ตอนที่ 5 พูดไม่รู้เรื่องเหรอครับ

1655 Words
“คุณมีนอยากทานอะไรสั่งได้เลยนะครับ” ขุนเขาเอ่ยบอกในขณะที่สายตายังมองอยู่ที่เมนูอาหาร “ค่ะ” มีนตรายังคงตอบรับสั้น ๆ เช่นเคย ดวงตาคู่สวยอ่านเมนูที่อยู่ในมือไม่นานก็หันไปสั่งอาหารกับพนักงาน ทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ปกติเธอเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่พอเกิดเหตุการณ์เมื่อกี้ ก็ยิ่งทำให้เธอเงียบมากขึ้นไปอีก “คุณมีนไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ” “คะ มีนดูไม่ค่อยสบายเหรอคะ” เป็นเพราะเอาแต่คิดเรื่องของพิภพ ทำให้มีนตราไม่มีสมาธิกับอาหารตรงหน้าเท่าที่ควร และแน่นอนว่าขุนเขาเองก็สังเกตเห็น อีกทั้งยังพอเดาได้ว่า ผู้ชายคนเมื่อกี้คงเป็นแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกรากันไป จนทำให้เธอไปนั่งดื่มเหล้าจนเมาที่บาร์โฮส “ถ้าคุณมีนไม่สบายใจ เราเปลี่ยนไปกินร้านอื่นดีมั้ยครับ” “ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ มีนโอเคค่ะ” มีนตรารีบยกมือส่ายปฏิเสธพัลวัน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ไม่สมควรที่จะต้องให้เขามาลำบากย้ายร้านอาหาร “ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนเก่าเหรอครับ” เพราะขุนเขาจองโต๊ะโซนพิเศษไว้ ทำให้บริเวณนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่น เขาจึงกล้าถาม “ค่ะ เราเพิ่งเลิกกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนที่มีนจะเจอคุณค่ะ” มีนตราเองก็ตอบออกมาตามตรง ที่จริงเธอไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังเท่าไหร่ ยกเว้นมีนาที่เป็นเพื่อนสนิท แต่กับขุนเขาเธอกลับรู้สึกสบายใจเมื่อได้พูดออกมาให้เขาฟัง “ผมขอถามเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดเมื่อกี้ ได้มั้ยครับ” ขุนเขาวางช้อนกับส้อมลง แล้วเงยหน้ามองเธอ พร้อมกับเอ่ยขออนุญาตถามเรื่องที่เกิดขึ้น “เรื่องไหนเหรอคะ” “ก็เรื่องที่ว่า คุณมีนเป็นโรคกลัวผู้ชาย” หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามที่ได้ยิน ช้อนกับส้อมถูกวางลงบนจาน มือเล็กถูกันไปมาราวกับว่าเธอกำลังวิตกกังวลอะไรสักอย่าง “เอ่อ คือว่า เรื่องนั้น...” “สวัสดีครับคุณขุนเขา” แต่ยังไม่ได้พูดอะไรเป็นประโยค ก็มีเสียงผู้ชายเอ่ยทักทายขุนเขา เมื่อหันไปดูก็เห็นเป็นพิภพที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะเท่าไหร่นัก พร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่มเจ้าของผมสีทอง ทำอย่างกับเมื่อกี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น “มีธุระอะไร” ขุนเขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นคนที่เกือบจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน จะเข้ามาเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรอย่างนี้ทำไม และยิ่งไปกว่านั้น อาการของมีนตราดูไม่ดีเอาเสียเลย หัวไหล่มนสั่นไหวจนสังเกตได้ เหมือนกับเธอกำลังกลัวพิภพ “ผมชื่อพิภพครับ เป็นเจ้าของบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน ผมทราบมาว่าคุณขุนเขาเป็นประธานของ KK กรุ๊ป บางทีเราอาจจะได้ตกลงทำธุรกิจร่วมกันนะครับ” พิภพเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองอย่างไม่อ้อมค้อม เขาเป็นเจ้าของบริษัท แต่ก่อนก็เคยชวนมีนตรามาทำงานด้วย แต่เพราะโรคกลัวผู้ชายแปลกหน้า ทำให้เธอเอ่ยปฏิเสธ “ขอโทษนะครับ แต่พอดีผมไม่ต้องการทำงานร่วมกับคุณ” ขุนเขาเอ่ยปฏิเสธทันทีที่พิภพพูดจบ หนำซ้ำ ยังไม่หันไปมองหน้าคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย มันเป็นการไม่ให้เกียรติ และเขาเองก็รู้ดีถึงได้ทำแบบนี้ “คะ คุณขุนเขาครับ ก่อนที่จะปฏิเสธ ผมว่าเราหาเวลามานั่งคุยรายละเอียดกันก่อนดีมั้ยครับ ผมมีข้อเสนอดี ๆ นะครับ แถมพนักงานของผมแต่ละคนก็มีความสามารถในด้านนี้โดยเฉพาะเลยนะครับ” ปึง! ยังไม่ทันที่พิภพจะพูดจบดี ฝ่ามือหนาก็ฟาดลงกับโต๊ะเสียงดังจนคนที่กำลังยืนพูดอยู่สะดุ้ง แม้แต่มีนตราเองก็เช่นกัน “นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องเหรอครับ ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่” ขุนเขาปฏิเสธหนักแน่นเป็นรอบที่สอง สีหน้าแสดงออกชัดถึงความไม่พอใจ นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองเขม็ง “คุณมีนอิ่มหรือยังครับ ถ้าอิ่มแล้วกลับกันเถอะครับ ผมว่าที่นี่บรรยากาศเริ่มไม่ดีสักเท่าไหร่” พอหันกลับมาพูดกับมีนตรา น้ำเสียงแข็งกระด้างเมื่อกี้ก็อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “ค่ะ มีนอิ่มแล้วค่ะ” มีนตรารีบตอบกลับทันที่ เธอเองก็กระอักกระอ่วนใจเกินกว่าที่จะนั่งอยู่ในร้านได้นานกว่านี้ ถ้ายังต้องให้มานั่งฟังพิภพพูดอยู่ใกล้ ๆ ความรู้สึกไม่ดีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ “หลีกทางด้วยครับ” ขุนเขาหันไปหาพิภพที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ คล้ายกำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ไปกันเถอะครับ” วงแขนแกร่งโอบเอวบางไว้พอหลวม ๆ แล้วพาเธอเดินออกจากร้าน ///// “ไม่คิดว่าคุณขุนจะดุขนาดนี้นะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันทีที่เข้ามานั่งในรถเรียบร้อย สีหน้าของเธอดูดีกว่าตอนอยู่ในร้านมาก แถมคำที่พูดออกมาคล้ายจะมีเสียงหัวเราะปนอยู่ในที “ทำไมเหรอครับ ผมว่าผมก็ปกตินะ” “อาจจะเพราะมีนเพิ่งรู้จักคุณมั้งคะ ปกติเห็นแต่คุณพูดคำสุภาพตลอด ก็เลยไม่คิดว่าจะดุขนาดนี้ค่ะ” พอพูดเสร็จ เธอก็ยังเปล่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ออกมาตามหลังอีกด้วย ดูท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว “แล้วอยากรู้จักผมมากกว่านี้หรือเปล่าครับ” คำถามของเขาทำเอามีนตราหันมามองทันควัน และเธอก็เห็นว่าขุนเขากำลังจ้องหน้าเธออยู่ ริมฝีปากหยักโค้งขึ้นเล็กน้อย ทำให้เกิดเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ บวกกับนัยน์ตาสีฟ้าที่น่าหลงใหล มันทำให้เธอเผลอมองเขานิ่งราวกับถูกมนต์สะกด “คุณมีน ทำไมนิ่งไปล่ะครับ” “คะ เมื่อกี้คุณขุนว่ายังไงนะคะ” เพราะมัวแต่มองใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาเพลิน ทำให้เธอลืมไปแล้วว่าคุยกันถึงตรงไหน “ถึงตรงที่ผมถามว่า อยากรู้จักผมมากกว่านี้หรือเปล่า” “คือ เรื่องนั้น...” มีนตรากำลังนึกคำที่จะพูดกับเขา จะบอกว่าไม่อยากรู้จักก็คงไม่ใช่ ผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจและไม่หวาดกลัวเวลาที่อยู่ใกล้มันหาง่ายเสียที่ไหน “เพราะเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดเหรอครับ เลยทำให้คุณมีนกลัวผม” “ถ้าคุณขุนหมายถึงเรื่องโรคกลัวผู้ชาย ไม่ใช่หรอกค่ะ มีนไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเวลาอยู่ใกล้คุณ” มีนตราตอบออกไปตามตรง และนั่นก็ทำให้ขุนเขาที่กำลังขับรถอยู่หันมามองหน้าเธอ ดวงตาคู่สวยก้มมองมือเล็กที่กำสายกระเป๋าเอาไว้แน่น ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างอยากจะพูดออกมา “ถ้าไม่สบายใจ พูดกับผมได้นะครับคุณมีน” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงทุ้มแต่ฟังดูนุ่มละมุนหรือเปล่า ที่ทำให้มีนตรารู้สึกว่าสบายใจขึ้นมาก “จริง ๆ เรื่องมันเกิดตอนมีนอายุสิบขวบค่ะ มันมีเรื่องที่กระทบจิตใจมาก ๆ เลยทำให้มีนเป็นโรคกลัวผู้ชายแปลกหน้ามาจนถึงตอนนี้” น้ำเสียงแผ่วเบาที่พูดออกมา คล้ายกำลังระบายความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจ “ที่จริงก็ผ่านมาตั้งสิบสี่ปีแล้ว แต่พอนึกถึงเรื่องนั้นทีไรก็จะทำให้มีนรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกค่ะ อย่างกับคุณแล้วก็เพื่อนผู้ชายบางคน มีนก็ไม่ได้กลัว” ตอบเสร็จมีนตราก็หันมามองหน้าของคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับบนใบหน้าสวย ทำให้ขุนเขาที่มองเธออยู่เกิดความรู้สึกประหลาดในหัวใจ มันคล้ายกับความรู้สึกที่เขาเจอเทียนไขครั้งแรก “ถ้าผมพอช่วยอะไรได้ก็บอกนะครับ ผมยินดี” เขาพูดออกไปโดยที่ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ ราวกับว่าความรู้สึกของเขามันสั่งให้พูดออกมา หรือเพราะดวงตาเศร้า ๆ ของเธอที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกหวั่นไหว อยากจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา “ช่วยจ้างงานมีนเยอะ ๆ ก็พอค่ะ” ดูเหมือนเธอจะสบายใจขึ้นแล้วจริง ๆ เพราะขณะที่พูด เสียงใสก็หัวเราะไปด้วย “แต่ผมว่า ผมมีเรื่องที่จำเป็นต้องช่วยคุณมีนอยู่นะครับ” “คะ เรื่องที่จำเป็นเหรอคะ” จู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็ดูร่าเริงขึ้น เหมือนคนที่กำลังจะได้ทำอะไรสนุก ๆ “ครับ ก็เรื่องที่คุณมีนขอให้ผมสอนให้ไงครับ” “สอน?” มีนตราทวนคำด้วยความงุนงง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยบอกให้เขาสอนอะไรให้ นอกจากเรื่องงานและเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ มากกว่านั้นก็ไม่มีเรื่องอื่นอีกแล้ว “ก็วันที่ผมไปส่งคุณที่ห้อง คุณมีนขอร้องให้ผมสอนเรื่องหนึ่งให้” คราวนี้นัยน์ตาสีฟ้าดูแพรวพราวขึ้นจนน่าประหลาดใจ “มีนให้คุณสอนเรื่องอะไรคะ” ก็คืนนั้นเธอเมา ใครจะไปจำได้กันว่าพูดอะไรไปบ้าง “เอาไว้ถึงเวลาแล้วผมจะบอกครับ” ///////////////////////////////////////////////////////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD