล้วว่าขากลับเข็มหอมจะแวะซื้อของเข้าบ้าน
“เราไปแท็กซี่ก็ได้ค่ะ ไม่รบกวนคุณนิกรดีกว่า”
“ไม่รบกวนครับ ยังไงก็ทางผ่านอยู่แล้ว ไปห้างใกล้บ้านใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
“งั้นไปครับ” นิกรผายมือเชิญ
เข็มหอมยิ้มให้แล้วพยักหน้าพร้อมเอ่ยขอบคุณเบาๆ แต่เหมือนอีกคนจะไม่พอใจนักแม้ไม่ค้านเพราะรู้ว่าคงค้านไม่ขึ้น จึงทำหน้างอไม่ยอมขยับให้นิกรช่วยเข็นรถเด็กที่ข้าวสวยนั่งรออยู่ทั้งที่ตัวเองก็อุ้มลูกชายอยู่ เข็มหอมจึงเข็นรถเสียเองพร้อมยิ้มขออภัยในที
“คุณนิกร อ้าว น้องเข็มมาทำอะไรที่นี่คะ” เสียงถามดังมาแต่ไกล พร้อมเจ้าของเสียงค่อยๆ เดินมาหา น้ำเพชรมองไฟรัสอย่างสนใจก่อนหันไปมองเด็กหญิงข้าวสวยที่ยกมือไหว้เพราะจำหล่อนได้
“หวัดดีจ้า สาวน้อย จะไปเที่ยวไหนกันเอ่ย” แม้ทำเหมือนถามเด็กน้อยแต่สายตาจดจ้องชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่รู้สึกคุ้นหน้า
“สวัสดีครับคุณน้ำเพชร เรามาส่งคุณฟารุสกลับประเทศครับ” นิกรบอก
“อ้าว คุณฟารุสมาเยี่ยมหลานอีกแล้วหรือคะ เสียดายไม่ได้เจอกัน” หล่อนยังชายตามองชายหนุ่มอย่างสนใจ แต่พอจะเดาออกแล้วว่าทำไมคุ้นหน้า เพราะเขาละม้ายเศรษฐีเมืองน้ำมันนี่เอง
“นี่คุณไฟรัสลูกชายคุณฟารุส” นิกรแนะนำ
“สามีน้องเข็มที่บอกว่าติดต่อไม่ได้นะหรือคะ” หล่อนทำท่าประหลาดใจน้ำเสียงตื่นเต้น ยิ้มให้แล้วยื่นมือหวังทักทายแบบสากล แต่อีกฝ่ายกลับยกมือไหว้ชดช้อย
“สวัสดีครับ”
“อ่อ ลืมไปว่าเป็นลูกครึ่งนี่นา สวัสดีค่ะพี่น้ำเพชรเป็นพยาบาลพิเศษให้น้องเข็มช่วงเดือนแรกที่คลอดน้องค่ะ”หล่อนบอกแล้วยิ้มกว้างแต่เมื่ออีกฝ่ายไม่กระตือรือร้นจะพูดคุยใดๆ จึงหน้าม้าน แอบเบ้ปากเมื่อมองไปทางอื่น
“คุณน้ำเพชรมาทำอะไรครับ หรือจะเดินทางไปไหน” นิกรถาม
“มารับญาติค่ะ น่าจะเดินไปที่รถแล้ว ขอตัวนะคะ” หล่อนไม่รอให้ใครเอ่ยลา รีบเดินไปทันที
“ใครหรือพี่เพชร”
“อ้าว! คิดว่าไปรอที่รถแล้ว แล้วเมื่อกี้ไปไหนมา” น้ำเพชรถามญาติผู้น้องที่ยืนอยู่ใกล้รถเข็นกระเป๋าหลายใบของตน
“นั่งรออยู่ตรงนั้นไง ว่าแต่ใครหรือ”
“ผู้หญิงที่เคยเล่าไง แม่เลี้ยงเดี่ยว เพิ่งคลอดแถมยังต้องเลี้ยงลูกติดผัวอายุไม่ถึงสองขวบอีกคน ตอนคลอดไม่มีญาติมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว แต่ตอนนี้มีแล้ว ผู้ชายหล่อๆ ตัวสูงๆ นั่นไงผัวนาง”
“หมายความว่าผัวกลับมาอยู่ด้วยกันหรือคะ”
“น่าจะอย่างนั้นนะ ฉันว่าพ่อผัวคงตามตัวกลับมาแหละ เพราะฉันเคยเจอพ่อผัวมาหามาถามหาลูกชายที่ขาดการติดต่อไปเป็นเดือน น้องเข็มบอกว่าไม่รู้ว่าผัวอยู่ที่ไหนเพราะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ขนาดท้องผัวก็ยังไม่รู้เลย ตอนนั้นฉันแอบคิดนะว่าท้องกับชู้แน่ๆ แต่อีลูกชายก็ดันหน้าเหมือนปู่หน้าคล้ายพ่อนี่สิ น่าจะลูกผัวนั่นแหละ แต่นังเด็กที่บอกว่าลูกติดผัวนั่นต่างหาก ไม่เหมือนปู่เหมือนพ่อเลย ไพล่ไปเหมือนลูกครึ่งฝรั่งไม่ใช่ลูกครึ่งแขก สงสัยแม่มันมีชู้เป็นฝรั่ง ครอบครัวมันดูมั่วๆ ยังไงชอบกล”
“พี่ก็พูดไปเรื่อย ไปเถอะอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว” คู่สนทนาของน้ำเพชรตัดบทแล้วเดิน
น้ำเพชรจึงต้องเดินตามแต่ไม่วายเอ่ยถึงเรื่องของเข็มหอมกับลูกและปิดท้ายที่เอ่ยชื่นชมความหล่อเหลาของสามีและความร่ำรวยของพ่อสามี
“ซื้อบ้านเดี่ยวรับขวัญเลยหรือพี่ เวอร์ไปไหม” ญาติน้ำเพชรอดขัดไม่ได้
“แค่บ้านเดี่ยวแกหาว่าเวอร์ ถ้าแกเห็นจี้เพชรที่ให้ลูกสะใภ้ เครื่องทองกับเงินฝากแล้วจำพวกหุ้นในบริษัทที่ให้รับขวัญหลานชาย แกจะรู้ว่าโคตรเวอร์เลย แต่อย่างว่าถ้าไม่รวยก็ทำอะไรเวอร์ๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก”
“ไหนพี่บอกว่าผัวทิ้งไง แล้วทำไมเห็นมาด้วยกันละ”
“สงสัยพ่อผัวตามหาจนเจอแล้วพามาส่งมั้ง คือได้ยินมาว่าที่หายไปติดต่อไม่ได้พักใหญ่เพราะประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อม พอจำได้บ้างก็อยากกลับมาหาลูกเมีย พ่อก็พามาเพราะอยากให้กลับมาอยู่สถานที่เดิมๆ จะได้ฟื้นความจำเร็วขึ้น”
“ความจำเสื่อมหรือพี่” ถามเสียงตื่นเต้น
“โอย จะตะโกนทำไมอยู่แค่นี้เอง อือ ใช่ผู้ชายคนนั้นความจำเสื่อม” หล่อนบอกซ้ำ อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นญาติสาวยิ้มกับคำตอบที่ให้จึงถามกลับ
“ยิ้มอะไร”
“เสียดายนะ หน้าตาหล่อเหลาแต่ปัญญาอ่อน”
“บ้า ความจำเสื่อมไม่ใช่ปัญญาอ่อน”
“มันก็เหมือนๆ กัน”
“ไม่เหมือนย่ะ แกนี่โง่จริงหรือแกล้งโง่ อุตส่าห์ไปเรียนเมืองเมืองนาเพื่อชุบตัว ยังไม่ฉลาดขึ้นเลยนะ” น้ำเพชรส่ายหน้า ดีที่คนถูกว่าไม่เถียงจึงไม่ต้องอารมณ์เสียมากไปกว่านี้ แต่หล่อนก็ยังอยากบอกให้กระจ่างอยู่ดี
“ความจำเสื่อมมีโอกาสหาย ความจำกลับคืนมาเหมือนเดิมได้ แต่ปัญญาอ่อนหรือโง่นี่ มันรักษาไม่หายนะ”
“จ้ะ”
ญาติผู้น้องรับคำเสียงระอาทำให้น้ำเพชรตวัดสายตามอง หากไม่ใช่ญาติห่างๆ ที่ครอบครัวต่างพึ่งพากันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย หล่อนก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่ต้องเป็นธุระมารับถึงสนามบิน แต่เพราะใครบางคนขอร้องทำให้หล่อนปฏิเสธไม่ได้