ฟารุสไม่ได้ดึงเด็กน้อยไปกอดแค่แตะแก้มจ้องตาแล้วยิ้มให้ แม้จะเป็นยิ้มเจื่อนๆ ไม่เหมือนยามมองทารกในอ้อมแขน เข็มหอมคิดว่าคงเป็นวัฒนธรรมที่ชายหญิงไม่ใกล้ชิดกันแม้จะเป็นปู่ชรากับหลานสาวตัวน้อย
การสนทนาไม่กี่นาทีทำให้เข็มหอมรู้ว่าพ่อกับแม่ของไฟรัสหย่าขาดจากกันอย่างเป็นทางการเมื่อปีก่อนหลังแยกกันอยู่นานแล้ว โดยแม่ได้สินสมรสไปมากพอสมควร ส่วนพ่อก็ยังส่งเสียให้ค่าเลี้ยงดูไฟรัสรวมถึงการแบ่งผลกำไรในกิจการทุกอย่างของตระกูลซึ่งนับเป็นคหบดีใหญ่ในประเทศของท่าน แต่เข็มหอมไม่ได้ถามว่าครอบครัวทำกิจการใดและมีรายได้ต่อปีต่อเดือนมากแค่ไหน รับรู้แค่หล่อนสุขสบายได้ด้วยเงินในบัตรเครดิตที่ไฟรัสทิ้งไว้ให้ใช้ แต่หล่อนก็ใช้อย่างกระเบียดกระเสียรให้คุ้มค่าเงินที่สุด นั่นเพราะเกรงใจเจ้าของเงินตัวจริงที่นั่งอยู่ตรงหน้าซึ่งเพิ่งมีโอกาสพบหน้ากันครั้งแรก
ฟารุสบอกว่ารู้เรื่องลูกชายแต่งงานกับสาวไทยแล้วไปเรียนต่อด้วยกันเพราะตัวท่านเป็นคนออกค่าเล่าเรียนให้ลูกสะใภ้ด้วย ส่วนที่ไฟรัสหายไปไม่ยอมติดต่อพ่อก็เพราะเพิ่งรู้ว่าพ่อกับแม่หย่ากันอย่างเป็นทางการแล้ว
พ่อแม่แยกกันอยู่มาตั้งนาน แล้วทำไมเพิ่งมาโกรธเอาตอนที่จดทะเบียนหย่ากันละนายแขก ความรู้สึกช้าไปหรือเปล่า
“ไฟรัสรับไม่ได้ที่พ่อแม่หย่ากัน จึงตัดการติดต่อทุกทาง แล้วเขายังให้พ่อส่งเสียค่าเล่าเรียนให้ไหมละคะ” หล่อนอดถามไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า หล่อนจึงรีบเบะปาก
โถ นึกว่าจะแน่นายแขกเอ๊ย!
แต่ถ้านายไม่ขอเงินพ่อใช้ฉันกับลูกก็คงลำบาก อดตายกันไปแล้ว
“แต่ช่วงหลังเขาไม่ขอเงินสำหรับค่าเล่าเรียนของภรรยาแล้ว เพราะคุณกลับมาอยู่ที่นี่ เพื่อมาคลอดลูกนี่เองใช่ไหม”
คำถามทิ่มแทงใจเข็มหอมจนไม่อยากเอ่ยถึง แต่ทำไม่ได้
“เอ่อ คือไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ นายแขกแต่งงานกับคนอื่น” หล่อนไม่อยากปิดบังหรือโกหกเพราะไม่ชอบให้ใครมาโกหกและปิดบังเช่นกัน จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแม้นึกอายในความใจง่ายของตน
“ไฟรัสกับหนูเป็นแฟนกันก็จริง แต่เขากลับเปลี่ยนใจไปชอบแล้วแต่งงานกับผิงเพื่อนของหนูก่อนไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยกัน ผิงจึงเป็นสะใภ้คนนั้นที่คุณพ่อจ่ายค่าเล่าเรียนให้ เกือบปีก่อนไฟรัสกลับพร้อมกับเอาข้าวสวยมาให้หนูช่วยเลี้ยง เขาบอกว่าเลิกกับผิงแล้วไม่มีใครเลี้ยงลูกให้ เขาขอให้หนูจดทะเบียนสมรสด้วยแล้วก็กลับไปเรียนต่อ จากนั้นก็” หล่อนสะเทือนใจเกินจะพูดจบ
“เพราะแบบนี้เขาถึงไม่รู้ว่าคุณท้อง”
คู่สนทนาสรุป สะท้อนใจเข็มหอมนักจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่หล่อนรีบปาดน้ำตาก่อนที่ข้าวสวยซึ่งมองอยู่จะร่ำไห้ตาม
ฟารุสถอนหายใจก่อนพูด
“ลูกชายชื่ออะไร”
“หนูเรียกแกว่าข้าวตอกนะ ลูกสาวของไฟรัสชื่อข้าวสวย จะได้คล้องกัน”
“ไว้จะหาชื่ออารบิกให้” ฟารุสบอก นิ่งคิดครู่หนึ่งก็หันไปขอกระดาษกับปากกาจากล่ามประจำตัว แล้วเขียนเป็นภาษาอารบิกกำกับด้วยภาษาอังกฤษ ล่ามจึงหันมาบอกเข็มหอม
“ท่านบอกให้ชื่อ ฮามาดี้ กิลานิครับ ช่วยจัดการเอกสารให้ด้วยชื่อสะกดตามนี้นะครับ”
เขาส่งกระดาษมาให้ ซึ่งมีทั้งชื่อภาษาอารบิก อังกฤษและภาษาไทยที่ล่ามเป็นคนเขียน ก่อนหันไปคุยกับฟารุสโดยที่ไม่ได้แปลให้ฟังทำเอาเข็มหอมรู้สึกอึดอัดอยากถามขึ้นมาไม่น้อย หล่อนคิดว่าน่าจะพูดถึงตนและลูกเพราะท่านปรายตามามองสลับกันไป แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมท่านไม่สนใจจะตั้งชื่ออารบิกให้ข้าวสวยบ้าง
เมื่อคุยกันเสร็จก็ส่งลูกคืน แล้วยิ้ม
“ไปก่อนนะ พรุ่งนี้ปู่จะมาใหม่ ไม่ต้องห่วงไฟรัสนะถ้าตามหาตัวเจอแล้วจะบอกให้ว่ามีลูกอีกคน”
“เอ่อ ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ เดี๋ยวเขาก็รู้เอง” มั้ง หล่อนคิดว่าถ้าเขาไม่ตาบอดหรือโง่เกินไป เมื่อกลับมาแล้วเห็นก็คงรู้ว่าเป็นสายเลือดตนเอง แม้จะเป็นเด็กที่เกิดจากความสัมพันธ์คืนเดียวเหมือนสั่งลาก็ตามที
ยังคิดว่ามันจะกลับมาหรือเข็มหอม หล่อนได้แต่ถามตนเอง และคำตอบทุกครั้งก็คือ กลับมาแน่เพราะมันรักฉัน
หลอกตัวเองไปวันๆ ทำไปเถอะถ้าจะทำให้สุขใจ แล้วหล่อนก็ปลอบตัวเองอย่างนี้ทุกครั้งเช่นกัน
“พรุ่งนี้สายๆ จะมาอีกครั้ง ก่อนจะกลับประเทศฉันในตอนค่ำ หนูคิดจะไปอยู่ในประเทศฉันไหม”
เข็มหอมยิ้มเจื่อนๆ ให้คำตอบไม่ได้ว่าอยากไปไหม แต่ขอตอบในใจว่า
ถ้านายแขกไปแล้วชวนหนู หนูก็ไปค่ะ
“ต้องไปสิ วันเกิดปู่ปีหน้าให้พ่อพาไปนะ ไปทั้งครอบครัวนี่แหละ แล้วปู่จะส่งตั๋วเครื่องบินมาให้” ท่านมองข้าวตอกตลอดเวลาที่พูด ก่อนหันไปจับแก้มข้าวสวยเมื่อพูดท้ายประโยคตรงคำว่าทั้งครอบครัว
“ท่านบอกว่าให้ลองคิดดูใหม่เรื่องพยาบาลพิเศษ ท่านอยากให้มีคนช่วยทำงานนะครับ” ล่ามบอก
“ขอบคุณมากค่ะ แต่หนูเลี้ยงลูกได้ และเลี้ยงได้ดีแน่นอน” หล่อนยิ้มให้เจ้าของความห่วงใย ก่อนท่านจะเอ่ยลาอีกครั้ง
เข็มหอมไม่ได้เดินไปส่งแขกที่ประตูเพราะอุ้มลูกอยู่และฟารุสยกมือปรามไว้เมื่อหล่อนขยับจะลุก ข้าวสวยจึงจูงมือหมอวิวัฒน์เดินไปส่งแทน เด็กน้อยไหว้และทำท่าส่งจูบครั้งแล้วครั้งเล่าจนคาดว่าทั้งหมดเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว จึงเดินกลับมายิ้มให้หล่อนแล้วก้มลงหอมแก้มน้อง
“คุณเข็มน่าจะนอนพักผ่อนนะครับ เดี๋ยวตัวเล็กก็คงตื่นมากินนม”
“ใช่ค่ะ นั่งหลังขดหลังแข็งมานานแล้วนอนพักเสียหน่อย พี่จัดที่นอนให้แล้วค่ะ” น้ำเพชรบอก แล้วกวักมือเรียกข้าวสวย “หนูละคะนอนกลางวันมั้ย”
“นอนน้อง นอนมามี๊”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ รู้สึกปวดหลัง ขอนอนพักสักครู่ ขอบคุณนะคะหมอที่มาส่ง” หล่อนไม่ได้ตั้งใจไล่ แต่คำพูดชวนให้คิดเช่นนั้น ทว่าคนจิตใจดีอย่างวิวัฒน์ก็ไม่ได้คิดมากเช่นกัน
“ผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ”
“เพชรขอติดรถไปซื้อกับข้าวด้วยสิคะ เมื่อกี้ดูในตู้เย็นไม่มีของสดเลย”
“ไว้สั่งอาหารมากินก็ได้ค่ะ พี่น้ำเพชรจะได้ไม่ต้องยุ่งมือ แค่ช่วยดูข้าวสวยก็พอ” หล่อนบอกอย่างเกรงใจ แต่พยาบาลพิเศษส่ายหน้าไม่ยอม
“เสียชื่อพี่น้ำเพชรพยาบาลพิเศษที่ทำอาหารเพื่อสุขภาพอร่อยที่สุดในโลกหมดสิคะ อาหารคุณแม่หลังคลอดเพื่อเรียกน้ำนมกับอาหารเด็กเล็กๆ ทำเองดีกว่า ถ้าคุณเข็มไม่เชื่อฝีมือพี่ ถามวิวัฒน์ เอ๊ย! ถามหมอวิวัฒน์ได้ค่ะ”
เข็มหอมหันไปมองหน้าคนถูกเอ่ยถึง แต่ไม่คิดจะถามแค่รู้สึกได้ว่าพยาบาลน้ำเพชรต้องการแสดงความสนิทสนมออกมาให้หล่อนรู้
“ก็ดีเหมือนกันนะครับ ทำอาหารเองดีกว่า ควบคุมรสชาติได้ ไม่ใส่ผงชูรส”
“ถ้างั้นเพชรติดรถหมอไปนะคะ เดี๋ยวกลับแท็กซี่เอง” หล่อนรีบบอก
“แล้วข้าวสวยละ” วิวัฒน์พูด
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวสวยอยู่กับฉันได้ รอสักครู่นะคะพาข้าวตอกไปวางก่อนแล้วจะหยิบเงินให้” เข็มหอมบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ออกไปก่อนได้”
“ไม่ดีกว่านะคะ รอแป๊บเดียวค่ะ ข้าวสวยไปนอนกันไปลูก”
“ไปๆ”