4

1456 Words
“ลัยลา” ไม่ใช่ไอรดาเหมือนครั้งแรกที่เคยร่วมรักกัน จากนั้นเขาก็จูงเธอโบยบินไปเคาะประตูสวรรค์ ร่างกายของเธอมันก็พร้อมจะหลับใหลไปในทันทีอย่างหมดเรี่ยวแรง พร้อมกับร่างชุ่มเหงื่อที่ล้มตัวนอนข้างๆ แล้ววาดแขนกำยำมาจะประคองกอดร่างเล็ก กำลังคิดจะตวัดเธอเข้ามากอดแนบอก ทว่ามือที่กำลังจะแตะร่างสวยต้องชะงัก เมื่อคำพูดหนึ่งของคนที่หลับใหลไปแล้ว ตอนที่เข้ามาในห้องหอ ขณะลัยลาเปิดไปเจอกล่องขวัญวันแต่งงานที่เขาซื้อมาให้ เพราะต้องการข่มขวัญ พอลัยลาเห็นเข้า เธอมองหน้าเขาแล้วพูดว่า “หน้าที่เมียและลูกสะใภ้ที่พ่อแม่สามีอยากอุ้มหลานเร็วๆ นี้ ฉันคงเลี่ยงไม่ได้ แต่จำไว้นะคะ ตอนที่เราร่วมรักกันขณะที่คุณกำลังหน้าที่สามีบนร่างกายฉัน ฉันจะมองหน้าสามีตัวเองให้เป็นโคลิน ฟาร์เรล” “บ้าจริง ยัยเด็กบ้า” หมอเมฆาดึงแขนกลับ หันตะแคงไปอีกข้าง แสดงว่าที่เมื่อครู่ลัยลาครางสะท้านแล้วแอ่นกายหยัดรับการเติมเต็มจากเขา คงคิดว่าเขาเป็นดาราที่เธอชื่นชอบละสิ เมฆาบดกรามแกร่งจนเป็นสันนูน เขาไม่มีทางให้เกียรติยกย่องเมียม้ามืดอย่างลัยลาจริงจังนักหรอก เขาก็แค่ทำไปตามหน้าที่เหมือนกัน บ้าเอ๊ย ทำไมเขาต้องหงุดหงิดขนาดนี้ด้วย เมื่อคิดว่าลัยลาครางเพราะคิดว่ากำลังร่วมรักกับดาราฮอลลีวูดชื่อดัง ไม่ใช่กับเขา คิดแล้วพาลให้ฉุนขึ้นมา จากที่คิดว่าจะหลับ เขากลับโหย่งกายขึ้นคร่อมร่างเมียที่หลับไปแล้ว และทำให้เธอลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกใจ “โอ๊ย!” คนหลับลึกไปแล้วเบิกตาค้างสะดุ้งเฮือก ภาพที่เธอเห็นคือร่างกายของสามีที่กำลังโจนจ้วงลงไม่หยุด ขยับเข้าออกถี่เร็วจนลัยลาหายใจไม่ทัน มือหนาก็เอื้อมมาฟอนเฟ้นเต้าทรวงอย่างเอาอกเอาใจ ผิวขาวนวลของลัยลาแดงระเรื่อด้วยรอยจูบที่ทิ้งความเอาแต่ใจเอาไว้ทั่วตัว เพราะก่อนแต่งงาน ทั้งสองตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เมฆาจึงไม่ได้คิดจะคว้าเครื่องป้องกันมาสวมใส่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เขาร่วมรักกับหญิงอื่นซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นภรรยา กว่าไฟพิศวาสจะดับลง ร่างบางของลัยลาก็อ่อนแรงไปอีกครั้ง เธอไม่เคยเหน็ดเหนื่อยเท่านี้มาก่อน ‘ดูภายนอก ไม่มีสัญญาณบอกเลยว่าเขาจะมีความต้องการในเรื่องเพศสูงมากขนาดนี้’ เช้าวันแรกของการเป็นนางลัยลา ทิวากร นั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก เพราะหลังจากตื่นนอนตอนเช้าคุณสามีก็ลุกไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน เธอลุกตามเขามา อาศัยจังหวะที่เขาอยู่ในห้องน้ำเดินไปหยิบเอาเสื้อคลุมจากในตู้เสื้อผ้ามาสวมคลุมร่างเปล่าเปลือย ลัยลาเพิ่งได้มีโอกาสมองสำรวจห้องของเขา เพราะเธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เต็มตัววันแรก ข้าวของเธอก็ยังเอามาไม่ครบดีนักเพราะคุณวิชิตบิดาของเมฆาบอกให้เธอย้ายเข้ามาแต่ตัวก่อนเพื่อให้ทันงานแต่งเมื่อวาน ส่วนข้าวของค่อยไปเอาทีหลัง เธอเลยยัดแต่เสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินเข้าบ้านไม่ต่างจากพจมานเดินเข้าบ้านทรายทอง ผิดแต่เธอไม่มีชะลอม มีเพียงกระเป๋าลากหนึ่งใบ ตอนเธอเข้ามาที่บ้านเมื่อสองวันก่อนจัดงานแต่งงาน เมฆาไม่ได้สนใจมาดูแล เขายังคงไปทำงานตามปกติ มีแต่คุณวิชิตที่สั่งให้แม่บ้านนำกระเป๋าของเธอมาเก็บในห้อง แล้วก็เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวในวันรุ่งขึ้น ลัยลาอดคิดไม่ได้ว่าทุกอย่างมันดูเร่งรีบ ฉุกละหุกไปหมด ไม่เหมือนงานแต่งงานของคนทั่วไปที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวรักใคร่กันดี แต่อย่างว่าเธอมันเป็นภรรยาม้ามืดของเขานี่ จะไปหวังอะไรได้อีก นอกจากทำหน้าที่ภรรยาตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านี้เจ้าของร่างสูงกำยำก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำเกาะพราวเต็มตัว สายตาคมเข้มของคุณหมอสุดหล่อที่มองตรงมา พร้อมกับเลิกคิ้วสูงทำเอาลัยลาขัดเขินอย่างที่ไม่เคยเขินผู้ชายคนไหนมาก่อน “คุณ...อ้อ ผมลืมไปว่าไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว” เสียงติดรำคาญพูดขึ้น แล้วเดินไปทางโซนห้องแต่งตัว เขาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผมพอหมาดๆ เสร็จแล้วก็ไปหยิบไดร์มาเป่าให้แห้ง ไม่ได้สนใจการมีชีวิตอยู่ของลัยลาเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ชินชาเสียแล้ว จึงไม่คิดจะหาความกับเขาในเรื่องนี้ “คุณจะออกไปไหนคะ” “ถามทำไม” เขาถามกลับเสียงเรียบ เพราะไม่ชินกับการมีใครมาตรวจเช็กว่าจะไปไหนมาไหน “ไม่ทำไมหรอกค่ะ คุณจะไปไหนก็ตามสบาย ฉันเองก็จะออกไปข้างนอกเหมือนกัน” “ไปไหน” เป็นเมฆาที่หันกลับมาถามบ้าง “ถามทำไมล่ะคะ” เธอย้อนคำถามเขา “ผมไม่ชอบให้ย้อน แต่ถ้าไม่อยากบอกก็ตามใจ เราแฟร์ๆ กัน” “คุณหมอพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ แต่งงานกับฉันแล้ว ก็ต้องคุยกัน มีอะไรก็ต้องบอกกัน ฉันไม่อยากถูกใครมองว่าเป็นภรรยาหลวงที่ถูกลืมไว้ที่บ้าน” ถึงอย่างไรแล้วการแต่งงานครั้งนี้จะว่าไปมันก็ถูกต้องที่เขาต้องรับผิดชอบต่อผู้หญิงอย่างเธอที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน มีเขาเป็นชายคนแรก “หน้าที่ของเธอก็มีแค่ที่บนเตียงในบ้าน อย่างอื่นเราไม่เกี่ยวกัน” เขาพูดอย่างไร้เยื่อใยทำให้คนฟังได้แต่ยืนเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าคนมาดอบอุ่นอย่างเขา เอาเข้าจริงแล้ว… ‘เลือดเย็นชะมัด’ ‘คนใจร้าย’ “โอเคค่ะ ฉันเข้าใจอารมณ์ของคุณดีว่าไม่พอใจที่ต้องแต่งงานกับฉัน แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันเลยอยากขอความร่วมมือจากคุณค่ะ” “ความร่วมมืออะไรกัน” เขามองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้วขึ้น “ก็คือว่าฉันจะไม่ถาม ไม่ตาม แต่ว่าเราสองคนจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าหรือเสื่อมเสียดีไหมคะ” “หึ เธอพูดแบบนี้กะดักคอไม่ให้ฉันมองสาวที่ไหนเลยใช่ไหม เธอนี่มันแผนสูงนะ หน้าตาไม่เหมือนเดิม นิสัยยังดูเจ้าแผนการขึ้นด้วย” ตั้งแต่ศัลยกรรมกลับมาเป็นหน้าเดิมไม่เหมือนหน้าที่คล้ายผู้หญิงที่เขาหลงรัก เธอก็ยิ่งชัดในความเป็นลัยลาที่กล้าตีฝีปากกับเขา ที่จริง เขาไม่ได้คิดมองสาวที่ไหนอยู่แล้ว วันๆ แค่ทำงานก็หมดเวลาแล้ว แค่พูดดักคอไปงั้น “ฉันไม่ได้มีแผนอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ดักคอด้วย แค่คิดว่าสามีภรรยาก็ควรต้องให้เกียรติกันและกัน คุณหมอก็คิดแบบเดียวกันใช่ไหมคะ พอมีลูกสักคนให้คุณลุงคุณป้าพอใจแล้ว หลังจากนั้นฉันจะหย่าให้ค่ะ” พวกท่านมีพระคุณกับเธอไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ยอมทำทุกอย่างที่ทำให้พวกท่านมีความสุข เมฆาบดกรามแน่น นี่เธอมโนอะไรของเธออยู่ เขาไม่เคยคิดไปไกลถึงขนาดนั้นหรอก ต้องมีลูกกับเด็กนี่ด้วยเหรอ มีเมียเด็กก็ปวดหัวพอแล้ว ถ้าต้องเลี้ยงเด็กอีก หมออย่างเขางานยุ่งจะตาย ไหนจะธุรกิจครอบครัว หาเวลาให้ตัวเองยังยาก แต่ช่างเถอะ จะว่าไปอายุของเขามันก็สมควรที่จะต้องมีทายาทเอาไว้สืบสกุล เมฆาทำทีเป็นถอนหายใจ “ก็ดีเหมือนกันที่เธอพูดชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าต่อไปเราไปกันไม่ได้ ฉันก็พร้อมจะหย่าให้” “ค่ะ ฉันรับทราบ และยอมรับ” แม้ว่าภายในหัวใจดวงน้อยลึกๆ จะรู้สึกแปลบๆ ขึ้นมา สองสามีภรรยาป้ายแดงที่เพิ่งแต่งงานได้วันเดียวคุยกันถึงเรื่องหย่าจบแล้วก็ต่างฝ่ายต่างเมินหน้าหนีใส่กัน ลัยลาเดินเข้าห้องน้ำแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอควรบอกเขาเสียหน่อย “ที่ว่าฉันจะออกไปข้างนอก ฉันจะกลับบ้านค่ะ” ร่างกำยำที่ยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จหมุนตัวมาหาคนตัวเล็ก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD