สองขายาวก้าวออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า นัยน์ตาสีฟ้ากำลังมองหาคนที่บอกว่าจะมารับ แล้วสายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่ป้ายกระดาษแผ่นใหญ่ที่เขียนชื่อเขาเอาไว้อย่างเด่นชัด
...ขุนเขา...
“ท่านประธานครับ ทางนี้ครับ” ชายหนุ่มที่น่าจะอายุน้อยกว่าเขาโบกมือไปมาเพื่อส่งสัญญาณว่ารออยู่ตรงนี้
“ป้ายใหญ่ขนาดนั้น ไม่ต้องโบกมือก็ได้มั้ง” ขุนเขาพูดกับตัวเองเพียงเบา ๆ แล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางตรงมายังคนที่รออยู่
“สวัสดีครับท่านประธาน ผมชื่อณวัตนะครับ เรียกวัตเฉย ๆก็ได้ครับ คุณท่านบอกให้ผมมารับท่านประธานครับ”
ขุนเขามองดูชายหนุ่มที่โค้งหัวราวกับกำลังทำความเคารพ แล้วก็แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ คงเป็นลูกน้องสักคนที่พ่อเขาส่งมาให้เป็นผู้ช่วยนั่นแหละ
“คุณวัต เดี๋ยวไปส่งผมที่ร้านเพื่อนนะ ผมยังไม่อยากจะกลับคอนโดตอนนี้ ส่วนกระเป๋า คุณช่วยเอาไปเก็บที่คอนโดให้ผมหน่อย” เขาออกคำสั่งกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกัน และณวัตก็ก้มหัวรับอย่างแข็งขัน
นัยน์ตาสีฟ้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถตลอดเวลาที่กำลังเดินทางไปยังจุดหมายที่เขาต้องการ สิบปีแล้วที่เขาไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย สิบปีที่เขาใช้เวลาทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เมื่อรู้สึกว่าปล่อยวางและไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องพวกนั้นแล้ว เขาจึงเลือกที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
“ถึงแล้วครับท่านประธาน”
เสียงของลูกน้องทำให้ขุนเขาหันกลับมามองด้านหน้า ก็เห็นว่ารถมาจอดอยู่หน้าร้านเพื่อคุณ แล้วเรียบร้อย
“คุณวัตกลับได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมกลับเอง”
ขุนเขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เปิดประตูลงจากรถทันที สองขายาวรีบก้าวเข้าไปข้างในเพื่อทักทายกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งสิบปี
“โอ้โห้ ดูซิว่าวันนี้มีใครมาเยือนที่ร้าน”
เสียงของเคน เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันและเป็นเจ้าของที่นี่พูดขึ้นเมื่อเห็นขุนเขาเดินเข้ามาข้างใน นอกจากเพื่อนแล้ว ยังมีสายตาอีกหลายสิบคู่ทั้งของลูกค้าและพนักงานมองมาทางเขาเช่นกัน
มันก็ไม่แปลกหรอกที่คนจะมอง เพราะรูปร่างและหน้าตาของเขามันโดดเด่นขนาดนี้ ชายหนุ่มวัย 35 ปี รูปร่างสูงกำยำ ผมสีทองและมีนัยน์ตาสีฟ้า หน้าตาก็เรียกได้ว่าหล่อเหลาเข้าขั้นเทียบดาราดังได้สบาย ใครเห็นก็ต้องมองเป็นธรรมดา
“นี่ฉันลงจากเครื่องมาก็มาหาแกเลยนะ”ขุนเขาพูดขึ้นพร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์
“เป็นเกียรติมากครับท่านประธาน ว่าแต่อยากดื่มอะไร”
“ขอเป็นออนเดอะร็อคสักแก้วก็พอ”
“งั้นก็รอเดี๋ยว”
เคน เข้าไปในบาร์แล้วก็ลงมือจัดเครื่องดื่มตามที่เพื่อนต้องการ ระหว่างที่รอ ขุนเขามองดูรอบ ๆ ร้าน ที่นี่เป็นบาร์โฮสที่มีลูกค้าเยอะมาก เรียกได้ว่าแทบจะเต็มทุกโต๊ะ
มีตั้งแต่สาวใหญ่ สาวแท้ ไม่แท้ พร้อมชายหนุ่มที่หน้าตาดีคอยบริการดูแลอยู่ข้างกาย จนสายตาของเขาไปสะดุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง เธอดูเด็กมาก นั่งอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีพนักงานคอยดูแล
“กิจการดีเลยนี่หว่า ฉันไม่คิดว่าแกจะมาเปิดบาร์โฮส”
“ก็แฟนฉันอยากเปิดนี่หว่า แต่ก็ไม่เลวใช่มั้ยล่ะ กิจการไปได้สวยเลยทีเดียว”
ขุนเขายังมองดูรอบ ๆ ร้านอย่างสนใจ ที่นี่ออกแบบและตกแต่งได้สวยสะดุดตา ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด มันก็ไม่แปลกที่ลูกค้าจะชอบมาที่นี่
“บาร์โฮสนี่ทำเงินดีหรือเปล่าวะ” เขายังถามต่ออย่างสนใจ คงเพราะไม่ได้อยู่ประเทศไทยนาน ทุกอย่างเลยยังไม่คุ้นเท่าไหร่
“ดีมากเลยล่ะ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเป็นสายเปย์กันเยอะ จ่ายหนักกว่าพวกผู้ชายอีก”
“เด็กขนาดนั้นก็มาเที่ยวที่แบบนี้ด้วยเหรอวะ”
เคนหันไปมองตามที่ขุนเขาบอก แล้วก็เห็นผู้หญิงที่เพื่อนพูดถึง
“อ๋อ นั่นน่ะคุณมีนตรา เป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน แล้วร้านของฉันก็ได้คุณมีนนี่แหละออกแบบให้ ส่วนเรื่องที่มาเที่ยว เธอไม่ได้มาเที่ยวหรอก พอดีอกหัก ไม่รู้จะไปไหนก็เลยมานั่งดื่มที่นี่ก็แค่นั้น”
เคนอธิบายสิ่งที่เพื่อนอยากรู้ให้ฟังอย่างละเอียด เมื่อหลายวันก่อน มีนตราเข้ามาที่ร้านแล้วก็สั่งเหล้าชุดใหญ่ พอเมาได้ที่นั่งก็ร้องไห้โฮไม่หยุด เพราะสนิทกันอยู่บ้างจากตอนมาออกแบบร้าน เธอเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“ยังเด็กอยู่เลยแท้ ๆ มานั่งฟูมฟายกับเรื่องแบบนี้แล้วเหรอวะ” ขุนเขาพูดต่อแล้วก็ยกแก้วเครื่องดื่มเข้าปาก
“ทำเป็นว่าเธอ แกเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอไอ้ขุน ที่ต้องหนีจากเมืองไทยไปตั้งสิบปี ก็ไม่ใช่เพราะว่าอกหักหรือไง”
คำพูดของเพื่อนเหมือนไปสะกิดสิ่งที่อยู่ภายในใจ ก็จริง เพราะเขาอกหักจากเทียนไข จึงต้องหนีไปอยู่อเมริกาตั้งสิบปี กว่าจะกลับมาเป็นปกติเหมือนทุกวันนี้
“คุณเคนขา คนนี้เด็กใหม่เหรอคะ หล่อจังเลย”
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ เสียงยาน ๆ ของคนเมาก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เมื่อหันกลับไปดูก็เห็นเป็นหญิงสาวที่กำลังพูดถึง
“ไม่ใช่ครับคุณมีน คนนี้เพื่อนผมครับ” เคนรีบตอบปฏิเสธทันที แต่มีนตราก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างขุนเขาแล้วเรียบร้อย
“แอ๊ะ คุณเคนไม่ต้องมาโกหกมีนนะคะ นี่กะจะเรียกค่าตัวเพิ่มเหรอเนี่ย”
นิ้วเรียวจิ้มลงไปยังต้นแขนของชายหนุ่มที่เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ดวงตาคู่สวยหวานฉ่ำเยิ้มเพราะความเมากำลังมองดูเขา พร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“ไม่ใช่จริง ๆ ครับคุณมีน คนนี้เป็นเพื่อนผมครับ”
เคนยังคงปฏิเสธ แต่คนที่กำลังเมานั้นไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ดวงตาคู่สวยยังมองชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองตรงหน้า ก่อนที่เธอจะพูดขึ้น
“อยากได้กี่ดื่ม”
“ฮะ?”
ขุนเขาขานรับด้วยความงุนงง ดูท่าผู้หญิงคนนี้คงจะเมามากจนไม่รับรู้ว่าเพื่อนเขาบอกว่าอะไร
“ถามว่าอยากได้กี่ดื่ม บอกมาเร็ว ๆ สิ เดี๋ยวเจ๊เลี้ยงเอง หล่อ ถูกใจ”
คราวนี้นิ้วเรียวจิ้มไปยังแผงตกใต้เสื้อเชิ้ตสีดำหลายครั้ง จนขุนเขาต้องจับมือเธอเอาไว้
“คุณครับ ถ้าเมามากแล้วก็กลับไปนอนเถอะครับ ผมไม่ใช่พนักงานที่นี่”
“แน๊...กะจะอัพค่าตัวเหรอเราน่ะ”
แม้ว่าจะปฏิเสธด้วยตัวเองแล้วก็ตาม แต่มีนตราก็ไม่ได้สนใจจะฟัง แถมยังหันไปสั่งเครื่องดื่มในบาร์อีกต่างหาก
“ห้าสิบดื่มสำหรับสุดหล่อคนนี้ค่ะคุณเคน”
“คุณ ผมบอกว่าผมไม่ใช่” ขุนเขารีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“งั้นเพิ่มเป็นร้อยดื่ม เขียนบิลเลยค่าคุณเคน”
มีนตราไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น ส่วนเคนที่อยู่ในบาร์ได้แต่หัวเราะไม่หยุด ที่จู่ ๆ เพื่อนของเขาที่เป็นถึงประธานบริษัทตอนนี้กลายเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ในบาร์โฮสไปเรียบร้อยแล้ว
“ร้อยดื่มนะครับ เดี๋ยวผมเขียนให้ครับ” เคนหันมาพูดกับมีนตราแล้วก็หันกลับไปเขียนบิลต่อ
“ไอ้เคน หยุดเลยนะ” ขุนเขาเองก็รีบห้ามเพื่อนพัลวัน
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่พูดไปแบบนั้นแหละ แกว่าคุณมีนเธอจะจำได้เหรอว่าได้จ่ายหรือยัง เมาขนาดนี้แล้ว”
เคนกระซิบลงข้างใบหูเพื่อนเบา ๆ แค่พอได้ยินกันสองคน ส่วนคนเมาก็ยังนั่งจ้องหน้าขุนเขาไม่ละสายตา
“ถูกใจจังเลย ชื่ออะไรน่ะเรา”
“มันชื่อขุนเขาครับคุณมีน”
ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปาก เพื่อนตัวดีก็ชิงตอบให้ก่อนแล้ว ขุนเขาจำใจต้องนั่งดื่มเป็นเพื่อนมีนตราอย่างเสียไม่ได้ อีกอย่างก็เพราะเพื่อนขอให้ดื่มเป็นเพื่อนเธอหน่อย เพราะเห็นว่ามีนตราร้องไห้เสียใจมาหลายวันแล้ว เพิ่งจะเห็นยิ้มได้ตอนเจอหน้าขุนเขานี่แหละ
สงสัยจะถูกใจจริง ๆ
“ไอ้เคน จะเอาไงต่อวะ” ขุนเขาถามขึ้นทันทีที่เพื่อนเดินกลับมาที่บาร์ เพราะหญิงสาวที่พูดไม่หยุดเมื่อกี้ ตอนนี้ได้เมาหลับไปแล้วเรียบร้อย
“ยุ่งแล้วไง ฉันก็ไม่ว่างจะไปส่งด้วย แกว่างมั้ยวะ”
“ฉัน?”
ขุนเขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับทำหน้างุนงง มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปส่งผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แถมยังมาหาว่าเป็นเด็กบาร์โฮสอีก
“เออ แกนั่นแหละ ไหน ๆ ก็เพิ่งกลับมาเมืองไทย ไปขับรถให้ชินทางไว้มั่งก็ดี” เพื่อนตัวดียังคงยัดเยียดหน้าที่สารถีพาคนเมากลับบ้านให้กับเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“ทำไมต้องเป็นฉัน” คนมีตั้งเยอะแยะ เรียกแท็กซี่ให้ก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องให้เขาไปส่ง “เรียกแท็กซี่ดิ”
เคนถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนที่จะพูดประโยคต่อไป และนั่นก็ทำให้ขุนเขาปฏิเสธไม่ได้
“แกคิดว่าผู้หญิงที่สวยขนาดคุณมีน แล้วก็เมาขนาดนี้ ให้นั่งแท็กซี่กลับคนเดียว มันจะปลอดภัยเหรอวะ” สิ่งที่เคนพูดมันทำให้เขานึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเทียนไข
“แล้วฉันต้องไปส่งยัยเด็กนี่ที่ไหน” ยังไงคงปฏิเสธไม่ได้แล้ว อีกอย่างก็ไม่อยากเห็นพาดหัวข่าวหญิงสาวถูกแท็กซี่ลากไปข่มขืน
“คอนโดวีเค ห้อง 1102”
“แล้วแกรู้ที่อยู่ได้ไง”
“ฉันกับจัสเคยไปส่งตอนที่เลี้ยงขอบคุณหลังจากตกแต่งร้านเสร็จน่ะ”
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย เคนก็เรียกพนักงานมาช่วยอุ้มมีนตรามายังรถของเธอที่จอดอยู่ด้านหน้า ขุนเขายัดตัวเองเข้ามานั่งตำแหน่งคนขับด้วยความรู้สึกเซ็ง เพิ่งกลับมาถึงแท้ ๆ แต่ดันต้องมาช่วยเพื่อนไปส่งยัยเด็กที่เมาจนหัวราน้ำเพราะอกหักเสียได้
ทำไมมันถึงได้ซวยขนาดนี้...เขาคิดในใจ
///////////////////////////////////////////////////////