บทที่1. พายุทราย

1764 Words
พายุทรายโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งราวกับจะกลืนกินทุกชีวิตในห้วงทะเลทรายแห่งนี้ ทว่าพายุทรายที่รุนแรงไม่อาจกลบเสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัด เสียงเอะอะโวยวายจากผู้คนที่เผชิญชะตากรรมที่มิอาจคาดฝันแต่กระนั้นกลิ่นคาวเลือดกลับไม่เจือจางไปกับลมพายุ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อกระสุนนัดหนึ่งแหวกอากาศเข้าฝังในร่างของเขาถึงสามนัด! ก่อนสติสุดท้ายจะหายไปเขาจำได้เพียงร่างของตนเองทรุดลงในพื้นทราย “พระเจ้า อย่าเพิ่งพรากลมหายใจข้าไปตอนนี้” ชายหนุ่มพึมพำ ดวงตาสีควันบุหรี่กำลังจะปิดสนิทเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว “ข้าไม่กลัวความตายเลยแม้แต่น้อย แต่ประชาชนของเรา” ชายหนุ่มสำลักลิ่มเลือดจนไม่อาจฟื้นกายให้ลุกขึ้นขึ้น ทว่าในพายุฝุ่นทรายอันบ้าคลั่งเขามองเห็นดวงตาสีฟ้าสดใสใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำก้าวเท้าเข้ามาใกล้ เขาเผลอคิดไปว่า...นั่นเป็นมัจจุราชผู้นำพาดวงวิญญาณของเขา ‘ช่างเป็นมัจจุราชที่มีดวงตางดงามเหลือเกิน’ เขาได้บอกกับตนเองก่อนที่จะโลกของตนจะถูกความดำมืดเข้าครอบงำ “หลังพายุใหญ่ท้องฟ้ามักงดงามเสมอ” หญิงสาวพึมพำเมื่อมองไปนอกหน้าต่าง เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลังจากผ่านพายุทรายมาได้สี่วัน หมู่บ้านเล็กๆ ชายแดนประเทศบาฮาเนียก็เริ่มกลับสู่สภาวะปกติราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดร่างเพรียวลมลุกขึ้นบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบหลังจากนั่งทำงานจนสว่างไม่รู้ตัว เธอวางมือจากกองเอกสารตรงหน้าแล้วก้าวเท้ามาตามทางเดินเพื่อมาอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก บ้านของตระกูลอัลเนฮัลไม่ใหญ่โตหรูหราแตกต่างจากเศรษฐีคนอื่นๆ แต่ก็สุขสบายไม่น้อยและเป็นที่พอใจของหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง “คิดถูกจริงๆ ที่มาพักที่นี่ตามที่พี่ราเฟย์แนะนำ” เธอบอกกับตัวเองขณะที่ผลักบานประตูเข้าไปในห้องนอนที่มีร่างชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นอนไม่ได้สติอยู่ “คุณจัสมินมาพอดีเลย” ไนราทักด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวอายุเพียงสิบเก้าปีรูปร่างเล็กและผิวสีน้ำผึ้งตามแบบฉบับสาวบาฮาเนียนแท้ๆ เธอวางมือจากการจัดดอกไม้ในห้องคนป่วยแล้วถลาเข้ามาหาหญิงสาวผู้เข้ามาใหม่ “ขอโทษนะไนรา ฉันทำงานเพลินจนลืมมาช่วยเธอเลย” จัสมินกล่าวแล้วยิ้มขอโทษจากใจ แต่ไนราส่ายหน้าไปมาจนผมเปียยาวๆ สะบัดไปมา “ไม่เป็นไรค่ะ ไนราเข้าใจ ว่าแต่คุณจัสมินได้นอนหรือยังคะ” ไนราถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นการตอบรับก็รีบอาสาขึ้นมา “เช้าๆ อย่างนี้รับนมสดดีกว่าไหมคะ จะได้สดชื่น ดื่มสักแก้วแล้วคุณจัสมินก็ไปพักดีกว่า” “แต่...” “ไม่มีแต่ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ” ไนรายิ้มกว้างแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไป จัสมิน หรือ จัสมิน บิน อัจฟาห์ องค์หญิงแห่งบาฮาเนีย ยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเด็กสาวผู้เป็นลูกสาวคนเล็กของเจ้าบ้านที่เธอพักอาศัยอยู่ได้สองสัปดาห์แล้ว อีกราวๆ สามเดือนข้างหน้าจะมีพิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาทราเฟย์ บิน อัจฟาห์และจะมีพิธีสถาปนาแต่งตั้งเป็นองค์กษัตริย์แห่งบาฮาเนียดินแดนที่โอบล้อมด้วยทะเลทราย ทุกคนในวังต่างมีงานล้นมือแต่ดูเหมือนคนที่สนุกสนานที่สุดน่าจะเป็นเสด็จพ่อมากว่าว่าที่เจ้าบ่าวด้วยซ้ำไป ส่วนว่าที่เจ้าสาวช่างเป็นคนสมถะและเรียบง่ายแม้ว่าตอนนี้จะอุ้มท้องลูกคนแรกแต่กลับดูเปล่งปลั่งอย่างยากจะอธิบาย จัสมินเผลอหัวเราะน้อยๆ ออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวความรักที่กว่าจะลงตัวของพี่ชายและเพื่อนสาวชาวไทยนามอารยา กว่าความรักจะลงตัวก็เกือบจะสูญเสียคนรักไปแล้ว “เมื่อไหร่ฉันจะมีคนรักบ้างนะ” จัสมินบอกกับตัวเองพลางเดินมานั่งบนเตียงนอนที่มีร่างสูงใหญ่สลบอยู่นานสี่วันแล้ว เมื่อสี่วันที่แล้วขณะที่เดินทางกลับจากหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่ก็ต้องเผชิญพายุทะเลทรายเข้า เธอและผู้ร่วมเดินทางตั้งใจจะหลบพายุทรายที่โอเอซิสแต่กลับกลายเป็นว่าเจอการต่อสู้จากกลุ่มใดไม่อาจไม่รู้ได้ เสียงกระสุนราวกับห่าฝนทำให้เธอตกตะลึงแทบทำอะไรไม่ถูก ดีที่ว่ามีบอร์ดี้การ์ดมือดีคอยคุ้มกันทำให้รอดปลอดภัย แต่ก็สุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่นอนจมกองเลือดและบาดแผลของเขาฉกรรจ์จนไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอด “ช่วยเขาเถอะกีวอน อย่าปล่อยให้เขาตายโดยที่เราไม่ได้ลงมือช่วยอะไรเลย” จัสมินจำน้ำเสียงที่สั่งบอดีการ์ดหนุ่มอย่างเฉียบขาดได้ เธอรู้ดีว่ามีแค่ไม่กี่ครั้งที่เธอจะใช้อำนาจความเป็นองค์หญิงสั่งให้ใครทำอะไรตามใจ แต่เธอก็ไม่รู้ทำไมต้องช่วยผู้ชายที่ไม่รู้จักคนนี้ แต่เจ้าของรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้ม ผมยาวประบ่าสีดำสนิทแสนคุ้นตาราวกับว่าเคยเจอกันมาก่อน ตลอดสี่วันที่เขาสลบเพราะพิษกระสุนสามเม็ดที่ฝังอยู่ก็ยังทำให้เธอนึกไม่ออก เธออยากรู้ใต้ขนตายาวเป็นแพของเขามีดวงตาสีใดซ่อนอยู่ “ว้าย!” จัสมินสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ดวงตาคู่นั้นก็ลืมตาขึ้นมาทันที! ร่างเพรียวบางผงะไปด้านหลังอย่างอัตโนมัติ แต่กลับถูกมือใหญ่ของคนเจ็บกระชากที่ข้อมือไว้ราวกับเธอเป็นผู้ร้ายข้อหาฉกรรจ์ ดวงตาสีควันบุหรี่จ้องมองเธอเขม็งราวกับจะร่ายคำสาปก่อนที่จะทรุดฮวบลงไปอีก “เกิดอะไรขึ้นครับคุณจัสมิน!” กีวอนวิ่งเข้ามาในห้องทันทีที่ได้ยินเสียงหวีดร้องของเจ้านาย มือหนากระชากปืนพกออกมาเตรียมพร้อมทันที แต่เมื่อเห็นร่างชายหนุ่มบนเตียงแค่ ‘ละเมอ’ จับแขนองค์หญิงเท่านั้น เขาก็เก็บปืนเข้าที่พร้อมถอนหายใจหนักๆ ไปหนึ่งที “ขอโทษกีวอนฉันตกใจน่ะ” จัสมินพูดอย่างรู้สึกผิด “แต่คุณช่วยมาแกะมือเข้าออกจากแขนฉันหน่อยซิ” “ได้ครับองค์หญิง” “เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่เรียกฉันว่าองค์หญิงนะ” จัสมินทำหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กสาวไม่สมอายุยี่สิบสองของตนเลย “ครับ” กีวอนข่มอารมณ์ตนเองไม่ให้หัวเราะออกมา เขาเดินไปช่วยองค์หญิงจัดการให้ผู้ชายคนที่เขาและองค์หญิงเคยช่วยชีวิต “ท่าทางเขาได้สติแล้วครับ” “จริงเหรอ” จัสมินพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันละกลัวจะไม่ฟื้นตั้งแต่คุณหมอผ่าเอากระสุนออกเขาก็สลบยาวเลย...เรารีบไปตามคุณหมอมาดูอาการดีกว่า” “ครับ” กีวอนรับคำสั่งแล้วเดินออกมาแต่ก็สวนกับหญิงสาวร่างเล็ก ไนราเงยหน้าจากถาดอาหารเช้าขององค์หญิงสบตากับดวงตาสีนิลของกีวอน แก้มเนียนแดงขึ้นมาทันทีก่อนจะหลบสายตาของเขาและรีบซอยเท้าเข้าไปหาองค์หญิง “ขอบใจไนรา” จัสมินรับถาดอาหารเช้ามาวางบนโต๊ะใกล้เตียงคนเจ็บ “เมื่อครู่กีวอนเข้ามาดูฉันสงสัยว่าเขาจะได้สติแล้ว” “เป็นเรื่องดีจริงๆ เลยค่ะ” ไนรายิ้มโล่งอกออกมา “งั้นไนราไปหาผ้ามาชุบน้ำเช็ดหน้าให้เขาก่อนนะคะ” “รบกวนหน่อยด้วยนะ” “รบกวนที่ไหนกันค่ะ” ไนรา อัลเนฮัล ลูกสาวคนเล็กในตระกูลอัลเนฮัล รูปร่างเล็กบอบบางราวกับดอกไม้แต่มีดวงตาที่แสนโอนโยน แม้ว่าตระกูลอัลเนฮัลจะร่ำรวย ทว่าชอบชีวิตสมถะไม่นิยมสร้างบ้านหลังใหญ่เพื่อบ่งบอกความมั่งคั่ง แต่เพราะสิ่งนี้ทำให้ลูกๆ แต่ละคนใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ทะเยอทะยานจนเป็นที่ไว้ใจของราชวงค์อัจฟาห์ให้ดูแลพื้นที่ชายแดนของบาฮาเนีย ด้วยร่างกายที่อ่อนแอของไนราทำให้เธอได้เรียนแค่มัธยมปลายในโรงเรียนสตรีล้วน บิดาของเธอก็ส่งอาจารย์ที่มีความรู้ด้านต่างๆ ที่ลูกสาวสนใจมาสอนเพิ่มความรู้อยู่เสมอ “น้ำ...ขอน้ำ...” เสียงแหบแห้งแผ่วขึ้นบางเบาแต่ก็ทำให้จัสมินกุลีกุจอไปรินน้ำใส่แก้วแล้วประคองให้เขาดื่มที่ละนิด “ช้าๆ !” เธอเผลอดุคนเจ็บอย่างไม่ตั้งใจ “เดี๋ยวจะสำลัก” ‘ใครกัน ใครกล้าบังอาจมาสั่งซาคีล อัล ดาเร!’ แต่เวลานี้เขากระหายน้ำอย่างยิ่งแต่ก็ไม่สามารถดื่มได้มากนัก ชายหนุ่มหงุดหงิดอยู่ในใจไม่เคยมีใครกล้าสั่งให้เขาทำอะไรมานานหลายปีแล้ว แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิดหนักกว่าเก่าเมื่อไม่สามารถขยับตัวได้ตามใจปรารถนา ไหล่ซ้ายเจ็บร้าวไปถึงใต้ทรวงอกด้านขวาและที่ต้นขา เขาพยายามลืมตาขึ้นเพื่อหาคนที่กล้ามาออกคำสั่งกับเขา เจ้าของดวงตาสีควันบุหรี่ต้องหรี่ตาเพื่อปรับสภาพกับแสงสว่างในห้องนอนที่แปลกตา เรือนผมสีแดงเป็นประกายรับแสงตะวันและดวงตาสีฟ้ากระจ่างสดใสจ้องมองเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส ช่างเหมือนดวงตาของมัจจุราชที่เคยจ้องมองเขาถูกสุ่มทำร้ายอย่างไม่คาดฝัน อ่า...จริงซิ เขาและทหารคนสนิทออกไล่ล่าพวกโจรค้ามนุษย์แต่กลับเป็นฝ่ายสุ่มโจมตีเสียเอง ในคืนที่วันที่เกิดพายุทะทราย “หมอมาแล้วครับ” กีวอนเปิดประตูให้คุณหมอเข้ามาดูคนเจ็บที่รู้สึกตัวแล้ว ใบหน้าคมเข้มออกจากแปลกใจเขาคิดว่าลมหายใจของเขาถูกพรากจากไปตั้งแต่คืนนั้นคนที่ถูกเรียกว่าหมออายุราวสี่สิบปีเศษ ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างทำให้เขารู้ว่าพระเจ้ายังเมตตาเขาอยู่ คนเจ็บเหลือบมองหญิงสาวผมผมยาวหยักศกสีดวงอาทิตย์ที่ยืนไม่ห่างจากตียงของเขานัก บัดนี้เขารู้แล้วว่าดวงตาคู่นั้นไม่ใช่มัจจุราชแต่กลับเป็นนางฟ้าที่นำพาดวงวิญญาณของเขากลับมาอีกครั้ง.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD