ตอนที่ 5

1043 Words
            คำพูดคล้ายจะถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอเพราะไม่มีสักจุดที่ขี้ริ้ว ไม่ว่าจะเป็นคางมนที่น่าใช้นิ้วเชยขึ้นเพื่อรับจูบดูดดื่ม ปากอวบอิ่มที่ขยันทำปากเจ่อๆ เรียกร้องให้เขาบดความรุมร้อนลงไปหา จมูกโด่งน้อยๆ แต่พองาม จนเขาอยากจะคีบที่ปลายและขยี้เบาๆ อย่างมันเขี้ยว โดยเฉพาะดวงตากลมโตเต็มไปด้วยแววบ้องแบ๊ว และผิวละเอียดขาวอมชมพูน่าดมน่าลูบไล้ เพราะหล่อนได้ยีนจากทางแม่ซึ่งเป็นสาวญี่ปุ่นมาเต็มๆ             ทั้งหมดนั้นเร้าอารมณ์เขาชะมัด และทุกครั้งที่หางตาเหลือบมองเส้นผมดำยาวที่หล่อนรวบไว้เป็นหางม้าปัดป่ายไปตามเรือนร่างขณะก้าวเดิน จำเพาะที่ปลายเส้นผมนั้นละอยู่บริเวณบั้นเอว นั่นยิ่งทำให้จินตนาการของเขาเพริศแพร้ว คิดไปถึงยามหางม้านั้นถูกปลดออก ปล่อยปลายผมละกับสะโพก หรือเวลาที่เส้นผมนั้นกระจายเต็มปลอกหมอน เต็มที่นอน อืม... จะเซ็กซี่ได้แค่ไหน             ทั้งหมดเป็นสิ่งกระตุ้นให้เขาอยากรู้อยากลองว่าภายใต้ความบ้องแบ๊วนั้น หากหล่อนมาอยู่ใต้ร่างของเขา แววตานั้นจะมองเขาเช่นไร จะเปลี่ยนไปเป็นวาบหวามได้แค่ไหน โดยเฉพาะความอวบอิ่ม             อืม… หล่อนเป็นสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นขนานแท้ เพราะส่วนนูนนั้นเด่นเกินหน้าเกินตาสาวไทย นูนจนแทบจะทิ่มหน้าเขาทุกครั้งที่อยู่ใกล้             อืม… 36 หรือจะ 38             อืม… น่าจะพอดีมือ             “เฮ้ย! ไวทย์ แกทำอะไรวะ”             “ฮะ! เฮ้ย! เปล่า!” ไวทย์เสียงสูง พยายามนึกว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไรอยู่             “แกทำ ก็แกทำมือแบบเนี้ย” ปัถย์ทำมือกะขนาดตาม ยิ้มเย้าเมื่อไวทย์ปฏิเสธเสียงแข็ง             “ข้าบอกว่าเปล่าก็เปล่าสิวะ”             “ปัถย์อย่าไปแกล้ง” ปูรณ์ห้ามปัถย์ หันไปพูดกับไวทย์ “พูดต่อสิไวทย์ ทำไมเอ็งถึงคิดว่าพี่เขยจะไม่ยกลูกสาวใส่พานให้เอ็ง”             “ก็อย่างยายหนูหน่อยหาสามีดีๆ ได้แน่ หรือถ้าพี่โน้ตอยากหาสามีให้ลูกสาว เขาก็มีลูกเพื่อน ลูกของลูกค้า พวกหนุ่มเซเลป ไฮโซทั้งหลายแหล่ตั้งมากนี่ครับ ผมไม่เห็นแรงจูงใจอะไรเลยที่พี่โน้ตจะเห็นดีเห็นงามกับพี่วิว”             “ที่นายพูดมามันก็ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจทั้งหมดหนิ เรื่องคนรวยเจอคนรวยพี่ยอมรับ แต่พี่เขยนาย เขาเป็นแบบนั้นเหรอ และถ้าเขารวยมากๆ อย่างที่นายบอก เขาก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหาคนรวยให้ลูกสาวนี่หว่า เพราะถ้าเป็นลูกสาวพี่ พี่หาคนดีว่ะ แล้วนายคิดว่านายเข้าคุณสมบัตินั้นหรือเปล่าล่ะ...”             “ไม่อ่ะพี่ปูรณ์ ยังไงผมก็ไม่เชื่อหรอก”             ปูรณ์ยิ้มกับคำตอบของไวทย์ แต่ปัถย์ยิ้มเยาะ             “ไม่เชื่อเอ็งก็คอยดู ถ้าเอ็งตกหลุมรักหนูหน่อยไปแล้ว เอ็งปีนขึ้นไม่ได้แน่ รักมันหนักอก หมดแรง”             “ข้าไม่เอาเด็กทำเมียหรอก”             ไวทย์มองสบสายตาเพื่อน หน้าเครียด ภาวนาอย่าให้สิ่งที่ปูรณ์กับปัถย์คิดเป็นจริงเลย แม้เขาจะพอใจกับรูปโฉมของหนูหน่อย แต่เขายังไม่อยากมีเมีย แถมเมียเด็ก เขายิ่งไม่อยาก บอกแล้วไม่ชอบของใหม่ เขาชอบของเคยมือของรู้งานมากกว่า             “จำคำพูดเอ็งไว้ไอ้หมอ ข้าจะคอยดู ใช่มั้ยพี่ปูรณ์”             ปูรณ์ไม่ตอบแต่ยิ้มกริ่ม ดวงตาคมเข้มมองไปนอกห้องกระจก ที่ตรงนั้นเจ๊แหม่มกำลังพูดคุยกับลูกค้ารุ่นเดอะอย่างออกรสชาติ             “ข้าชอบหญ้าแก่”             ไวทย์พูดกับปัถย์แต่เป็นปูรณ์ที่หันมาตอบ             “แต่นั่นไม่ใช่หญ้าแก่ นั่นไก่แก่แม่ปลาช่อน ข้าจอง”             “พี่ปูรณ์!!”             หนุ่มรุ่นน้องหัวเสียแต่ปูรณ์ยิ้มกริ่ม เพราะนั่นน่ะสเปคของเขา               “เด็กมันยั่วเลยหลวมตัวไปหน่อย… ผีซ้ำด้ามพลอย ถึงคราวมันต้องเปลืองตัว… เอิ้ก!”             เสียงเพลงกระท่อนกระแท่นเปล่งออกมาตามจำนวนดีกรีในกระแสเลือดของคนร้อง ทว่านั่นไม่ใช่ทั้งปูรณ์และปัถย์แต่ดันเป็นคนเจ้าปัญหาในค่ำคืนนี้ คนที่บอกว่าไม่เอาเด็ก แต่ดันร้องเพลงเด็กมันยั่วไม่หยุดตั้งแต่อยู่ในร้านจนปัถย์ขับรถพามาส่งที่บ้านพักท้ายฟาร์ม และปูรณ์ก็ขับรถของปัถย์ตามมา จนถึงเดี๋ยวนี้ไวทย์ก็ยังไม่หยุดร้อง             “เฮ้ย! ไวทย์ ถึงบ้านแล้วนะโว้ย! ข้าว่าเอ็งหยุดร้องก่อนดีมั้ย”             “หยุด! หยุดทำไมว่ะปัถย์ ถ้าดีก็ไม่ต้องหยุดสิวะ ร้องต่อ! เอ้า! ดนตรีมา! ... ผู้หมวดครับ หมวดจะทำไฉน เมื่อหมวดหิวข้าวตาลาย แต่ข้าวไม่มีสักทะนาน มีคนใจบุญเอาไข่มาตุ๋นใส่จาน ยกให้ถึงบ้าน หมวดคงไม่ขว้าง จานเสีย… ใช่มั้ยหมวด หมวดครับ หมวดจะกินมั้ยไข่อ่ะ เนื้อนมไข่ เชียวนะครับ โอโห… ใหญ่ขนาดนี้”             ไวทย์พูดกับปัถย์และร้องเพลงเสียงอ้อแอ้ ก่อนจะหันไปเรียกปูรณ์ว่าหมวด ทำมือทำไม้กะขนาดบางสิ่งที่มือขยำจนล้น นั่นทำให้ปูรณ์ส่ายหน้าในอาการเมาแล้วรั่วของไวทย์ แต่ปัถย์กลั้นขำไม่อยู่             ทั้งคู่พยายามประคองไวทย์ที่ร้องเพลงลั่นขึ้นมาถึงระเบียงหน้าบ้าน แต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อกจากด้านใน             “เอาไงดีพี่ปูรณ์ เรียกหนูหน่อยมั้ย ขืนปล่อยมันนอนตรงนี้ มีหวังยุงหามกันพอดี”             ปูรณ์มองหาทางเข้า จะดูว่ามีตรงไหนที่เขาจะแงะเข้าไปได้บ้าง แต่แสงไฟที่สว่างวาบและลอดออกมาจากซีกขวาของตัวบ้านก็ทำให้รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าหล่อ เพราะนั่นแสดงว่ามีใครบางคนตื่นแล้ว       “ไม่ต้องเรียกหรอก โน่น... ไฟเปิดแล้ว”             เพียงอึดใจแสงไฟก็สว่างทั่วบ้าน ตามมาด้วยม่านประตูที่ไหวเล็กน้อยเพราะคนด้านในคงจะส่องดูพวกเขา ก่อนเสียงถอดกลอนจะดังขึ้น ตามมาด้วยบานประตูที่ค่อยๆ เลื่อนออกอย่างเบามือ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD