บทที่ 4 อารมณ์

3862 Words
                                                                 อารมณ์ร้อน อารมณ์รัก อารมณ์ร้าย                                                                  อารมณ์ใคร่ อารมณ์หวาม อารมณ์เสน่หา                                                                  อารมณ์หวาน อารมณ์ไหว อารมณ์มายา                                                                  เปรียบมนตราสะกดใจให้ผูกกัน   "สวัสดีครับ ต้องการพบใครครับ" "ปราบเซียน ชิณวรรณ" เลขาหน้าห้องอย่างเต๋าก้มหน้าลงเล็กน้อยคล้ายรับรู้ แต่เปล่าเลยเขาแค่ก้มหน้าเก็บซ่อนรอยยิ้มเท่านั้น ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร เธอช่างใจร้อนเหลือเกินนะ เมื่อวานบริษัทเพิ่งถูกเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ วันนี้เธอมาถึงที่นี่เพื่อต้องการพบตัวผู้เป็นนายของเขา ส่วนปราบเซียนก็ช่างใจเย็นเสียเหลือเกิน ทั้งที่เพิ่งจะได้หุ้นมาหมาด ๆ แต่ก็ไม่ยอมขยับตัว ไม่ยอมเดินหน้าเรื่องอะไรทั้งนั้น รอให้หนูเดินมาติดกับดักเองจะดีกว่า และตอนนี้หนูก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ฉลาดหลักแหลมมากเจ้านายของเขา  "พบไม่ได้ครับ" "ทำไม!" "ท่านปราบเซียนไม่ว่างครับ" "ทำไมถึงไม่ว่างล่ะคะ" "ท่านบอกว่าชมวิวอยู่ครับ"  ปราบเซียนบอกแบบนี้จริง ๆ นายเขารับรู้และอ่านเกมขาดว่าวันนี้ใครจะโมโหโกรธาและอดรนทนไม่ไหวจนมาพบเขาถึงที่นี่ และเป็นไปตามคาดเจ้าสาวมาจริง ๆ  คนมาเยือนอ้าปากค้าง อะไรกัน ชมวิวตอนเก้าโมงเนี่ยนะ เขายังปกติดีอยู่หรือเปล่า โกงคนอื่นมาแล้วตัวเองนั่งสบายใจเฉิบ ในขณะที่คนอื่นกำลังเดือดร้อนนี่นะ ทุเรศสิ้นดี  แต่ยังไงซะเธอก็ต้องพบเขาให้ได้ในวันนี้  "เข้าไม่ได้ครับ" "ถอยไปนะ"  เต๋ารีบวิ่งมาขวางประตูไว้ เมื่อผู้มาใหม่เดินดุ่ม ๆ ไปยังประตูหมายจะเข้าไปด้านในให้ได้  "ไม่ได้ครับ" "ฉันต้องการคุยกับคนขี้โกงอย่างท่านปราบเซียนของนาย"  เต๋าเลิกคิ้ว ขนาดนั้นแล้วนะ นี่นายเขากลายเป็นคนขี้โกงตั้งแต่เมื่อไหร่ หุ้นก็ซื้อมาถูกต้องทุกหุ้นหมดไปเกือบพันล้าน ยังถูกกล่าวหาว่าขี้โกงอีกเหรอ โทษพ่อตัวเองดีกว่ามั้ยที่บริหารแบบไม่มีความรอบคอบและไร้ประสิทธิภาพมาก ๆ จนทำให้ผู้ถือหุ้นไม่ไว้ใจและยอมขายหุ้นจนหมด  "ไม่ได้ครับ" "ถอยไปนะ" "ไม่ครับ" "ขอร้องล่ะค่ะ ฉันต้องการคุยกับเขาจริง ๆ "  เต๋าหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ เห็นสีหน้าเศร้าสลดแบบนั้นใครจะทนไหวกันล่ะ ความจริงก็จะให้เข้าไปตั้งแต่มาถึงแล้วล่ะ แต่ปราบเซียนสั่งให้ขัดขวางพอหอมปากหอมคอก่อน ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในประเทศถูกเปิดออก ภาพที่เจ้าสาวเห็นคือเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่ที่หันหน้าออกไปทางด้านนอก ด้านหลังของห้องนี้ถูกกรุด้วยกระจก ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกของเมืองกรุงได้ชัดเจนซึ่งความน่ามองอยู่ที่ไหนเธอก็ยังหาไม่เจอ  "คุณปราบเซียน" ปราบเซียนลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตัวโปรด ค่อย ๆ เลื่อนมันกลับไปไว้ที่เดิมแล้วหันหน้ามาหาผู้มาเยือนช้า ๆ  ผู้หญิงคนนี้ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่สิเธอดูสวยขึ้น สวยขึ้นมาก ๆ หรือเพราะวันนั้นสภาพเธอมันค่อนข้างที่จะยับเยินปราบเซียนจึงมองไม่ชัดเขาเองก็ไม่แน่ใจ  "คุณ!" เจ้าสาวอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อภาพของคนที่คุ้นตาปรากฏต่อหน้า ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้ล่ะ ทำไมจะจำไม่ได้เพราะเขาก็คือคนที่ทำให้น้องข้าวจ้าวเกิดมายังไงล่ะ  เขาคือคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าอีกตลอดชีวิต ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ทำลายบริษัทของป๊าเธอด้วย ใจร้ายที่สุดเลย  เจ้าสาวหันหลังกลับไปยังทางเดิมที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่ หลังจากยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่เกือบนาที มือจับลูกบิดประตูหมายจะเปิดออกไปข้างนอก แต่ปรากฏว่ามันล็อกจากทางด้านนอก เล่ห์เหลี่ยมเยอะเหลือเกินคนคนนี้  "เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ"  คนโมโหหันกลับมาและพบว่าอีกคนเดินมาประชิดตัวเธอเรียบร้อยแล้ว ปราบเซียนวางมือลงกับประตูตรงเหนือหัวของเธอ คล้ายกับว่าเขากักตัวเธอไว้ใต้อาณัติไม่มีผิดเพี้ยน  "ถอยออกไปนะ"  ออกแรงผลักมหาศาลแต่ปราบเซียนไม่ขยับเลยสักนิดเดียว  "คุยกันหน่อยสิ" "ไม่มีอะไรต้องคุย ปล่อยเดี๋ยวนี้"  ปราบเซียนหัวเราะ ปล่อยงั้นหรือ เขาไม่ได้จับตัวเธอเลยนะ มือข้างซ้ายเขาเท้าไว้กับประตูเหนือหัวเธอ ส่วนข้างขวาเขาก็เท้าไว้กับประตูเช่นกันแต่ต่ำกว่า มีแต่เธอต่างหากที่แตะต้องตัวเขาด้วยการผลักเอา ๆ  "ปล่อยสิ" "ทำไมคุณไม่บอกเซียน"  เจ้าสาวหยุดผลักเขา เงยหน้ามามองคนตัวสูงที่ใบหน้าห่างกันเพียงคืบเดียว ถ้าเดาไม่ผิดสีหน้าแบบนี้เขากำลังตัดพ้อเธออยู่งั้นหรือ มีสิทธิ์อะไร  "ทำไมต้องบอก" "เซียนเป็นพ่อน้องข้าวนะ"  จริง ๆ ด้วย เขาเจอน้องข้าวแล้ว เจอกับลูกเธอแล้ว มิน่าล่ะตั้งแต่กลับมาไทยน้องข้าวจ้าวถึงถามหาปะปี๊ทุกวัน  "คุณพูดอะไรกับลูกฉัน" "ลูกของเราเจ้าสาว น้องข้าวจ้าวเป็นลูกของเรา" "น้องข้าวจ้าวเป็นลูกของฉันคนเดียว จำไว้ด้วย" เจ้าสาวทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ปราบเซียนจึงไม่พูดอะไรต่อ เธอคงกลัว คงกำลังหวาดกลัวว่าจะถูกแย่งความรักไป ซึ่งเขาเข้าใจดี ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า  "โอเค แต่ช่วยคุยกับเซียนก่อนได้มั้ย" "เปิดประตู" "เจ้าสาว" "บอกให้เปิดประตูไง" "คุยกันก่อนสิ!" เพี๊ยะ  แก้มขาวข้างซ้ายขึ้นสีแดงเถือกทันทีที่ถูกมือเล็กประทับไว้ตรงหน้าเขา ปราบเซียนหน้าหันไปตามแรงตบ เขาผิดที่เผลอขึ้นเสียงแต่เธอก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำร้ายร่างกายกันเลยนี่  "ทำไมคุณไม่เคยบอกเลยว่าท้อง ทำไมคุณไม่บอกเซียนเลยสักคำ อย่างน้อยก็ให้เซียนได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีบ้าง เซียนไม่ได้ไร้ความรับผิดชอบถึงขนาดฟันแล้วทิ้งหรอกนะ" "มันเป็นความผิดพลาด" "คุณเรียกมันอย่างนี้เหรอ" ปราบเซียนถอยห่าง สีหน้าผิดหวังที่เขาแสดงอยู่ตลอดเวลามันคืออะไรกัน "ใช่ มันคือความผิดพลาด และคุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพ่อของลูกฉัน" "หึ เพราะอะไรล่ะ เหตุผลของคุณคือเซียนแปลกประหลาดเหรอ"  เจ้าสาวรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอก็ไม่ได้อธิบายต่อ  "คุณใจร้ายมากนะ หอบลูกหนี ไม่บอกกันสักคำ เซียนเสียดายที่สุด เสียดายที่ตอนคุณท้องเซียนไม่ได้ดูแล เสียดายที่ไม่เห็นหน้าลูกตอนแรกเกิดและเลี้ยงเขาเหมือนที่คุณได้ทำ" "คุณต่างหากที่ใจร้ายและขี้โกง" "คุยเรื่องนี้ก่อนได้มั้ย" "ไม่มีอะไรต้องคุย" "เหรอ งั้นเตรียมตัวเลยนะ เซียนจะฟ้องแล้วพาน้องข้าวมาอยู่ด้วย"  เจ้าสาวตาโต เขาไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน และอีกอย่างเธอเป็นแม่ เจ้าสาวมีสิทธิ์ในตัวลูกทุกอย่าง หากเขาจะฟ้องก็คงจะมีแต่แพ้เท่านั้น  "คุณไม่ทำหรอก" "หรือจะให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงาน" "งั้นคุณคงมีเมียเป็นพันถ้าจะทำแบบนั้น"  ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน จากที่โยนเงินให้เธอวันนั้นก็คงเดาได้ว่าคงมีปัญญาแค่ซื้อกิน  "จะบอกอะไรให้นะปราบเซียน คุณไม่มีวันได้หัวใจน้องข้าวจ้าวแน่นอน ลูกจะรักแค่เจ้าคนเดียวเพราะเจ้าเลี้ยงมาเองกับมือ" "เลี้ยงมาโดยที่ไม่บอกว่าพ่อคือใครน่ะเหรอ ลองคิดดูนะเจ้าสาว ถ้าเป็นคุณจะเจ็บปวดขนาดไหน เห็นแววตาตอนที่น้องข้าวเรียกปะปี๊มั้ยว่ามีความสุขแค่ไหน"  ทำไมเธอจะไม่เห็นล่ะ เธอเห็นมาโดยตลอด บางครั้งก็แอบร้องไห้ที่ตอบคำถามเกี่ยวกับพ่อของน้องข้าวให้ลูกได้รับรู้ไม่ได้  "เราผิดกันทั้งคู่ คุณไม่บอกส่วนเซียนก็ไม่ตามหา เจอกันครึ่งทางได้มั้ย" "ไม่" "คุณกลัวอะไรเจ้า" "อย่าเรียกฉันแบบนั้น"  ปราบเซียนส่ายหน้า ดูเหมือนเจ้าสาวจะรั้นกว่าที่คิดไว้มากโข  "ใครจะคิดว่าคุณจะท้องถูกมั้ย เซียนเสียโอกาสดูแลคุณตอนท้องและเสียโอกาสดูแลทั้งคุณและลูกไปตั้งห้าปี ต่อไปนี้ให้โอกาสเซียนได้มั้ย"  เจ้าสาวมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อและไม่เข้าใจ เขาจะมาไม้ไหนอีกนะยิ่งเจ้าเล่ห์อยู่ด้วย คนแบบนี้ไว้ใจไม่ได้หรอก "คุณคงลำบากตอนท้อง แถมตอนคลอดยังเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอีก ขอโอกาสได้มั้ยเจ้าสาว" "..." ปราบเซียนขยับเขามาใกล้และเจ้าสาวที่ระวังตัวตลอดเวลาอยู่แล้วก็ยกเข่าขึ้นมากระทุ้งเข้ากับกึ่งกลางกายของปราบเซียนทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงระยะที่เธอคาดการณ์เอาไว้ "โอ๊ย อุ๊บ อ๊าาาาา" ปราบเซียนตัวงอ ทิ้งตัวลงกับพื้นและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด จุก คือคำเดียวที่เขานึกได้ในตอนนี้ ตัวเท่านี้แต่เรี่ยวแรงมหาศาลเสียเหลือเกินนะแม่คุณ แม่นเสียด้วยสิจะสูญพันธุ์ปราบเซียนก็คราวนี้แหละ "โอ๊ย คุณ ซี้ด เจ็บจังโว้ย" "สมน้ำหน้า" เจ้าสาวพยายามปลดล็อกประตูแต่ทำอย่างไรก็ทำไม่ได้ คนคนนี้อันตรายจริง ๆ เขาคงสั่งลูกน้องไว้แล้วสินะ  "สั่งลูกน้องคุณเปิดประตู" "มะ ไม่ คุย กัน ก่อน" "ฉันไม่คุย"  คนที่กุมเป้าเมื่อครู่ตะเกียกตะกายขึ้นไปนั่งบนโซฟาจนได้ ปราบเซียนแสดงสีหน้าเจ็บปวด มือก็ยังกุมอยู่ที่เป้า ส่วนสายตาเขาโฟกัสไว้ที่เธอนานแล้ว  "แลกกัน คุยเสร็จ จะ จะเปิดประตู ให้"  ปราบเซียนพูดตะกุกตะกักเพราะต้องข่มความเจ็บปวดเอาไว้ "ไม่คุย"  คนเจ็บไม่ตอบอะไร ปราบเซียนทำแค่หลับตานิ่ง ๆ กัดกรามจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน เขากำลังข่มความเจ็บปวด มันเจ็บและจุกอย่างบอกไม่ถูก เธอแม่นมากและเก่งมากเรื่องทำร้ายร่างกายคนอื่นเจ้าสาว  "คุณเป็นอะไรมากมั้ย"  เพราะปราบเซียนเอาแต่หลับตานิ่งอยู่แบบนั้น แม้จะหวั่นแต่เจ้าสาวก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำไม่มีมนุษยธรรมถึงขนาดที่เห็นคนเจ็บต่อหน้าแล้วไม่ช่วยหรอกนะ  และคนที่ทำให้เขาเจ็บก็คือตัวเธอเองไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสาวเดินเข้ามาหาหวังจะดูเขาใกล้ ๆ ประจวบเหมาะกับที่ปราบเซียนลืมตาขึ้นมาพอดี ไวเท่าความคิด ลำแขนแข็งแกร่งวาดไปจับข้อมือคนตัวเล็กแล้วออกแรงกระตุกเบา ๆ เจ้าสาวก็เซมานั่งลงตักเขาเรียบร้อย  "นี่! ปล่อยนะ ไม่น่าสงสารคนอย่างคุณเลย"  เจ้าสาวดิ้นรนหวังเอาตัวรอด ทั้งทุบทั้งตีแต่มันก็เป็นเพียงในจินตนาการเท่านั้น เพราะความจริงเธอดิ้นได้เพียงตัว แต่แขนทั้งสองข้างถูกเขาจับไว้และมันก็ขยับไม่ได้เลย "ขอโทษนะเจ้าสาว" "..." คนบนตักหยุดดิ้นเพื่อรอฟังว่าเขาหมายถึงอะไร "ขอโทษที่ปล่อยให้คุณใช้ชีวิตเพียงลำพัง ขอโทษที่ไม่เคยได้ช่วยเหลืออะไรคุณเลย แต่ขอได้มั้ย ให้โอกาสเซียนได้รึเปล่า อย่างน้อยก็ในฐานะพ่อของลูก"  เจ้าสาวเงียบกริบ เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่กำลังประมวลผลว่าเขาพูดจริงหรือไม่ ที่ขอโทษเธอเขารู้สึกผิดจริง ๆ หรือเปล่า แต่ความจริงแล้วเธอเองก็ผิด ผิดที่ไม่ยอมบอกเขาสักคำ เพราะอวดเก่งว่าจะเลี้ยงน้องข้าวจ้าวคนเดียวให้ได้ แต่ความเป็นจริงการเลี้ยงคนมันไม่ง่ายเลย ทุกครั้งที่ลูกร้องไห้ ทุกครั้งที่เจ็บป่วยเป็นเธอเองที่จะขาดใจตาย   "ได้มั้ยเจ้าสาว" "ไม่!" คนบนตักลุกขึ้น ถอยห่างจากเขาแล้วกลับไปยืนอยู่ตรงประตูเช่นเดิม   "เจ้ามาวันนี้เพราะจะมาคุยเรื่องบริษัทอย่างเดียว" "ไม่คุย เซียนจะคุยกับเจ้าสัวคนเดียวเท่านั้น"  เจ้าสาวอ้าปากค้าง เมื่อครู่เขายังทำหน้าเป็นแมวน้อยอยู่เลย พอคุยเรื่องธุรกิจแค่นั้นแหละ เสือใหญ่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ "ต่อไปนี้ค่าใช้จ่ายของน้องข้าว รวมถึงค่าเทอมเซียนจะดูแลเอง" "ไม่ต้อง" เธอเริ่มงงแล้วนะ จะพูดเรื่องลูกสลับเรื่องธุรกิจแบบนี้จริงเหรอ "แต่เดี๋ยวน้องข้าวก็เข้าโรงเรียนแล้ว" "ฉันรับผิดชอบเองได้" "หึ เหรอ ได้ข่าวว่าถังแตก"  พอไม่ได้ดั่งใจก็ปากคอเราะรายเลยนะคนคนนี้  "เพราะคนความคิดสกปรกแบบคุณไงล่ะ อยากได้มากเลยเหรอของ ๆ คนอื่นน่ะ ป๊าสร้างบริษัทนี้มาเองกับมือ แต่มันกำลังพังเพราะคุณ" "คุณไม่รู้อะไรก็อย่าพูด ไม่เอะใจหน่อยเหรอเจ้าสาว ประเทศกว้างใหญ่แต่กะลาแลนด์ มีเบียร์ให้แดกแค่ยี่ห้อเดียว"  เจ้าสาวอ้าปากอีกครั้ง นั่นปากเหรอ หยาบคายที่สุดเลย  "กลับไป"  ปราบเซียนสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพ่นออกแรง ๆ เขากำลังระงับอารมณ์ ไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เรื่องลูกยังไงก็ได้อยู่กับเขาแน่แค่รอเวลาหน่อย แต่เจ้าสาวช่างดื้อดึงคุยด้วยยาก เขาชักจะเริ่มปวดหัวและมีน้ำโห  "ไม่!" "อะไรวะ เมื่อกี้ยังอยากให้เปิดประตูอยู่เลย" "คุยให้จบก่อน" "..." "คุณซื้อหุ้นไปเท่าไหร่ เจ้ากับป๊าจะหาเงินมาซื้อคืน" ปราบเซียนอยากหัวเราะเยาะดัง ๆ แต่กลัวว่ามันจะไปลดทอนความตั้งใจของเธอ เขาจึงทำได้เพียงอมยิ้มบางเบาเท่านั้น เรื่องธุรกิจเธอต้องเรียนรู้อีกมากโข จะซื้อหุ้นคืนงั้นหรือ ให้ตอบความจริงมั้ยล่ะว่าแค่เปอร์เซ็นต์เดียวที่เขาจะขาย เธอก็ไม่มีปัญญาซื้อหรอก  "กลับไป" "ไม่" "งั้นมาคุยกันเรื่องลูก" "ไม่" เขาจะคุยอะไรแต่เรื่องลูกนักหนาเนี่ย บอกแล้วไงว่าไม่คุย "อยากให้เซียนใจร้าย พรากลูกมาจากคุณงั้นเหรอ" "อย่ามาขู่นะ" "ถ้าคุยกันดี ๆ ไม่รู้เรื่องก็คงต้องทำ" เจ้าสาวเม้มปากแน่น คุยกันดี ๆ ยังไงล่ะ คุยกันก็เท่านั้น เพราะเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขาเลย จะให้มาอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูกก็คงจะรู้สึกแปลก ๆ  "เจ้าเลี้ยงน้องข้าวได้" "คุณไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอว่าเซียนอยากดูแลลูก อยากอยู่ใกล้ลูก อยากเอาใจใส่น้องข้าวเหมือนที่คุณทำ" คุณด้วยเจ้าสาว เซียนอยากดูแลคุณด้วย "โอเค เซียนจะจีบคุณ" "อะไรนะ!" "ถ้าคุณคิดว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเซียน ยังรู้จักเซียนไม่ดีพอ เซียนจะจีบคุณเอง จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเซียนสามารถดูแลน้องข้าวพร้อมกับดูแลคุณได้ เซียนจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าเซียนสามารถเป็นพ่อที่ดี พร้อมกับเป็นคนรักที่ดีของคุณได้" "จะบ้ารึไง" แล้วทำไมหน้าเธอต้องร้อนด้วยเจ้าสาว หยุดเลยนะ  ปราบเซียนลุกขึ้นบ้างสาวเท้าเข้ามาใกล้อีกครั้งแต่ก็ยังระวังตัวอยู่ เพราะเคยมีประสบการณ์การถูกผ่าหมากมาแล้วหมาด ๆ เมื่อครู่ "อ๊ะ หลบได้ คุณเป็นอะไรเนี่ยชอบทำร้ายร่างกายอยู่เรื่อยเล...โอ๊ย" หลบเท้าที่ถีบมาได้แต่ปราบเซียนกลับหลบกำปั้นน้อย ๆ ที่ยื่นออกมาชกเข้าตรงเป้าไม่ได้  บ้าฉิบ เจ้าสาวเป็นอะไรกับเป้าเขาเนี่ย ชอบทำร้ายมันซะเหลือเกิน แล้วคนปกติที่ไหนเขาจะมาใช้กำปั้นชกเป้าคนอื่นกันละเนี่ย ปราบเซียนล้มฟุบไปกองกับพื้นอีกครั้ง ตัวงอเพราะเจ็บปวดเหลือจะบรรยาย เมื่อครู่ที่โดนเข่ายังไม่หายดีเลย ครั้งนี้โดนกำปั้นซ้ำลงไปที่เก่า ต่อยมาได้  "คุณปราบเซียน" เต๋ารีบเปิดประตูเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงร้องของนายเป็นครั้งที่สอง เขาคิดว่าจะเปิดมาตั้งแต่ตอนที่ได้ยินปราบเซียนร้องครั้งแรกแล้วแต่ชั่งใจอยู่ ครั้งนี้เลยไม่พลาดแน่นอน  "เป็นอะไรมากมั้ยครับ" "จุก" เลขาหน้าตี๋พยุงให้ลุกขึ้นยืนแต่ปราบเซียนยกมือห้ามปรามไว้เพราะยังขยับไปไหนไม่ได้ สายตาก็ส่งไปมองคนที่ยืนยิ้มเยาะเย้ยเขาอยู่ไม่วางตา "สมน้ำหน้า" เจ้าสาวพูดทิ้งท้ายแล้วรีบพาตัวเองออกไปจากห้องในทันที "ยัย โอ๊ย ยัยแสบ ซี้ด ยัยตัวร้าย ยัยคนสวย ยัยแม่ของลูก ยัยว่าที่เมีย"  ปราบเซียนตะโกนตามหลังและเจ้าสาวก็ได้ยินชัดเจนทุกคำ  "ไอ้บ้า! ความคิดทุเรศ"    "มันเป็นไปได้ยังไง" "ไม่ทราบครับ"  เลขาที่ทำงานร่วมกันมาเกือบยี่สิบปีตอบคำถามด้วยคำว่าไม่รู้ และไม่ทราบ มีนักธุรกิจคนหนึ่งมากว้านซื้อหุ้นบริษัทไป และตอนนี้ก็มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทั้งที่ความจริงที่ตรงนี้คือบริษัทเขา มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร เพียงสัปดาห์เดียวเสียด้วยซ้ำที่หุ้นถูกซื้อไปจนหมด และรายสุดท้ายล่าสุดก็คือเมื่อวาน  เขาไม่เคยเอะใจมาก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ เลขาคู่คิดก็ไม่รู้งั้นเหรอ เจ้าสัวธงชัยคิดว่าเรื่องนี้มันแปลก  "ปราบเซียน ชิณวรรณ" ไม่ต้องเดาว่ามาจากไหน นามกุลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเอเชีย เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ มีสาขาอยู่เกือบทั่วทุกมุมโลก เขาเคยเจอแต่คนที่เป็นพ่อไม่เคยเจอคนลูกเลย หรืออาจจะเคยเจอแต่จำไม่ได้ ทราบมาแค่ว่าเพิ่งวางมือและให้ลูกดูแลแทนเมื่อปลายปีก่อน  "ติดต่อคุณชยุตให้ฉันที" "ติดต่อแล้วครับไม่รับสาย" "คุณนวลพรรณล่ะ" "เลขาบอกว่าท่านไม่สะดวกคุยครับ"  ให้มันได้อย่างนี้สิเวลาเดือดร้อนคนที่เขายกย่องว่าคือคอนเนคชั่นหายหัวไปไหนกันหมด "เมื่อครู่ผมติดต่อหาคุณกร เลขาท่านก็ตอบว่าไม่สะดวกคุยเช่นกันครับ"  ขืนเป็นแบบนี้มีหวังบริษัทเขาล้มไม่เป็นท่าแน่นอน สาขาใหญ่ถูกเปลี่ยนมือ แม้เจ้าของบริษัทจะยังเป็นชื่อของเขาอยู่ แต่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลับไม่ใช่ แบบนี้ใครจะกล้ามาลงทุนด้วย ป่านนี้ต่างประเทศคงกำลังถอนหุ้นอยู่ หากยังเป็นอยู่ไปอีกสองสามวันมีหวังเขาคงถูกฟ้องล้มละลาย  ต้องรีบไปคุยกับปราบเซียนอะไรนั่นแล้ว  "ติดต่อปราบเซียน ชิณวรรณ" "คุณปราบเซียนมาขอพบครับ"  เจ้าสัวเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัยครามครัน หมอนี่ใจร้อนหรือมีมารยาทเขาเองก็ไม่แน่ใจ แทนที่เขาจะเป็นฝ่ายเดือดร้อนและวิ่งแจ้นไปหาถึงที่ แต่กลับมาขอพบเขาเองงั้นเหรอ ถือว่าไม่ธรรมดา  "เชิญเขาเข้ามา"  ปราบเซียนค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย ยังไงเจ้าสัวก็โลดแล่นและมีประสบการณ์ในวงการธุรกิจมาก่อน หากเขาจะเคารพและมีความนับถืออยู่บ้างก็คงไม่แปลก  "ผมคิดว่าคุณทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง"  เจ้าสัวเริ่มต้นบทสนทนาเมื่อปราบเซียนและเลขานั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม คิดมาตลอดว่าปราบเซียนคือผู้ชาย แต่พอมาเจอวันนี้ก็อดแปลกใจไม่ได้ ตระกูลชิณวรรณมีลูกชายไม่ใช่หรือ ตอนเด็กเขาจำได้แล้วว่าเคยเจอ แต่ทำไมโตมาถึงผมยาวคล้ายผู้หญิง หรือจะเป็นผู้ชายที่ผมยาว  "เราเคยเจอกันตอนเซียนยังเด็กค่ะ"  เพราะสีหน้าสงสัยจนเก็บไม่มิดของเจ้าสัวทำให้ปราบเซียนรับรู้ได้ในทันที  "วันนี้เซียนจะคุยสองเรื่องไปพร้อม ๆ กัน" "ว่ามาเลยคุณปราบเซียน" ปราบเซียนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หากเขาพูดอะไรบางอย่างออกไปในตอนนี้ มีหวังได้ลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงเป็นแน่  "เซียนเป็นพ่อของน้องข้าวจ้าว" "ผมไม่ตลก"  เจ้าสัวสวนขึ้นทันควันพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ บ่งบอกว่ากำลังโมโหโกรธาขนาดหนัก "เซียนก็ไม่ตลก"  ปราบเซียนพูดอย่างหนักแน่นพร้อมกับจ้องหน้าเจ้าสัวไม่วางตา เลขาของปราบเซียนยื่นซองเอกสารสำคัญบางอย่างออกมาวางไว้ตรงหน้า ซึ่งเมื่อเจ้าสัวเปิดดูแล้วมันคือแผ่นฟิล์มที่แสดงรูปภาพการเอกซเรย์ร่างกายของปราบเซียน เขาพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว "คุณทิ้งลูกสาวผมตั้งห้าปี ต้องการอะไร" เจ้าสัวเริ่มขึ้นเสียง ต่างจากปราบเซียนที่กำลังนั่งอย่างใจเย็น เขาต้องคุยด้วยเหตุและผล  "เซียนไม่อยากผลักความรับผิดชอบ และกล่าวโทษเจ้าสาว แต่เรื่องมันเริ่มที่ความเมาและต่อมาคือความผิดพลาด เจ้าสาวไม่เคยปริปากบอกเซียนสักคำ เซียนเองก็เพิ่งรู้ว่าน้องข้าวจ้าวเป็นลูกเซียน" "คุณมั่นใจได้ยังไง"  ปราบเซียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และอธิบายต่อ  "เช็คดูทุกอย่างแล้ว วันคลอด กลุ่มเลือด หรือแม้แต่หน้าตาน้องข้าว เซียนมั่นใจ หรือเจ้าสัวคิดว่าไม่ใช่ เจ้าสาว..." "ลูกผมไม่ใช่คนแบบนั้น"  เขามั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ น้องข้าวจ้าวเป็นลูกของเขา ไม่มีสักส่วนเดียวที่ไม่ใช่ เขากรุปเลือดโอเจ้าสาวก็เช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่ลูกน้อยจะเป็นกรุปอื่นไปได้ ดังนั้นน้องข้าวจ้าวเลือดกรุปโอซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นลูกของเขา และเมื่อได้คุยกับเจ้าสาวเมื่อเช้าที่ผ่านมาเขายิ่งมั่นใจ "เมื่อเช้าเจ้าสาวไปที่บริษัท" "อะไรนะ" "เราคุยเรื่องน้องข้าวและเจ้าสาวบอกว่าจะเลี้ยงเอง แต่เจ้าสัวเข้าใจใช่มั้ยว่าเซียนเองก็รักลูก"  เจ้าสัวทำท่าคิดหนักเข้าไปอีก เขารู้เพราะเขาก็เป็นพ่อเหมือนกัน เข้าใจดีว่าปราบเซียนคงอยากดูแลลูกบ้าง แต่เขาเองก็คงสุดแล้วแต่เจ้าสาว  "โอนหุ้นคืนผมสิ ทุกหุ้น" คิดไว้ไม่มีผิด เจ้าสัวต้องมาไม้นี้ "เจ้าสาวจดทะเบียนกับเซียนวันไหน เจ้าสัวได้หุ้นวันนั้น แลกกัน"  เจ้าสัวยิ้มมุมปาก ปราบเซียนไม่ใช่คนธรรมดา ความคิดความอ่านฉลาดเป็นกรด ตามทันได้ยากและมีไหวพริบดีเยี่ยม ไม่แปลกใจที่ตระกูลชิณวรรณจะขยายกิจการรวดเร็วและแผ่กว้างขนาดนี้  "ผมจะลองคุยกับเจ้าสาวดู" "ขอบคุณมากเจ้าสัว งั้นวันนี้เซียนขอฝากท้องไว้ที่บ้านเจ้าสัวหน่อยนะ"  ความกล้ากับความหน้าด้านมันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ และปราบเซียนก็ไม่ใช่ทั้งกล้าและหน้าด้าน เขาคือเส้นบาง ๆ ต่างหากล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD