บทที่ 5 จะไม่ยุ่งกันอีก

1721 Words
บทที่ 5 ฉันถูกเด็กตัวเล็กผลักจนหงายเงิบ เธอบอกกว่าจะตัดใจจากฉัน เพราะคำพูดเผ็ดร้อนที่ฉันพ่นใส่ ฉันอึ้ง!!และไม่ได้มีท่าทีนั้นให้เธอเห็น ขณะที่ฉันซวนเซไปกระทบกับชั้นหนังสืออีกฝั่ง คุณหมอฝึกหัดขัดขืนเหรอ หึๆ เธอแทบจะออกวิ่ง อย่างขลาดเขลา ถ้าไม่เจ็บปวดมากก็คงหวาดกลัว... โครม ตึก ตึก “โอ๊ย!” เสียงร้องของฉันไม่ได้แรงมาก แต่มันก็พอให้แพรพิณหันกลับมา “จิ๊!!!!!” ฉันเพียงหลับตาและสะบัดไล่ความเจ็บ ลองได้โดนสันหนังสือเกือบทั้งชั้นทุ่มลงมาบนหัว แล้วจะรู้ว่าพลังงานศักย์ที่กระทำกับวัตถุมีเลือดมีเนื้อเช่นหัวมันเจ็บแค่ไหน “อะ อาจารย์” ฉันได้ยินเสียงของหล่น และเมื่อหันกลับไปอาจารย์หมอก็นั่งอยู่กับพื้น โดยที่ผมเผ้าปรกหน้า อาจารย์กุมศีรษะ ฉันเป็นคนทำเขาเดือดร้อนอีกแล้วเหรอ ครั้งก่อนก็คราวหนึ่งแล้ว ฉันวิ่งกลับไปหาอาจารย์หมอเจ้านางและเข้าไปพยุงเขาแต่ถูกปัดมือให้ออกห่าง “อาจารย์ หัว” ฉันพูดกล้าๆ กลัวๆ เมื่ออาจารย์หมอเจ้านางยืดกายเต็มความสูง ฉันเอื้อมมือไปหมายจะแตะปลอบ ทว่าถูกเขาคว้ามือและเหวี่ยงไปกระแทกชั้นหนังสือบ้าง “อย่ามาจับฉัน อย่ามาแตะต้องตัวฉันอีก!!” ขบกรามแน่น ฉันก้มหน้ากัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ อาจารย์หมอนอกจากจะไม่ขอความช่วยเหลือแล้ว เขายังพยายามเดินหน้าต่อ มือเรียวกุมขมับและลัดเลาะไปตามตรอก “อาจารย์ให้หนูช่วยนะคะ” ฉันเดินไปคว้าแขนอาจารย์หมอเจ้านางไว้ “ไม่ต้อง!!!” สีหน้า แววตา อาฆาตสุดๆ “อาจารย์หนูขอโทษ จะให้หนูทำอะไรหนูก็ยอม ให้หนูช่วยเถอะนะคะ” ฉันเขย่าร่างที่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขากะจะก้าวหนีอีก “อาจารย์จะไล่หนูก็ได้ หนูจะไม่ยุ่งกับอาจารย์อีกแล้วก็ได้ แต่ขอให้หนูทำแผลให้นะคะ น๊า...” “ฉันทำเองได้!!” คำตอบกุดยิ่งกว่าหางเต่า ดูทรงคนตัวเล็กกว่าคงจะรับไม่ได้เป็นแน่แท้ ....ช่างมันเถอะ ชีวิตใครชีวิตมัน เจ็บขนาดนี้แม่งโคตรเสียอารมณ์ เสียงอาจารย์หมอเจ้านางยังแข็งกร้าวและหนักแน่น ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย การสารภาพรักของฉันมันทำความเสียหายให้ทุกอย่าง “อาจารย์คะ หนูขอโทษ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว หนูจะไม่บอกรักหรือบอกชอบอาจารย์อีกแล้ว” ฉันอ้อนวอนขอร้อง และอาจารย์หมอก็เหวี่ยงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า “อาจารย์คะ หนูยอมหมดแล้ว อาจารย์อย่าทำแบบนี้เลยนะ นะคะ” น้ำเสียงเครือสั่น ทว่าอาจารย์หมอยังใจแข็งไม่มองกลับมาหาฉันอยู่ดี เขาเดินหน้าต่อไม่พูดไม่จา ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวถ่วง จนทำอะไรไม่ถูก “อาจารย์คะ ให้หนูช่วย” “ช่างตื้อนักนะ” ฉันหันไปหาคนที่เดินตามเก้าชนเก้า ยัยเด็กตัวป่วนทำหน้าสำนึกผิดหนักข้อขึ้น แววตาไหวระริกนั่นฉันเกือบให้อภัยง่ายๆ ซะแล้ว “อาจารย์คะ หนูเป็นคนทำให้อาจารย์เจ็บ” ฉันเป็นห่วงเขาแม้ว่าเขาจะพูดจาเชือดเฉือนให้ฉันเจ็บก็ตามที “จบการทำแผลแล้วหนูจะไม่ยุ่งกับอาจารย์อีก นะคะ นะ” อาจารย์หมอหยุดแล้วนิ่ง ดวงตาทรงเสน่ห์อ่านยากขึงขัง ผิวหน้าผากเขาเต็มไปด้วยเลือด หยดสีแดงรินไปทั่วข้างแก้ม แต่เขายังไม่สนว่าตัวเองมีบาดแผลสักนิด เขาดูหัวเสียและกินขาดเรื่องการไม่แสดงอารมณ์ ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี จึงเอาแต่บิดฝ่ามือจนมันแดงก่ำ ...เพียงอยากช่วย ช่วยเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี .... ฉันไม่กล้าเดินตามเขาไปอีก ขาฉันเหมือนถูกตรึงด้วยหินผา จะเดินตามได้ยังไง เขาไม่ต้องการ... “นี่จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” เลิกตื้อแล้วเหรอ? “คะ...” ฉันที่ตกอยู่ในภวังค์ เกาะขอบความฝันใกล้หลุดลอย ถูกอาจารย์หมอเดินกลับมาคว้ามือแล้วฉุดให้เดินตาม เขา เขา...จับมือฉัน ฉันตื่นเต้น อึ้งกิมกี่ และอยู่ในสภาวะสับสน “อะ อาจารย์ คะ” ฉันเดินตาม ขาเขายาวจัง ยาวจนสองก้าวของฉันเท่ากับก้าวเดียวของเขา ฉันมองมือที่กำลังถือแขนฉันอยู่ มองมันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง “อ๊ะ โอ๊ย!!” “เป็นอะไร” อาจารย์หมอหยุดและหันกลับมามองฉันที่....เตะขาโต๊ะ!! เสียงเตะไม่ดังเพราะเสียงร้องฉันดังกว่า “หนูเดินไม่ทัน...หนูขอโทษ...” เอาแต่ขอโทษ! ขอโทษ! และก็ขอโทษไม่ลืมหูลืมตา คงทั้งกลัวพฤติกรรมของฉันและกลัวหัวฉันที่มันแตกอีกนั่นแหละ ฉันถอนหายใจแรงๆ ทำยังกับฉันจะตาย ดูสิเดินได้และก็ด่าได้อยู่นี่ไง ยัยเด็กนี่เอาอีกแล้วหรือนี่ ฉันลับตาซับอากาศและหันกลับมาเผชิญตัวป่วนที่สุดเท่าที่เคยเจอมา พอหน้าเราประจันกัน ดวงตาอ้อยอิ่งสั่นไหวของยัยเด็กโก๊ะกลับทำให้ฉันเกิดความรู้สึกแปลกๆ หรือว่าฉันรู้สึกผิดที่เดินเร็วไป “ไปห้องพักฉัน” กล่าวราบเรียบราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่มีเลือดไหลลามอยู่บนหัว ความจริงก็ไม่ได้ยี่หระมันอยู่แล้ว นิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไป พอเดินมาได้สักพักฉันก็ปล่อยมือยัยเด็กเสียสติ “แต่อาจารย์คะ ห้องฉุกเฉิน...ทางนั้น” ชี้ไปอีกทางที่มีอุปกรณ์ครบครัน และน่าจะสะดวกกว่า “เธอก็ไปสิ ฉันจะไปห้องพักฉัน” ตัดบทอย่างเอาแต่ใจไม่ต่างจาก...นิสัย “ไปห้องพักอาจารย์ก็ได้ค่ะ” เอ่ยเสียงแผ่ว... ฉันเปลี่ยนเส้นทางเดี๋ยวนั้น อาจารย์หมอดื้อมากเขาไม่ยอมตามไปที่ห้องฉุกเฉิน คนตัวโตตั้งหน้าดุ่มๆ ไปที่ห้องพักตัวเองอย่างเดียวเลย ปล่อยให้ทั้งพยาบาลและหมอมองตามกันเป็นแถว แต่ไม่มีใครถามอะไรมากเพราะอาจารย์หมอเจ้านางหน้าตึงเปรี๊ยะ!! ฉันกะเผลกเท้าตามมาจนถึงหน้าห้องพักอาจารย์ เขาไขกุญแจแล้วเดินเข้าไปข้างใน ฉันยังลากขาตามไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี ฉันเจ็บเล็บจัง แต่ฉันไม่มีเวลารีรอดูมันสักนิด “นี่เธอ เจ็บเหรอ?” ฉันพึ่งสังเกตตอนที่เห็นว่ายัยเด็กที่วิ่งตามมาเดินไม่ปกติ “เจ็บเท้าเหรอ?” ตอบยากขนาดนี้ลืมลิ้นไว้ห้องสมุดเหรอ? “ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ต้องรีบทำแผล” “ฉันถามว่าเจ็บใช่ไหม?” ฉันรู้สึกหงุดหงิดเวลาคุณหมอฝึกหัดตรงหน้าไม่บอกอาการของตัวเอง เอาแต่อยากช่วยทำแผลให้ฉันอยู่ได้ “ตอบ-ใน-สิ่ง-ที่-ฉันถาม!!” “ไม่เจ็บค่ะ” “อย่าโกหก” “อาจารย์คะ เลือดออกเยอะมาก” “...อืม...รู้...” ฉันรู้หรอกนา เดินมากระจกก็ออกจะล้อมรอบ คนก็มองเยอะแยะเต็มไปหมด ยังกะไม่เคยเห็นเลือด อยากจะบ้าตาย “กล่องยาอยู่ไหนคะ อาจารย์ กล่องยาล่ะคะ” ฉันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ใจร้อนระอุไปหมด ชะเง้อหาไปทั่วห้อง “นั่งลง” ฉันสั่งยัยตัวป่วนที่หันซ้ายหันขวา รบเร้าหาเพียงอุปกรณ์ปฐมพยาบาล “เดี๋ยวฉันไปเอามาให้เอง” “แต่อาจารย์คะ ถ้านานกว่านี้” “เออ นั่งไปเถอะนา” “แต่ว่า....” “หยุดแต่!! แล้วนั่งเฉยๆ ไปเถอะ!!” พอเธอทำท่างับปากเก็บลิ้น ฉันเดินไปหยิบกล่องพยาบาลมาให้ ตามที่แพรพิณเรียกร้อง “อะไรนักหนากะอิแค่...หัวแตก” บ่นเหมือนหมีกินผึ้ง “มาค่ะ หนูทำให้” ฉันยืนขึ้นทั้งที่รู้สึกจี๊ดๆปลายนิ้วเท้า จนต้องกัดปากแน่นระงับมันไว้ “ฉันจะนั่งนี่” เดินไปนั่งเก้าอี้ด้านหน้าตรงที่แพรพิณลุกออกไป ยัยเด็กเท้าเจ็บยังพยายามพยุงตัวเองและหาแอลกอฮอล์เช็ดแผล ฉันรำคาญตาจึงลุกขึ้น ... “ว๊าย อาจารย์....” ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อถูกยกตัวขึ้นนั่งบนโต๊ะ ...เขาโอบเอวฉัน....ทั้งที่ตัวเองเลือดไหลได้ยังไง เขาต้องปวดแผลบ้างแหละ “...อืม...ถนัดแล้วใช่ไหม” ฉันนั่งให้ว่าที่คุณหมอสติแตกทำความสะอาดแผล ที่ตอนนี้เลือดเริ่มแห้งเป็นวุ้น พึ่งรู้ว่ากลิ่นของมันชวน...ให้ใจเต้นแรง ยิ่งเวลาถูกมือบอบบางละเมียดละไมซับของเหลวเย็นๆ นี่ฉันกำลังหมายถึงเลือดตัวเองจริงๆ เหรอวะ อาจารย์หมอให้ฉันนั่งบนโต๊ะทำงานของเขา ส่วนเขาก็นั่งอยู่เก้าอี้ตรงหน้า คราวนี้มือฉันสั่นแต่พยายามรวบรวมสติจดจ่อเพียงไรผม ฉันเช็ดทำความสะอาดจนหมดคราบเลือด ใบหน้าคมเข้มที่ฉันเฝ้ามองจากที่ไกลๆอยู่ใกล้ฉันเพียงลมหายใจรินรดนี้เอง ฉันได้มองหน้าเขาใกล้ขนาดนี้เลยหรือ? ฉันตั้งใจและเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ นิ้วมืออาจารย์วางอยู่ข้างๆ เขาเคาะโต๊ะดังก๊อกแก็กเป็นจังหวะขบคิด คนอะไรยิ่งนิ่งยิ่งมีเสน่ห์หรือฉันคิดไปเองเพราะคลั่งไคล้ในตัวเขา ใจฉันอ่อนแอทุกครั้งเวลาเจอเขา มันสงบไม่ได้เลยแม้กระทั่งตอนนี้ “เสร็จรึยัง” ฉันหูฝาดรึเปล่าที่โทนเสียงอาจารย์หมอนุ่มขึ้น ไม่ตะคอกหรือบาดหูเหมือนก่อนหน้า เขาอ่อยฉันใช่ไหม คนที่มีใจอยู่แล้วมันคิดนะคะ อาจารย์อย่าพูดกับหนูละมุนเลยแค่นี้หนูก็ถลำลึกจะตายอยู่แล้ว “เหลือเบตาดีนค่ะ” ฉันซับน้ำยาและทาบนบาดแผล “เสร็จรึยัง” เสียงของอาจารย์เจ้านางลุ่มลึกขึ้น ผิดกับทุกครั้งจริงๆ หรือฉันคิดไปเองอีกแล้ว แต่ไม่นะ ฉันว่าสายตาของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย “เสร็จแล้วค่ะ” ฉันตอบเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับที่ฉันปิดแผลให้เขาเดี๋ยวนั้น เสร็จสักที... ใจหายจัง จะไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวอาจารย์อีกแล้วหรือนี่ ฉันหลุบตาต่ำ “พอดีเลย ฉันก็...หมดความอดทนแล้ว...พอ-ดี...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD