เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งฝ่าความมืดออกมาจากซอยเปลี่ยว หญิงสาวร่างบางระหงกำลังวิ่งหนีการไล่ล่าของชายฉกรรจ์สองคน ที่ตอนนี้วิ่งไล่กวดกระชั้นชิดเข้ามาทุกขณะ เธอซอยเท้าวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง เพียงแค่เสียงฝีเท้าของพวกมันทั้งคู่ที่วิ่งไล่กวดเธอมา
บัวชมพูก็รู้แล้วว่ามันกำลังจะวิ่งตามเธอมาทันอยู่แล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้นเธอก็จะถึงถนนสายหลัก ที่ซึ่งเธอสามารถที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่พบเห็นได้
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย! ช่วยที! ช่วยด้วยคะ!”หญิงสาววัยยี่สิบสอง ส่งเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือไม่ยอมหยุด พร้อมกับสองเท้าที่เร่งสปีดในการวิ่งที่ไม่ยอมลดเลยเช่นเดียวกัน
“เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นกูยิงจริงๆ ด้วย”ชายร่างยักษ์หนึ่งในสองร้องตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าเป้าหมายของพวกมันกำลังจะวิ่งพ้นออกไปจากซอยเปลี่ยว
เปรี้ยง!!! เสียงปืนนัดแรกที่ถูกปล่อยออกจากรังเพลิงดังลั่นไปทั่วซอย หวังให้หญิงสาวที่กำลังวิ่งอยู่ได้ตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก และต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่พวกมันคิดผิด หญิงสาวไม่ได้หยุดวิ่ง แต่กลับเร่งสปีดฝีเท้าวิ่งหนีเอาตัวรอดอย่างไม่คิดชีวิตแทน
“เฮ้ย! ไอ้โง่! มึงจะบ้าหรืออย่างไง เสือกยิงทำไมวะ เกิดถูกนางนั่นขึ้นมาจริงๆ มึงกับกูถึงกับชะตาขาดเชียวนะ ท่านคงไม่ปล่อยมึงกับกูเอาไว้แน่ๆ ไอ้ควาย!”
เสียงชายฉกรรจ์อีกคนที่ซอยเท้าวิ่งมาด้วยกันก่นด่าออกมาในทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น
“ก็แค่ยิงขู่เฉยๆ เท่านั้นพี่ชาติ พี่ดูสิ อีนางนั่นมันร้องแหกปากไม่ยอมหยุดเลยเห็นไหม แล้วที่ยิงไปน่ะมันก็ไม่โดนหรอกน่า โวยวายไปได้”
“เก็บปืนเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ยศ นั่นเห็นไหม นางนั่นมันยอมหยุดวิ่งซะที่ไหน เร็วเข้า มันจะถึงปากซอยอยู่แล้ว เร็ว!”
พวกมันทั้งสองรีบเร่งสปีดตามไปอย่างไม่หยุดยั้ง และในที่สุดหญิงสาวที่ถูกตามล่าก็วิ่งออกมาพ้นจากซอยเปลี่ยวพร้อมๆ กับชายฉกรรจ์ทั้งสองที่วิ่งมาเกือบจะทันเธออยู่แล้ว หญิงสาวตัดสินใจวิ่งข้ามถนนไปยังอีกฟากหนึ่ง ซึ่งตอนนี้บนท้องถนนมีรถแล่นมาด้วยความเร็วสูงเป็นจำนวนมาก
เอี๊ยดดดด!!!!
ปี๊นนนน!!!
“อยากตายนักหรือไงห๊ะ!!”
“ไม่อยากอยู่แล้วใช่ไหม!!”
เสียงเบรกล้อและเสียงบีบแตรรถที่ดังสนั่นหวั่นไหวอยู่บนท้องถนน แถมด้วยเสียงร้องตะโกนด่านั้นไม่สามารถหยุดหญิงสาวร่างบางระหง ที่กำลังวิ่งหนีจนสุดชีวิตจากการไล่ล่าของชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ทั้งสองได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องถนนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ก็หาได้รอดพ้นไปจากสายตาของ คริสโตเฟอร์ อลัน แบรนสัน หนุ่มใหญ่วัย 35 ปี นายใหญ่แห่งเวิลด์สกายไปได้ไม่
เขาเห็นหญิงสาวคนนี้วิ่งข้ามถนนมายังฟากที่รถของเขากำลังแล่นมา และเห็นว่ามีผู้ชายสองคนกำลังวิ่งไล่ตามเธอมาอยู่ ทำให้ชายหนุ่มต้องสั่งให้บอดี้การ์ดคู่ใจที่วันนี้มาทำหน้าที่พลขับมาให้นั้นชะลอรถเพื่อที่จะดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น...หรือไม่เขาอาจจะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอก็เป็นได้
“ชะลอรถหน่อยเมฆ รับผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถเราด้วย” เสียงเข้มพูดสั่งออกมา
“ครับนาย”
เมฆทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที ชายหนุ่มชะลอความเร็วของรถที่ขับมา ก่อนกลดซึ่งเป็นบอดี้การ์ดคู่ใจอีกคนจะชักปืนออกจากเสื้อสูทอย่างเตรียมพร้อม หากต้องมีการปะทะเกิดขึ้น
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!”
บัวชมพูวิ่งไปก็ร้องขอความช่วยเหลือไป แต่ไม่มีรถคันไหนเลยสักคันที่จะจอดให้ความช่วยเหลือเธอเลย
“หยุดนะโว้ย! ถ้าไม่หยุดให้จับดีๆ กูจับตัวได้เมื่อไหร่ละก็จะตบให้เลือดกลบปากเลยคอยดูสิ”
ไอ้ยศที่ตามไล่ล่าเธอนั้นตะโกนร้องออกมาอย่างฉุนเฉียวก่อนจะถูกไอ้ชาติที่วิ่งไล่กวดมาด้วยกันด่าเข้าให้
“ควายหรือเปล่ามึงน่ะ แหกปากตะโกนทำไมวะ เดี๋ยวพ่อมึงก็มาจับไปเข้าคุกหรอกไอ้โง่”
ชาติพูดจบมันก็รีบวิ่งเร่งสปีดตามหญิงสาวไปให้ทัน ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นก็แทบจะไม่มีแรงวิ่งอยู่แล้ว
บัวชมพูที่ตอนนี้แทบจะไม่มีแรงที่จะวิ่งต่อไปได้อีกแล้ว หญิงสาวไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี เธอจะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นจากพวกมันได้ ‘ใครก็ได้ช่วยที สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขาช่วยลูกช้างด้วยเถอะ’ หญิงสาวได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ
และก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีรถเบนซ์คันหรูแล่นปาดหน้าเธอเข้ามาจอด พร้อมกับประตูรถที่เปิดอ้าออกมาและเสียงที่ทรงอำนาจนั้นก็สั่งให้เธอก้าวขึ้นมาบนรถโดยเร็ว
“ขึ้นมา”เสียงออกคำสั่งนั้นสั้น บัวชมพูเองแม้จะตกใจแต่ก็ไม่รอช้า หญิงสาวรีบทำตามที่เสียงนั้นสั่งทันที
“ล็อกรถ”
“ครับ เจ้านาย”
ประตูรถถูกล็อกตามคำสั่ง พร้อมๆ กับที่ชายฉกรรจ์ทั้งสองก็วิ่งตามมาทันบัวชมพูพอดีเช่นกัน
“เฮ้ย! เปิดประตู!! พวกมึงแส่อะไรด้วยวะ!” ไอ้ยศร้องตะโกนใส่ ใบหน้าเกรี้ยวกราด
“ไปได้แล้วเมฆ” อลันออกคำสั่งอีกครั้ง
“ครับนาย”
เมฆทำตามคำสั่งของอลันทันที ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามสิ่งใดทั้งที่ตนเองนั้นก็ข้องใจไม่หายว่าเหตุใดเจ้านายของเขาถึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยหญิงสาวผู้นี้ ทั้งๆ ที่อลันไม่เคยที่จะสนใจเรื่องอย่างนี้เลย
เจ้านายของเขาเย็นชาจะตายไป เคร่งเครียดทำแต่งาน ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านเลยไป ไม่เคยให้ความสนใจใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่สำหรับหญิงสาวผู้นี้ทำไมเจ้านายของเขาถึงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนะ เมฆได้แต่มองหน้ากลดเพื่อนคู่หูของตนซึ่งก็คงจะคิดเหมือนกับเขาเป็นแน่แต่ก็คงไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเช่นกัน
“เฮ้ย! หยุดนะ!”ไอ้ชาติร้องตะโกนออกมาอีก
เมื่อรถที่มันร้องตะโกนใส่ขับหนีมันออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้สองมือค้ำยันหัวเข่าของตนไว้ ตอนนี้มันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะวิ่งตามใครได้อีก มันได้แต่มองตามเลขทะเบียนรถเบนซ์ที่แล่นออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อจดจำเอาไว้ แล้วค่อยกลับไปรายงานให้กับท่านของมันได้รับรู้ เมื่องานที่มันได้รับมอบหมายให้ทำนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ
“ทำยังไงล่ะทีนี้พี่ชาติ นางนั่นมันหนีขึ้นรถเบนซ์ไปแล้ว ใครวะมาช่วยมัน”
ไอ้ยศเอ่ยถามออกไปอย่างอยากรู้ ทำให้ไอ้ชาติที่กำลังเหนื่อยหอบอยู่นั้นถึงกับตะคอกตอบกลับมาอย่างฉุนเฉียว
“มึงกับกูมาพร้อมกันหรือเปล่า เสือกถามอะไรโง่ๆ ออกมาอีกแล้ว”
“อ้าวพี่ชาติ ฉันแค่ถามเฉยๆ ไม่ตอบก็ได้นะ ไม่เห็นจะต้องมาว่ากันเลยนี่หว่า”
ไอ้ยศทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ไม่กล้าที่จะหาเรื่องกับชาติตรงๆ ด้วยงานนี้เป็นงานแรกของมัน และมันเองก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือดีขนาดไหน
“แล้วมึงจะเอายังไง กูบอกอะไรมึงเคยเชื่อกูหรือเปล่า ทั้งๆ ที่จับตัวนางนั่นมันได้แล้ว แต่เป็นเพราะมึงใช่มั้ยที่อยากจะทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษ ไม่มัดมือมัดเท้า ไม่ปิดปาก แล้วยังไง โน่น!!!...มันหนีขึ้นรถเบนซ์ไปแล้ว ทีนี้ล่ะมึง ท่านคงจะเลี้ยงมึงเอาไว้ใช้งานหรอก”
ชาติพูดพร้อมกับทำท่าจะข้ามถนนกลับไปยังซอยเปลี่ยวที่ได้วิ่งไล่หญิงสาวออกมา แต่ถูกไอ้ยศคว้าแขนเอาไว้ก่อน มันรีบละล่ำละลักพูดออกมาจนลิ้นแทบจะพันกัน
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อนพี่ชาติ ทำไมท่านถึงจะต้องมาเล่นงานฉันคนเดียวด้วยล่ะ ถ้าจะโดนมันก็ต้องโดนด้วยกันทั้งคู่สิ”
ชาติปรายตามองคู่หูที่เพิ่งจะมาเริ่มงานกับมันเป็นครั้งแรก พร้อมกับเอ่ยบอกน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เพราะกูไม่เคยทำงานพลาด แต่กับมึง...คิดเอาเอง และถ้ามึงคิดหนี...มึงตาย!”
พูดจบมันก็เดินข้ามถนน ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหน้าไอ้ยศที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ทั้งๆ ที่ตัวมันนั้นแสนจะดำ คำพูดของไอ้ชาตินั้นทำให้เหงื่อกาฬของมันไหลออกมาอย่างกับน้ำ
ก่อนจะรีบวิ่งตามร่างหนาที่วิ่งข้ามถนนกลับไปในซอยเปลี่ยวทันที ด้วยหวังว่ามันคงจะมีโอกาสรอดหากมันตามไอ้ชาติกลับไปหาท่านของพวกมัน