“คุณมีนอยากทานอะไรสั่งได้เลยนะครับ” ขุนเขาเอ่ยบอกในขณะที่สายตายังมองอยู่ที่เมนูอาหาร
“ค่ะ”
มีนตรายังคงตอบรับสั้น ๆ เช่นเคย ดวงตาคู่สวยอ่านเมนูที่อยู่ในมือไม่นานก็หันไปสั่งอาหารกับพนักงาน ทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ปกติเธอเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่พอเกิดเหตุการณ์เมื่อกี้ ก็ยิ่งทำให้เธอเงียบมากขึ้นไปอีก
“คุณมีนไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ”
“คะ มีนดูไม่ค่อยสบายเหรอคะ”
เป็นเพราะเอาแต่คิดเรื่องของพิภพ ทำให้มีนตราไม่มีสมาธิกับอาหารตรงหน้าเท่าที่ควร และแน่นอนว่าขุนเขาเองก็สังเกตเห็น อีกทั้งยังพอเดาได้ว่า ผู้ชายคนเมื่อกี้คงเป็นแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกรากันไป จนทำให้เธอไปนั่งดื่มเหล้าจนเมาที่บาร์โฮส
“ถ้าคุณมีนไม่สบายใจ เราเปลี่ยนไปกินร้านอื่นดีมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ มีนโอเคค่ะ”
มีนตรารีบยกมือส่ายปฏิเสธพัลวัน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ไม่สมควรที่จะต้องให้เขามาลำบากย้ายร้านอาหาร
“ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนเก่าเหรอครับ” เพราะขุนเขาจองโต๊ะโซนพิเศษไว้ ทำให้บริเวณนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่น เขาจึงกล้าถาม
“ค่ะ เราเพิ่งเลิกกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนที่มีนจะเจอคุณค่ะ” มีนตราเองก็ตอบออกมาตามตรง ที่จริงเธอไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังเท่าไหร่ ยกเว้นมีนาที่เป็นเพื่อนสนิท แต่กับขุนเขาเธอกลับรู้สึกสบายใจเมื่อได้พูดออกมาให้เขาฟัง
“ผมขอถามเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดเมื่อกี้ ได้มั้ยครับ” ขุนเขาวางช้อนกับส้อมลง แล้วเงยหน้ามองเธอ พร้อมกับเอ่ยขออนุญาตถามเรื่องที่เกิดขึ้น
“เรื่องไหนเหรอคะ”
“ก็เรื่องที่ว่า คุณมีนเป็นโรคกลัวผู้ชาย”
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามที่ได้ยิน ช้อนกับส้อมถูกวางลงบนจาน มือเล็กถูกันไปมาราวกับว่าเธอกำลังวิตกกังวลอะไรสักอย่าง
“เอ่อ คือว่า เรื่องนั้น...”
“สวัสดีครับคุณขุนเขา”
แต่ยังไม่ได้พูดอะไรเป็นประโยค ก็มีเสียงผู้ชายเอ่ยทักทายขุนเขา เมื่อหันไปดูก็เห็นเป็นพิภพที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะเท่าไหร่นัก พร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่มเจ้าของผมสีทอง ทำอย่างกับเมื่อกี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
“มีธุระอะไร”
ขุนเขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นคนที่เกือบจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน จะเข้ามาเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรอย่างนี้ทำไม
และยิ่งไปกว่านั้น อาการของมีนตราดูไม่ดีเอาเสียเลย หัวไหล่มนสั่นไหวจนสังเกตได้ เหมือนกับเธอกำลังกลัวพิภพ
“ผมชื่อพิภพครับ เป็นเจ้าของบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน ผมทราบมาว่าคุณขุนเขาเป็นประธานของ KK กรุ๊ป บางทีเราอาจจะได้ตกลงทำธุรกิจร่วมกันนะครับ”
พิภพเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองอย่างไม่อ้อมค้อม เขาเป็นเจ้าของบริษัท แต่ก่อนก็เคยชวนมีนตรามาทำงานด้วย แต่เพราะโรคกลัวผู้ชายแปลกหน้า ทำให้เธอเอ่ยปฏิเสธ
“ขอโทษนะครับ แต่พอดีผมไม่ต้องการทำงานร่วมกับคุณ” ขุนเขาเอ่ยปฏิเสธทันทีที่พิภพพูดจบ หนำซ้ำ ยังไม่หันไปมองหน้าคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย
มันเป็นการไม่ให้เกียรติ และเขาเองก็รู้ดีถึงได้ทำแบบนี้
“คะ คุณขุนเขาครับ ก่อนที่จะปฏิเสธ ผมว่าเราหาเวลามานั่งคุยรายละเอียดกันก่อนดีมั้ยครับ ผมมีข้อเสนอดี ๆ นะครับ แถมพนักงานของผมแต่ละคนก็มีความสามารถในด้านนี้โดยเฉพาะเลยนะครับ”
ปึง!
ยังไม่ทันที่พิภพจะพูดจบดี ฝ่ามือหนาก็ฟาดลงกับโต๊ะเสียงดังจนคนที่กำลังยืนพูดอยู่สะดุ้ง แม้แต่มีนตราเองก็เช่นกัน
“นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องเหรอครับ ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่”
ขุนเขาปฏิเสธหนักแน่นเป็นรอบที่สอง สีหน้าแสดงออกชัดถึงความไม่พอใจ นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองเขม็ง
“คุณมีนอิ่มหรือยังครับ ถ้าอิ่มแล้วกลับกันเถอะครับ ผมว่าที่นี่บรรยากาศเริ่มไม่ดีสักเท่าไหร่”
พอหันกลับมาพูดกับมีนตรา น้ำเสียงแข็งกระด้างเมื่อกี้ก็อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะ มีนอิ่มแล้วค่ะ”
มีนตรารีบตอบกลับทันที่ เธอเองก็กระอักกระอ่วนใจเกินกว่าที่จะนั่งอยู่ในร้านได้นานกว่านี้ ถ้ายังต้องให้มานั่งฟังพิภพพูดอยู่ใกล้ ๆ ความรู้สึกไม่ดีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“หลีกทางด้วยครับ” ขุนเขาหันไปหาพิภพที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ คล้ายกำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไปกันเถอะครับ” วงแขนแกร่งโอบเอวบางไว้พอหลวม ๆ แล้วพาเธอเดินออกจากร้าน
/////
“ไม่คิดว่าคุณขุนจะดุขนาดนี้นะคะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันทีที่เข้ามานั่งในรถเรียบร้อย สีหน้าของเธอดูดีกว่าตอนอยู่ในร้านมาก แถมคำที่พูดออกมาคล้ายจะมีเสียงหัวเราะปนอยู่ในที
“ทำไมเหรอครับ ผมว่าผมก็ปกตินะ”
“อาจจะเพราะมีนเพิ่งรู้จักคุณมั้งคะ ปกติเห็นแต่คุณพูดคำสุภาพตลอด ก็เลยไม่คิดว่าจะดุขนาดนี้ค่ะ”
พอพูดเสร็จ เธอก็ยังเปล่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ออกมาตามหลังอีกด้วย ดูท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“แล้วอยากรู้จักผมมากกว่านี้หรือเปล่าครับ”
คำถามของเขาทำเอามีนตราหันมามองทันควัน และเธอก็เห็นว่าขุนเขากำลังจ้องหน้าเธออยู่ ริมฝีปากหยักโค้งขึ้นเล็กน้อย ทำให้เกิดเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ บวกกับนัยน์ตาสีฟ้าที่น่าหลงใหล มันทำให้เธอเผลอมองเขานิ่งราวกับถูกมนต์สะกด
“คุณมีน ทำไมนิ่งไปล่ะครับ”
“คะ เมื่อกี้คุณขุนว่ายังไงนะคะ”
เพราะมัวแต่มองใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาเพลิน ทำให้เธอลืมไปแล้วว่าคุยกันถึงตรงไหน
“ถึงตรงที่ผมถามว่า อยากรู้จักผมมากกว่านี้หรือเปล่า”
“คือ เรื่องนั้น...”
มีนตรากำลังนึกคำที่จะพูดกับเขา จะบอกว่าไม่อยากรู้จักก็คงไม่ใช่ ผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจและไม่หวาดกลัวเวลาที่อยู่ใกล้มันหาง่ายเสียที่ไหน
“เพราะเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดเหรอครับ เลยทำให้คุณมีนกลัวผม”
“ถ้าคุณขุนหมายถึงเรื่องโรคกลัวผู้ชาย ไม่ใช่หรอกค่ะ มีนไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเวลาอยู่ใกล้คุณ”
มีนตราตอบออกไปตามตรง และนั่นก็ทำให้ขุนเขาที่กำลังขับรถอยู่หันมามองหน้าเธอ ดวงตาคู่สวยก้มมองมือเล็กที่กำสายกระเป๋าเอาไว้แน่น ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างอยากจะพูดออกมา
“ถ้าไม่สบายใจ พูดกับผมได้นะครับคุณมีน”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงทุ้มแต่ฟังดูนุ่มละมุนหรือเปล่า ที่ทำให้มีนตรารู้สึกว่าสบายใจขึ้นมาก
“จริง ๆ เรื่องมันเกิดตอนมีนอายุสิบขวบค่ะ มันมีเรื่องที่กระทบจิตใจมาก ๆ เลยทำให้มีนเป็นโรคกลัวผู้ชายแปลกหน้ามาจนถึงตอนนี้”
น้ำเสียงแผ่วเบาที่พูดออกมา คล้ายกำลังระบายความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจ
“ที่จริงก็ผ่านมาตั้งสิบสี่ปีแล้ว แต่พอนึกถึงเรื่องนั้นทีไรก็จะทำให้มีนรู้สึกกลัวขึ้นมา แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกค่ะ อย่างกับคุณแล้วก็เพื่อนผู้ชายบางคน มีนก็ไม่ได้กลัว”
ตอบเสร็จมีนตราก็หันมามองหน้าของคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับบนใบหน้าสวย ทำให้ขุนเขาที่มองเธออยู่เกิดความรู้สึกประหลาดในหัวใจ มันคล้ายกับความรู้สึกที่เขาเจอเทียนไขครั้งแรก
“ถ้าผมพอช่วยอะไรได้ก็บอกนะครับ ผมยินดี”
เขาพูดออกไปโดยที่ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ ราวกับว่าความรู้สึกของเขามันสั่งให้พูดออกมา หรือเพราะดวงตาเศร้า ๆ ของเธอที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกหวั่นไหว อยากจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา
“ช่วยจ้างงานมีนเยอะ ๆ ก็พอค่ะ”
ดูเหมือนเธอจะสบายใจขึ้นแล้วจริง ๆ เพราะขณะที่พูด เสียงใสก็หัวเราะไปด้วย
“แต่ผมว่า ผมมีเรื่องที่จำเป็นต้องช่วยคุณมีนอยู่นะครับ”
“คะ เรื่องที่จำเป็นเหรอคะ”
จู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็ดูร่าเริงขึ้น เหมือนคนที่กำลังจะได้ทำอะไรสนุก ๆ
“ครับ ก็เรื่องที่คุณมีนขอให้ผมสอนให้ไงครับ”
“สอน?”
มีนตราทวนคำด้วยความงุนงง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยบอกให้เขาสอนอะไรให้ นอกจากเรื่องงานและเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ มากกว่านั้นก็ไม่มีเรื่องอื่นอีกแล้ว
“ก็วันที่ผมไปส่งคุณที่ห้อง คุณมีนขอร้องให้ผมสอนเรื่องหนึ่งให้” คราวนี้นัยน์ตาสีฟ้าดูแพรวพราวขึ้นจนน่าประหลาดใจ
“มีนให้คุณสอนเรื่องอะไรคะ” ก็คืนนั้นเธอเมา ใครจะไปจำได้กันว่าพูดอะไรไปบ้าง
“เอาไว้ถึงเวลาแล้วผมจะบอกครับ”
///////////////////////////////////////////////////////