ภายในห้องทำงาน
เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของนายบัญชาเพียงลำพัง ชายสูงวัยมองตรงมายังร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องในทันที
“ผมอยากจะฝากลูกบัวไว้กับคุณจะได้ไหม”คำพูดของนายบัญชาสร้างความงุนงงให้กับอลันเป็นอย่างมาก
“ทำไมจึงต้องฝากลูกสาวของคุณไว้กับผม นี่อาจจะเป็นแค่การจี้ชิงทรัพย์ธรรมดาก็อาจเป็นได้ และผมเองก็พร้อมที่จะเป็นพยานพาเธอไปแจ้งความด้วยอยู่แล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
อลันบอกชายสูงวัยเสียงหนัก เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือหญิงสาวอยู่แล้ว นายบัญชาส่ายหน้าไปมา ขยับรถวีลแชร์เข้ามาใกล้ชายหนุ่ม
“คุณไม่เข้าใจ พวกมันเริ่มแล้ว และคงจะไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ อย่างแน่นอน ผมไม่อยากให้ลูกสาวของผมต้องมาเป็นเหยื่อของคนชั่ว ละโมบโลภมากไม่มีที่สิ้นสุด”
“ใคร? นี่คุณพูดถึงใครกัน คุณกำลังจะบอกผมว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบัวชมพูในวันนี้ไม่ใช่การจี้ชิงทรัพย์อย่างนั้นหรอกเหรอ”
“ใช่ มันไม่ใช่การจี้ชิงทรัพย์ แต่มันกำลังจะมาเอาตัวลูกสาวของผมไป ผมไม่ยอมหรอก”นายบัญชาเริ่มเสียงดัง
หัวอกของคนเป็นพ่อใครจะทนไหว เมื่อรับรู้ว่าแก้วตาดวงใจนั้นถูกคนจ้องทำร้าย เขาจะต้องหาคนที่จะปกป้องดูแลดวงใจของเขาเอาไว้ให้ได้
“อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะยอมรับฝากดูแลลูกสาวของคุณ” อลันถามหยั่งเชิง
“ถ้าคุณจะกรุณาฟังเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังสักนิด แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมผมถึงต้องฝากแก้วตาดวงใจของผมเอาไว้ให้กับคุณ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะพบหน้ากันเป็นครั้งแรก”
นายบัญชาเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง ดวงตาของชายต่างวัยมองสบกันนิ่ง ก่อนที่นายบัญชาจะตัดสินใจเล่าบางอย่างให้กับชายหนุ่มฟัง หวังว่าเมื่อเล่าจบแล้วชายหนุ่มจะยอมช่วยเหลือลูกสาวของเขา
“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ ในเมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้วคุณจะยอมช่วยเหลือลูกผมหรือเปล่า”
ชายสูงวัยถามอย่างร้อนรน เขาอยากรู้คำตอบจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าว่าคิดอย่างไร
ไม่มีคำตอบใดๆ เอ่ยออกมาให้ได้เห็น แต่ที่ทำให้น้ำตาของนายบัญชาเอ่อคลอขึ้นมาพร้อมกับคำขอบคุณที่พร่ำพูดไม่หยุดนั้นก็คือ การพยักหน้าและรอยยิ้มที่เผยให้เห็นจากนายใหญ่แห่งเวิลด์สกายนั่นเอง
“ขอบคุณมาก ขอบคุณที่ช่วยลูกสาวของผม ขอบคุณมากจริงๆ”นายบัญชากล่าวอย่างซาบซึ้งใจ
“ผมว่าเราควรออกไปข้างนอกจะดีกว่า ทุกอย่างต้องเร็ว ก่อนที่สมาชิกอีกคนของคุณจะกลับมานะ” อลันกล่าวเตือนอีกฝ่าย
และนั่นทำให้นายบัญชารีบเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลเปรอะที่หน้าออกอย่างรีบเร่ง ก่อนจะรีบเคลื่อนรถออกนำหน้าชายหนุ่มไป
ในเวลาต่อมา
บัวชมพูกอดร่างของนายบัญชาไว้แน่น น้ำตาเม็ดใสเอ่อคลอดวงตาคู่สวย
‘ถ้าบัวไปแล้วคุณพ่อจะอยู่อย่างไร’ หญิงสาวได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
“คุณพ่อขาอย่าให้บัวไปเลย บัวไปแล้วคุณพ่อจะอยู่ยังไงล่ะ ใครจะดูแลคุณพ่อ”บัวชมพูพูดเสียงเครือ มีเพียงน้ำตาที่เอ่อคลอ แต่จะให้ไหลลงมาคงไม่มีทาง
“บัวต้องไปลูก ไม่ไปไม่ได้ ถ้าบัวรักพ่อ บัวต้องไปอยู่กับคุณอลัน คุณอลันจะดูแลบัวแทนพ่อเอง เชื่อพ่อนะ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก พ่อยังมีน้าผกากรอง แล้วก็ยังจะเจ้ายอดอีกคนที่ดูแลพ่อ”
บัญชาบีบหัวไหล่บางของหญิงสาวแน่น ก่อนจะตบลงเบาๆ แล้วพูดต่อ
“ไป.. ไปเก็บของใช้ที่จำเป็นนะลูก เร็วๆ ด้วย เวลาไม่คอยท่าแล้ว”
“บัวขอรอน้าผกากลับมาก่อนได้หรือเปล่าคะ ถ้าบัวไปก่อนแล้วน้าผกายังไม่กลับมาคุณพ่อก็จะต้องอยู่คนเดียว”
หญิงสาวไม่วายต่อรอง แล้วร่างบางก็มีอันต้องสะดุ้งขึ้นเมื่อนายบัญชาตวาดเสียงดังกลับมา
“ไม่ได้! บัว! ถ้าหากว่ารักพ่อก็ต้องทำตามที่พ่อบอก อย่าต่อรอง พ่อไม่ชอบ”
บัวชมพูหน้าสลด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อถึงอยากให้เธอไปอยู่กับผู้ชายตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ช่วยเหลือเธอเองก็เถอะ ก่อนจะหันกลับมาหาบิดาอีกครั้ง พร้อมกับถามในสิ่งที่เธอเองต้องรู้ให้ได้
“ทำไมคุณพ่อถึงอยากให้บัวไปอยู่กับคุณอลัน ถ้าคุณพ่อไม่บอกเหตุผลบัว บัวก็ไม่ไป บัวจะไม่ทิ้งคุณพ่อเด็ดขาด!” บัวชมพูยื่นคำขาดกับผู้เป็นพ่อ
“ถ้าบัวไม่ไปก็ไม่ต้องมาเรียกพ่อว่าพ่ออีก! ตายก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน!”นายบัญชายื่นคำขาด
คำกล่าวของผู้เป็นพ่อนั้นได้สร้างความตกตะลึงให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงอย่างไม่อยากเชื่อว่าผู้เป็นพ่อจะเอ่ยตัดเยื่อใยกัน ถ้าหากว่าไม่ยอมทำตามที่คำสั่ง เมื่อเป็นเช่นนี้หญิงสาวก็ต้องยอมจำนนทำตามที่ผู้เป็นพ่อสั่ง
“ถ้าคุณพ่อต้องการอย่างนั้นบัวก็จะทำตาม คุณอลัน กรุณารอฉันสักสิบนาทีนะคะ”
พูดจบบัวชมพูก็ลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเพื่อจะวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนซึ่งเป็นห้องพักของหญิงสาว ก่อนจะเก็บของใช้ที่จำเป็นใส่ในกระเป๋าเสื้อผ้าอย่างรีบเร่ง พร้อมๆ กับที่ปาดเช็ดน้ำตาเม็ดใสที่ไหลรินลงมาอาบแก้ม
เมื่อเก็บของเสร็จแล้วบัวชมพูก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วหลับตาลงเพื่อระงับอาการสะอื้นในอกให้หายไป ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วฉวยเอากระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากห้องก่อนปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วเดินกลับลงมายังชั้นล่างทันที
อลันมองตามร่างบางที่เดินกลับลงมาจากชั้นบนของบ้านก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวต้องร้องไห้ไม่หยุดเป็นแน่ แม้ตอนนี้จะไม่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่แล้วก็ตาม แต่หลักฐานที่จมูกโด่งรั้นของเธอนั้นก็เป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้วเพราะว่ามันยังแดงจัดอยู่
บัวชมพูเดินลงมาหยุดยืนอยู่กลางห้อง ก่อนจะมองหน้าคนที่เธอต้องไปอยู่ด้วยที่ตอนนี้กำลังยืนพิงประตูบ้านมองเธออยู่ หญิงสาวเดินเข้าไปย่อตัวลงใกล้ๆ รถวีลแชร์ที่นายบัญชานั่งอยู่ ก่อนจะย่อตัวลงและยกมือไหว้กราบลงไปบนตักของผู้เป็นพ่อ
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ บัวรักคุณพ่อนะ”พูดจบบัวชมพูก็ลุกขึ้นแล้วก้าวเดินตรงไปหานายใหญ่แห่งเวิลด์สกายทันที
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ
“เมฆ! พาคุณบัวไปที่รถ แล้วบอกกลดให้ขับรถคุณบัวไปที่พักของเราด้วย” อลันสั่งการทันที
“ครับนาย เชิญคุณบัวครับ” เมฆผายมือให้หญิงสาวเดินนำหน้าเขาทันที
“คุณอลัน ผมฝากดวงใจของผมด้วยนะ ช่วยดูแลให้ผมด้วย” นายบัญชายังไม่วายฝากฝังซ้ำอีก
“คุณไม่ต้องห่วง ผมรับปากแล้วผมก็จะดูแลให้ดีที่สุดด้วยชีวิต” อลันบอกกลับไปเสียงหนักแน่น
“ส่วนคุณ! พรุ่งนี้ผมจะส่งคนมาดูแล คุณ...” อลันพูดไม่ทันจบ นายบัญชาก็ขัดขึ้นทันที
“ไม่! ไม่ได้คุณอลัน! ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ผมอยู่ได้ พวกมันไม่ทำอะไรผมหรอก ผมอยากให้คุณช่วยผมให้เงียบที่สุด ติดต่อผมที่เบอร์บ้านเท่านั้น แค่คุณช่วยดูแลลูกสาวผมก็เป็นพระคุณแล้ว คุณรีบไปเถอะ ก่อนที่เขาจะกลับมา”นายบัญชาเร่งเร้าให้ชายหนุ่มรีบออกไปจากบ้านของเขาโดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของชายหนุ่มและลูกสาวของเขา
“ถ้าอย่างนั้นคุณเก็บนามบัตรของผมเอาไว้ ติดต่อผมได้ตลอดเวลา” หนุ่มใหญ่ยื่นนามบัตรของตัวเองส่งให้กับชายสูงวัยตรงหน้าเขา
นายบัญชารับนามบัตรจากชายหนุ่มมาถือไว้ ก่อนจะอ่านชื่อของคนให้เบาๆ คริสโตเฟอร์ อลัน แบรนสัน ก่อนจะเงยมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้งแล้วพูดว่า
“ผมจะเก็บมันไว้อย่างดีคุณอลัน”
“ผมไปก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยนะคุณบัญชา”พูดจบเขาก็เดินลิ่วออกจากบ้านของหญิงสาวทันที
เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็มายืนคู่กับหญิงสาวและคนสนิทที่ออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว บัวชมพูยืนมองเข้าไปในบ้านที่เธออาศัยอยู่กับพ่อมานานด้วยความอาลัย ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกเหมือนคนตัดใจแล้วเดินขึ้นรถไปโดยมีร่างสูงใหญ่ขึ้นไปนั่งอยู่เคียงข้าง ก่อนจะเอ่ยสั่งคนสนิททันที
“ไปเวิลด์สกาย”
อาคารเวิลด์สกาย
แสงไฟจากถนนสายบันเทิงที่รถเบนซ์คันหรูแล่นผ่านยังคงคึกคัก และคลาคล่ำไปด้วยนักท่องราตรี แสง สีและเสียงเพลงที่กระหึ่มดังลอดเข้าไปภายในรถ
จนบัวชมพูรู้สึกเหมือนกับว่ามีวงดนตรีเข้าไปเล่นอยู่ในหัวใจของหญิงสาว บัวชมพูมองแหล่งสถานบันเทิงที่ครบวงจร ทั้งบาร์ เธค ผับ คาราโอเกะ แม้กระทั่งอาบอบนวด ที่ต่างพร้อมใจกันประดับประดาดวงไฟที่หลากสีสัน เพื่อเชิญชวนให้กับนักท่องราตรีได้แวะเวียนเข้าไปภายในร้าน
รถเบนซ์คันหรูจอดนิ่งสนิท ก่อนที่เมฆจะเดินลงมาเปิดประตูให้กับนายใหญ่แห่งเวิลด์สกาย ตามด้วยบัวชมพูที่ก้าวลงมาตามหลัง หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ที่หน้าสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของย่านนี้ ป้ายขนาดใหญ่ที่ประดับประดาดวงไฟหลากสีส่องแสงวิบวับกับคำว่า ‘เวิลด์สกาย’
โอโห่!!! บัวชมพูเผลออุทานออกมาอย่างลืมตัว
“สถานบันเทิงแห่งนี้ใหญ่โตจริงๆ”เธอพูดพึมพำ
“เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เธอคงอยากจะพักผ่อนแล้ว” อลันพูดเสียงแผ่ว
“ฉันต้องพักที่นี่หรือคะ”
“ใช่ ที่นี่จะเป็นที่พักของเธอในช่วงนี้” พูดจบชายหนุ่มก็เดินนำหญิงสาวออกไปทันที
บัวชมพูรีบเดินตามหลังชายหนุ่มเข้าไปภายในโดยมีเมฆและกลดเดินตามหลังมาติดๆ ตามทางเดินที่บัวชมพูเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ไป ล้วนแต่มีสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยเพื่อโชว์เรือนร่างสัดส่วนสวยงามให้กับเหล่านักท่องราตรีที่เข้ามาใช้บริการ เหล่าบริกรที่เห็นชายหนุ่มเดินผ่านต่างพากันโค้งศีรษะให้กับเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
อลันพาบัวชมพูขึ้นมาบนชั้นบนสุดของเวิลด์สกาย ก่อนจะสั่งให้กลดพาหญิงสาวไปยังห้องพักรับรองที่อยู่อีกด้านของห้อง ส่วนตัวชายหนุ่มเดินเลี้ยวเข้าไปยังห้องทำงานทันที
ใบหน้าคมเข้มรับกับดวงตาคมกริบสีน้ำตาล จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสวยได้รูป เครื่องหน้าของชายหนุ่มน่ามองน่าหลงใหลยิ่งนัก
ชายหนุ่มนั่งลงดูเอกสารที่ถูกจัดส่งขึ้นมาให้เขาตรวจในทุกๆ วัน ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบจะลุกวาบขึ้นพร้อมตวัดตามองมายังเมฆบอดี้การ์ดของเขา เพื่อสั่งการให้ไปตามไพรัตน์ ซึ่งเป็นผู้จัดการของเวิลด์สกายให้มาพบเขาทันที
“ให้ไพรัตน์มาพบฉันเดี๋ยวนี้”
“ครับเจ้านาย”
“อ้อ เดี๋ยว แล้วสั่งให้คนยกอาหารขึ้นมาให้ฉันกับบัวชมพูด้วยล่ะ”
“เรื่องอาหารผมสั่งเรียบร้อยแล้วครับ สักพักคงจะยกขึ้นมาได้”
พูดจบก็เลี่ยงออกไปจัดการสั่งลูกน้องหน้าห้องให้ไปตามผู้จัดการไพรัตน์ให้มาพบกับนายใหญ่แห่งเวิลด์สกายโดยเร็ว
เฮ้อ! เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาทำให้เมฆและกลดที่เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของอลันต่างพากันมองสบตากันนิ่ง ไม่บ่อยนักที่เขาทั้งสองจะเห็นนายใหญ่แห่งเวิลด์สกายมีอาการเช่นนี้ ด้วยความเป็นห่วงจึงทำให้กลดเอ่ยถามเจ้านายออกไปทันที
“งานมีปัญหาหรือครับนาย”
อลันเหลือบมองบอดี้การ์ดคู่ใจทั้งสองของเขานิดนึง ก่อนจะเอนร่างพิงไปกับพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบมองนิ่งมายังร่างของกลดและเมฆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสอง
“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกกลด เมฆ เพียงแต่มีพวกเหลือบ ริ้น ที่อยากจะเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาของฉัน มันก็ได้แค่ขู่เท่านั้น”
อลันพูดไปยิ้มไป แต่กลดกับเมฆรู้ดีว่ามันต้องไม่ใช่แค่นั้น เพราะหากเป็นเพียงแค่พวกเหลือบ ริ้นธรรมดา ไม่มีทางที่นายใหญ่แห่งเวิลด์สกายจะถอนหายใจออกมาเช่นนี้แน่ แสดงว่าพวกมันต้องเป็นเหลือบ ริ้นชนิดที่กำจัดยากเอาการอยู่เป็นแน่
“นายบอกพวกผม เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง ธุรกิจของนายทุกอย่างเปิดอย่างถูกกฎหมาย ใครหน้าไหนก็ทำอะไรนายไม่ได้”
กลดพูดเสียงคำรามออกมาทันทีเมื่อรู้ว่ามีคนไม่หวังดีกับนายของเขา
“ใจเย็นกลด ฟังนายก่อน” เมฆรีบปรามเพื่อนสนิท จังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณไพรัตน์มาแล้วครับ” ลูกน้องของเมฆรายงานทันที
อลันพยักหน้าให้กับเมฆนิดนึงว่าเขาอนุญาตให้เข้ามาภายในห้องทำงานได้ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิม และมีกลดอยู่คุ้มกันอยู่ด้านหลังไม่ห่าง
ไพรัตน์เคาะประตูเป็นสัญญาณให้ได้รับรู้ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายใน ใบหน้าของชายมากวัยที่คร่ำหวอดอยู่ในสถานบันเทิงนี้มาเป็นเวลานานดูเคร่งเครียดไม่น้อย เมื่อถูกนายใหญ่แห่งเวิลด์สกายเรียกพบ
และเขาก็เดาได้เลยว่าจะต้องเป็นรายงานของวันนี้แน่นอนที่ทำให้ตัวเขาถูกเรียกมา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ชายมากวัยต้องการให้เป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ไม่ดีเช่นนี้จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้านายของเขาต้องได้รับรู้โดยเร็วที่สุด
“นายเรียกให้ผมมาพบ” ไพรัตน์เปิดฉากสนทนาทันที
อลันยกยิ้มขึ้นที่มุมปากพร้อมเอ่ยขึ้น
“เชิญนั่งก่อนสิคุณไพรัตน์”
ไพรัตน์ทำตามที่อลันบอกทันที
“ผมอ่านรายงานของคุณแล้วนะ คุณไม่เป็นอะไรนะ”
“ผมไม่เป็นอะไรครับเจ้านาย พวกนั้นมันก็ได้แค่ขู่ เพียงแต่ครั้งนี้คนที่ขู่มันไม่ใช่พวกนักเลงมาเฟียเจ้าถิ่น หรือพวกคนมีสีที่อยากจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับเวิลด์สกายเหมือนที่แล้วๆ มา แต่คนที่อยากได้คราวนี้มันอยากที่จะได้เอาไว้ทั้งหมด ไม่เหมือนอย่างพวกก่อนๆ และมันก็มีอิทธิพลมากทีเดียวครับนาย” ไพรัตน์มีสีหน้าหนักใจไม่น้อย
อลันฟังที่ไพรัตน์เล่าอย่างเงียบๆ สองมือประสานกันแต่สมองนั้นใช้ความคิดในเรื่องนี้อย่างหนัก ก่อนจะเอ่ยถามไพรัตน์กลับไปว่า
“กลัวเหรเปล่าอคุณไพรัตน์”อลันถามกลับไป
ไพรัตน์เงยหน้ามองสบตากับนายใหญ่แห่งเวิลด์สกาย ชายหนุ่มผู้จับธุรกิจสถานบันเทิงในย่านนี้จนดังและเป็นที่รู้จักของวงการนักเที่ยวยามราตรี ใช่ว่าชายหนุ่มจะมีเพียงแค่สถานบันเทิงแห่งนี้แห่งเดียว
หากแต่ยังมีสถานบันเทิงเช่นนี้อยู่ทั่วทุกมุมโลก และที่นี่ก็เป็นเหมือนการจำลองสถานบันเทิงอย่างลาสเวกัสมาไว้ในเมืองไทยอีกด้วย เขารู้ดีว่านายของเขามีทั้งอำนาจและบารมี พูดง่ายๆ ก็เจ้าพ่อมาเฟียดีๆ นี่เอง แต่ที่แน่ๆ ใครอย่าได้กล้ามาแหย่หนวดเสือเชียว
เพราะถ้าหากใครทำให้นายใหญ่แห่งเวิลด์สกายโกรธแล้วละก็ ชะตาขาดทุกราย แต่ถึงจะเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย เขาและลูกน้องทุกคนก็รักนายใหญ่แห่งเวิลด์สกายคนนี้ที่สุด
“ไม่ครับ ผมไม่กลัว ผมอยู่กับนายมานาน นายดูแลพวกผมเป็นอย่างดี ใครเดือดร้อนอะไรนายช่วยเหลือทุกอย่าง ผมรู้ว่านายจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า...”ไพรัตน์กล่าวเพียงแค่นั้นก็หยุดลง
“แต่ว่าอะไร”เป็นกลดและเมฆที่พูดออกมาพร้อมกัน
ก่อนที่เมฆจะถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว เช่นเดียวกับกลดที่ถอยกลับไปยืนในตำแหน่งเดิมเช่นกัน
“แต่อะไรคุณไพรัตน์ คุณบอกมาเถอะ ผมกำลังฟัง”เสียงอลันเอ่ยถามขึ้น
ไพรัตน์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะพูดต่อ
“เพียงแต่ว่าคนที่อยากได้เวิลด์สกายในครั้งนี้คือท่านเผด็จน่ะสิครับนาย”ไพรัตน์บอกออกไป
ทันทีที่อลันได้ยินเช่นนั้นเขาพูดสวนกลับทันควัน
“นายเผด็จ เกียรติกิจไพศาลอย่างนั้นน่ะหรือ” อลันต่อนามสกุลให้อีก “
นายเผด็จคนนี้เขาเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐมนตรีคนหนึ่งในกระทรวงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาถึงอยากได้ธุรกิจของเรานักล่ะ” เมฆตั้งคำถามขึ้นมาทันที
“คุณเมฆไม่รู้อะไร ท่านเผด็จน่ะมีหลังฉากที่คนภายนอกไม่รู้อีกตั้งเยอะ แค่นี้น่ะส่วนน้อยนะครับ และที่ท่านเผด็จอยากจะได้เวิลด์สกายของนายแบบนี้ผมว่าอาจจะเอาไว้เป็นสถานที่ฟอกเงินก็ได้นะครับ” ไพรัตน์แจกแจงในสิ่งที่ตัวเองคิด
อลันเมื่อได้ฟังข้อสันนิษฐานของไพรัตน์ก็ให้ครุ่นคิดตามหลังซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน
“เอาละ เป็นอันว่าฉันรู้ข้อมูลคร่าวๆ ของคนที่อยากจะได้ของของฉันแล้ว คุณกลับไปทำงานได้แล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจะจัดการเอง”
อลันบอกเสียงเรียบ แต่ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบนั้นวาววาบขึ้นอย่างน่ากลัวยามเอ่ยคำว่า ‘ของของฉัน’
ไพรัตน์เห็นเช่นนั้นก็รีบขอตัวกลับไปทำงานทันที
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับไปทำงานก่อนนะครับนาย”
“เชิญ” อลันอนุญาตน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อไพรัตน์กลับออกไปจากห้องแล้วกลดก็เอ่ยถามทันที ชายหนุ่มอยากรู้ว่าเจ้านายของเขาจะจัดการอย่างไรต่อไป
“นายจะจัดการอย่างไรต่อไปดีครับ”
อลันมองหน้ากลดนิ่งๆ ก่อนตอบกลับไปว่า
“ฉันหิวแล้ว ขอกินอะไรก่อน ป่านนี้บัวชมพูก็คงจะหิวแล้วเหมือนกัน”
พูดจบก็เดินนำออกไปจากห้องทำงานทันที ปล่อยให้คนอยากรู้เรื่องหงุดหงิดเป็นการใหญ่ที่เจ้านายแกล้งไม่ยอมบอกอะไร ทั้งที่เขาอยากจะรู้ว่านายใหญ่แห่งเวิลด์สกายจะทำอย่างไรต่อไปใจจะขาด
“โธ่! เจ้านาย แกล้งไอ้กลดอีกแล้ว”กลดบ่นพึมพำได้แต่ฮึดฮัดอยู่อย่างนั้น ก่อนเมฆจะเดินเข้ามาตบลงบนบ่าเพื่อนรักของเขาเบาๆ
“ก็เพราะเจ้านายรู้น่ะสิว่าถ้าหากบอกอะไรกับแกไปก่อนน่ะ แกก็จะรีบบินเดี่ยวออกไปจัดการกับไอ้พวกนั้นจนพวกมันรู้ตัวก่อนน่ะสิวะ เอาน่า ให้เจ้านายกินข้าวกินปลาเสียก่อน ยังไงซะวันนี้แกก็ได้รู้แน่นอนน่าไอ้กลด ไป ไปทำตามที่เจ้านายสั่งก่อนแล้วเดี๋ยวจะได้กลับมาเผื่อว่าเจ้านายจะเรียกใช้อะไรพวกเราอีก”
เมฆโอบคอกลดพาเดินออกจากห้องทำงานของนายใหญ่แห่งเวิลด์สกาย เพื่อตรงไปยังห้องอาหารที่ตอนนี้อาหารได้ถูกลำเลียงขึ้นมาจัดไว้บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขาดก็แต่บุคคลที่บอกว่าหิวข้าว แต่ตอนนี้กลับไปยืนอยู่ที่หน้าห้องของหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นแขกพิเศษที่ได้มานอนร่วมห้องกับนายใหญ่แห่งเวิลด์สกายในครั้งนี้