หนีออกจากบ้าน

1855 Words
คนป่าที่ 1 หนีออกจากบ้าน ตระกูลหยินแห่งซานตง หากเอ่ยคำนี้ในตลาด ชาวเมืองคงนึกออกเพียงหยินเดียว นั่นคือหยินที่เป็นเจ้าของอู่ต่อเรือ และเป็นตระกูลคหบดีอันดับหนึ่งในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นสายหลักสายรอง คนแซ่หยินล้วนครอบครองกิจการค้าขายต่างๆ หนึ่งในสามของแคว้น “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านไม่ไปมิได้หรือ?” ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างงดงาม ว่านลุ่ยหาได้สนใจคำถามสาวใช้คนสนิทไม่ นางยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของเครื่องใช้ อันไหนที่นำไปได้ก็ยัดใส่หีบ หวังจะหลบหนีออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปให้ไว “เจ้าไม่ต้องสนใจข้า หากท่านพ่อกลับมาก็ไม่มีโอกาสรอบสองแล้ว!” หยินว่านลุ่ยคิดว่าตนวางแผนดีแล้ว นางในตอนนี้อายุสิบเก้า ผัดผ่อนงานแต่งมาถึงสามปี ยามนี้ฝ่ายชายเร่งรัด หากผู้เป็นบิดากลับมาต้องจับนางขายให้คนตระกูลซ่งนั่นแน่ๆ “คุณหนู แล้วท่านจะให้ข้ารายงานนายท่านว่ายังไงเจ้าคะ หากไม่มีคำว่ากล่าวข้าคงถูกฟาดโบยแล้ว!” สาวใช้ตัวน้อยหลั่งน้ำตาสะอื้น กระซิก กระซิก คุณหนูของนางวางแผนจะหนีงานแต่ง อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงบุตรีเจ้าบ้าน หากแต่นางเป็นเพียงบ่าวไพร่ เมื่อนายใหญ่ของบ้านกลับมา ตนคงถูกโบยแล้วขายให้พ่อค้าทาสแน่ๆ “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น บอกแค่ว่าข้าตีเจ้าจนสลบ! มาหันหลังมา ข้าจะทุบท้ายทอยเจ้า!” ว่านลุ่ยเห็นสาวใช้ยังทำสีหน้างงงวย แต่นางไม่รอช้า จัดการคว้าแขนอีกฝ่ายกระชากหันหลัง จากนั้นหยิบเอาแจกันใบเล็กที่อยู่ใกล้มือ หวดใส่หลังศีรษะหญิงสาวเต็มแรง “เพล้ง! โอ้ย!” น่าเวทนาสาวใช้ตัวน้อย ไม่ทันได้ตั้งหลักก็ถูกนายสาวทุบตี รู้สึกราวฟ้าหมุนเคว้ง วิงเวียนศีรษะสุดท้ายก็สลบลงด้วยความไม่สมัครใจ “…” ท่าเทียบเรือสินค้าตระกูลหยิน หีบไม้ใบใหญ่ถูกบ่าวไพร่ร่างยักษ์ช่วยกันขนย้าย หญิงสาวยืนชี้นิ้วสั่งงานอย่างกระฉับกระเฉง โดยมีผู้ควบคุมเรือยืนหน้าซีดอยู่ด้านข้าง ร่ำร้องภายในใจว่าขอให้ท่านย่าของเค้าเปลี่ยนใจ อย่าได้เดินทางคุมเรือสินค้าด้วยตนเองเลย “คุณหนูใหญ่ ท่านไปด้วยออกจะไม่เหมาะนะขอรับ ชาวเรือเราถือว่าเป็นลางร้าย!” ต้นหนเรือที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกปากอ้อนวอนอีกครั้ง นักเดินทางข้ามสมุทรต่างถือสาเรื่องสตรีบนเรือ พวกเค้าต่างเชื่อว่าการมีหญิงสาวร่วมทางไปด้วยจะเกิดอาเพศ นำพาซึ่งหายนะจนทำให้เรืออับปางลง “ข้าหรือเจ้ากันแน่ที่เป็นนายบ่าว พวกเจ้าแค่ทำตามคำสั่งก็พอ เที่ยวนี้ท่านพ่อบอกว่าสำคัญมาก เลยให้ข้ามาคุมสินค้าด้วยตนเอง เอกสารคำสั่งก็ส่งให้แล้ว หรือพวกเจ้าไม่ได้อ่านกัน” ผู้บัญชาการเรือที่ยืนอยู่ข้างๆ ย่อมอ่านแล้ว เค้าเพียงแต่กระชากแขนต้นหนของตน ไม่ให้ต่อล้อต่อเถียงกับนางอีก เมื่อเป็นคำสั่งนายท่านใหญ่ แม้ไม่เต็มใจแต่พวกเค้าก็คงได้แต่ทำตาม *** เมืองหนันฝู “อะไรนะ! เจ้าลองพูดใหม่อีกครั้งซิ!” “หัวหน้าหวังใช้ผู้น้อยให้มาถามนายท่านว่า จะให้คุณหนูคุมเรือสินค้าเที่ยวนี้จริงๆ หรือขอรับ?” ภายในจุดพักม้าของตระกูลหยิน สองพ่อลูกแทบพ่นน้ำชาออกจากปาก พวกเค้าเพิ่งได้นั่งพักหลังเดินทางมาเหนื่อยๆ ผู้ดูแลกับบอกว่ามีบ่าวคนหนึ่งจากซานตงมารอพบ บอกว่ามีเรื่องสำคัญคิดถามไถ่ผู้เป็นนาย “เหลวไหล! ข้าไหนเลยเคยสั่งการเช่นนั้น เจ้ารีบกลับไปบอกหวังอี้เหออย่าเพิ่งออกเรือ รอข้ากลับไปจัดการนางตัวดีก่อน!” ไม่ต้องคิดอ่านมากความ นายท่านหยินก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เค้าสั่งการบุตรชายให้ล่วงหน้ากลับซานตง ยับยั้งไม่ให้นางเด็กเอาแต่ใจหนีงานแต่ง ส่วนตนเมื่อจัดการธุระทางนี้เสร็จจะรีบตามไป ผู้เป็นพ่อจัดม้าเร็วให้บุตรชายพร้อมกับนักบู้จำนวนหนึ่ง เค้าจะไม่ยอมให้บุตรีเล่นลูกไม้อีกแล้ว ม้าเร็วสิบกว่าตัวควบไปตามทางน้อยจนฝุ่นตลบ หยินอี้หานแต่เดิมตามใจน้องสาวมาโดยตลอด เค้าเมื่อได้รับคำสั่งบิดาก็เพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น ขณะเดินทางก็ยังหาเรื่องถ่วงเวลาไปเรื่อย หวังให้ผู้น้องออกเดินเรือก่อนตนจะไปถึง ช่วยส่งเสริมความตั้งใจของนางอีกแรง “…” *** สามวันต่อมา “ลุงหวัง ท่านไฉนไม่ออกเรือ คิดขัดคำสั่งหรือ!” สินค้าแพรพรรณและกระเบื้องเคลือบมากมายถูกขนใส่เรือจนเต็มลำตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว หวังอี้เหอถ่วงเวลาจนสุดความสามารถ ตอนนี้เค้าไม่มีเหตุผลอะไรมาเป็นข้ออ้างอีก ได้แต่ยอมรับชะตากรรมสั่งลูกเรือทั้งหมดเตรียมพร้อม ออกเรือเดินทางมุ่งหน้าสู่อินตู เรือเดินสมุทรขนสินค้าลำใหญ่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ภายใต้เรือโยงจำนวนสามลำ ไม่นานก็ออกจากท่าเทียบเรือเข้าสู่ร่องน้ำลึก คลองอวิ๋นเหอเชื่อมต่อออกทะเล ว่านลุ่ยเมื่อเห็นโกดังเก็บสินค้าไกลออกเป็นเรื่อยๆ นางต้องนึกชมเชยความเฉลียวฉลาดตนเอง คิดว่าไฉนตนหัวดีปานนี้ ดำเนินแผนการหลบหนีได้อย่างแนบเนียนอีกครั้ง “เหอ! เหอ! สวรรค์ หากส่งเรามาเกิดเป็นบุรุษ เราสมควรสามารถสร้างชื่อเสียงสะท้านแผ่นดินได้ไม่ยาก!” หยินว่านลุ่ยยืนอยู่ข้างกาบเรือ นางสวมชุดรัดกุมราวกับโจรสลัดแม่เสือสาว หว่างเอวสะพายดาบหัวตัด ศีรษะก็โพกผ้านักบู้ ไหนเลยมองออกว่าเป็นหญิงหรือชาย *** นับตั้งแต่รู้ความ นางก็ทราบแล้วว่าตนเองมีคู่หมั้น เพียงแต่เจ้าผู้นั้นไม่ถูกใจนางซักนิด ตอนเจอกันครั้งแรกเค้าก็พยายามแสดงออกว่าเป็นเจ้าของนาง ทั้งยังต้องการให้นางอ่อนน้อม อยู่เหย้าเฝ้าเรือน สั่งสอนนางว่าสตรีไม่สมควรทำการค้า ทั้งยังส่งหนังสือจริยะสตรีมาให้นางอ่านอีกด้วย ใช้แล้ว เจ้าหมอนั่นเป็นบัณฑิต บิดาต้องการให้นางแต่งออกไปกับตระกูลขุนนาง เค้ามอบเงินทองดูแลตระกูลสามีในอนาคตของนางมากมาย ทั้งยังยกกิจการค้าขายให้บางส่วน ตอนแต่งออกยังจะมอบสินเดิมก้อนโต ซึ่งนางเคยค้านหัวชนฝา แต่ท่านพ่อก็ไม่ยินยอมเปลี่ยนใจ ว่านลุ่ยไหนเลยยินยอม นางชอบทำการค้า ต่อให้ฟาดนางให้ตายก็ไม่ยอมรับเจ้าบัณฑิตนั่น สุดท้ายจึงวางแผนผัดผ่อนงานแต่งครั้งแล้วครั้งเล่า คฤหาสน์ตระกูลหยิน กลางวันแสกๆ ภายในห้องนอนอี้หาน บนเตียงนอนไม้หนันมู่หรูหรา สะใภ้ใหญ่หลั่งเหงื่อโทรมกายอยู่ใต้ร่างสามี นางถ่างสองขาออกจนกว้าง ข้อเท้าถูกฝ่ายชายจับแยกชูขึ้นฟ้าจนสูง เอวสอบก็ออกแรงกระแทกรัวเร็ว ราวกับตายอดตายอยากมาจากที่ใด “อ๊ะ! อ่า! ท่านพี่ ให้ว่านเอ๋อออกเรือไปเช่นนี้จะดีหรือ หากท่านพ่อรู้ว่าเรามีส่วนร่วม ข้าเกรงว่าพวกเราเองก็จะมีจุดจบไม่ดีซักเท่าไร!” สองเต้าอวบสั่นไหวตามแรงกระแทก สะใภ้ใหญ่จิกเล็บใส่ผ้าห่มเหนือศีรษะ นางทั้งครางทั้งเสียว แต่ปากก็ยังถามไถ่เรื่องราวสามีไปเรื่อย หยินอี้หานอดอยากมากจริงๆ เค้าพอกลับมาถึงบ้านก็กระชากตัวภรรยาขึ้นเตียง ระบายอารมณ์ที่อดกลั้นใส่เรือนร่างนางก่อน เรื่องวุ่นวายต่างๆ เอาไว้ควบขับสาวงามเสร็จแล้วค่อยว่ากันภายหลัง “พั่บ พั่บ พั่บ” “เจ้าไม่บอกข้าไม่บอกใครจะรู้! แต่ตอนนี้เจ้าอ้าปากก่อนเถอะ ข้าจะเสร็จอยู่แล้วเนี๊ย!” พี่ชายสุดวิเศษของว่านลุ่ยร่อนบั้นท้ายจนขาเตียงสั่นไหว ราวกับคันกั้นน้ำทะลัก ความจริงตนก็รำคาญปากจิ้มลิ้มของภรรยาอยู่แล้ว พอสัญญาณแห่งการพังทลายมาถึงจึงไม่รอช้า ชักแท่งลำออกด้วยความเร็ว โดดขึ้นมาคร่อมใบหน้าหญิงสาวไว้ บีบปากยัดแท่งเนื้อเข้าไปปลดปล่อยในนั้นเสียเลย “…” “อ็อก! อ็อก!” นางหยินซูซื่อผู้เป็นภรรยาดิ้นทุรนทุราย ลำคออัดแน่นไปด้วยลำเนื้อ สำลักครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำตาไหล ไม่เข้าใจไฉนสามีรุนแรงกับนางเช่นนี้ “แฮก! แฮก! เจ้าอย่าได้พูดให้เล็ดลอดออกไปว่าเรามีส่วนร่วม เพียงบอกท่านพ่อว่าข้ากลับมาไม่ทันก็พอแล้ว ที่เหลือก็โยนความผิดทั้งหมดให้นางไป หนึ่งปีให้หลังนางกลับมาเดี๋ยวท่านพ่อก็หายโกรธเอง!” เสียงหอบหายใจหนักหน่วงของคนทั้งสองดังยิ่งนัก หยินอี้หานมองสภาพอเนจอนาถของภรรยาก็รู้สึกสะใจอยู่บ้าง ยามนึกถึงตอนแย่งชิงตัวนางมาจากคู่หมั้น ยิ่งทำให้ทุกครั้งที่ได้รังแกนางบนเตียง ตนต้องรู้สึกฮึกเหิมมากกว่าเดิม *** หลายวันต่อมา ผ่านพ้นน่านน้ำทะเลต้าเว่ย หยินว่ายลุ่ยราวกับได้รับอิสระอย่างแท้จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางออกเรือไปทำการค้า แต่เป็นครั้งแรกที่ข้ามสมุทรไปยังแดนอินตู “คุณหนูใหญ่ ท่านเข้ามาด้านในเถอะขอรับ ลมทะเลจะทำให้ผิวกายท่านเสียหายได้!” เสียงเรียกจากลูกเรือชราผู้หนึ่ง คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนงานของบิดานาง ตอนเด็กว่านลุ่ยมักติดสอยห้อยตามท่านพ่อไปทั่ว ดังนั้นจึงรู้จักมักคุ้นกับคนทั้งหมด ยิ่งตอนที่มีอายุได้สิบสาม นางก็เริ่มขอท่านพ่อทำการค้า ไม่ว่าจะเป็นแพรไหมเครื่องเทศปรุงรส ล้วนเป็นนางเองที่มักจะออกหน้าไปคัดสรรเอาบนเรือ ว่านลุ่ยเริ่มติดต่อค้าขายตั้งแต่เด็ก ภายใต้เงินทุนสองหมื่นตำลึง เพียงปีเดียวนางทำให้เพิ่มเป็นห้าหมื่น อีกสองปีต่อมาจึงได้กำไลสิบเท่า นำเงินสองแสนตำลึงกลับไปคืนบิดาตนเอง ทั้งมารดาและพี่ชายนางยินดีอย่างมาก แต่ผู้เป็นพ่อไม่แสดงสีหน้าซักนิด เค้าเหมือนไม่พอใจที่นางมีหัวค้าขาย พออายุสิบหกก็ถูกสั่งห้าม ยึดเอาร้านค้าสิบกว่าร้านของนางคืนไป ปีนั้นนางร่ำไห้สุดเสียง เพียงแต่ไม่ได้ร้องให้กับเงินทองที่เสีย เป็นมารดาของนางจากไปกะทันหัน โดยที่แต่ละคนในบ้านไม่ทันได้ตั้งตัว สายลมทะเลตีใส่ใบหน้าหยินว่านลุ่ย หากแต่เส้นผมของนางไม่กระดิกซักนิด เพราะที่ศีรษะมีผ้าโพกผมพันเอาไว้ คิดอ่านวางแผนคาดการล่วงหน้า ว่าหากถึงอินตูแล้วจะทำเช่นไรถึงจะหาสามีที่ตนต้องตากลับมาด้วยได้ “…” ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD