บททดสอบของชีวิต

2511 Words
กรุงเทพมหานคร คอนโดแห่งหนึ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของรัฐบาล บริเวณนี้มีนักศึกษามาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยปิดเทอม เหล่านักศึกษาบางคนที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว เหลือเพียงนักศึกษาไม่กี่คนที่ยังต้องอยู่ต่อ บางคนก็ทำงานพิเศษ บางคนก็ไม่อยากกลับบ้าน เพราะติดการใช้ชีวิตอิสระ แก้วกานดา เป็นนักศึกษาปี 4 อีกหนึ่งคน ที่ไม่ได้กลับบ้าน เธอทำงานพิเศษระหว่างที่ปิดภาคเรียน ไม่มีบ้านให้กลับพ่อกับแม่เสียชีวิต ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เธออาศัยอยู่ที่คอนโดของเพื่อนสนิท “แก้ว แม่บอกว่าให้ชวนแก้วไปเที่ยวที่บ้านด้วยแม่คิดถึง” “แก้วสมัครงานไว้อาทิตย์หน้าต้องไปเริ่มงาน แต่ถ้าภายในอาทิตย์นี้แก้วไปด้วยได้ “ “งั้นเดี๋ยวทรายบอกแม่ก่อนนะ ดูก่อนว่าแม่จะนัดวันไหน แก้วแน่ใจนะว่า อยู่ที่นี่ได้คนเดียว ถ้าทรายกลับไปอยู่บ้าน” “แน่ใจซิ ปกติปิดเทอมทุกครั้ง แก้วก็อยู่คนเดียวอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก” “นี่ถ้าแก้วเรียนจบ จะหางานทำต่อที่กรุงเทพฯเลยไหม” “เอาจริงๆแก้วไม่อยากทำงานเลยนะ อยากขายของมากกว่า รู้สึกว่าอิสระดี ได้เงินเร็วด้วย” “จะไม่กลับไปเยี่ยมป้ากับลุงเลยเหรอ” “ไม่ดีกว่า แก้วตัวคนเดียวนะทรายอย่าลืมข้อนี้” “ทรายลืมไป งั้นเดี๋ยววันไหนเบื่อบ้าน ทรายมานอนด้วยนะ” ทรายหอม หรือทราย เป็นเพื่อนสนิทของแก้วกานดา ทั้งสองรู้จักกัน ในที่เรียนพิเศษและสนิทกันมาตั้งแต่บัดนั้น สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน สาขาเดียวกัน เมื่อครั้งอยู่หอในของมหาวิทยาลัยก็พักด้วยกัน คอนโดแห่งนี้เป็นของที่บ้านของทรายหอม เปิดให้นักศึกษาเช่าในราคาที่ไม่แพงมากนัก ทรายหอมขอพ่อกับแม่มาอยู่คอนโด เพราะคนเช่าอยู่แล้ว ไม่รักษาความสะอาด ทำให้ห้องทรุดโทรมที่บ้านของเธอต้องมาปรับปรุงใหม่อยู่บ่อยๆ ทรายหอมสามารถเดินทางไปมหาวิทยาลัยเช้า และกลับเย็นได้ แต่ธรรมดาของวัยรุ่น มีเพื่อนก็อยากมาอยู่กับเพื่อน ที่บ้านของเธอชอบนิสัยของแก้วกานดา ที่ไม่ค่อยพูดน่ารักสวยนิสัยดีเจียมเนื้อเจียมตัว และที่สำคัญเรียนเก่งเป็นที่ปรึกษาที่ดีของทรายหอม การเรียนของทรายหอมดีขึ้นมากเมื่อมาคบกับแก้วกานดา ที่บ้านของทรายหอมเมตตาหญิงสาว ที่เป็นเด็กกำพร้า คราวที่เกิดเรื่องแก้วกานดาเพิ่งเรียนอยู่ประถม.6 หลังจากที่พ่อกับแม่เธอเสียชีวิต ลุงกับป้าสะไภ้ก็พาเธอไปอยู่ด้วยที่บ้าน และส่งเสียเธอให้เรียนจนกระทั่งถึง มัธยม.3 ครอบครัวของทรายหอมไม่เก็บค่าห้องพักจากแก้วกานดา เพราะรู้ว่าหญิงสาวขัดสนเรื่องเงิน แต่เธอยืนยันว่าจะต้องจ่ายเพราะเกรงใจ พ่อกับแม่ของทรายหอมเก็บแค่เพียงเดือนละ 2 พันบาทเท่านั้น แก้วกานดาทำงานเก่ง ขายออนไลน์ รับทำงานทุกอย่าง ยิ่งช่วงที่ปิดเทอมเป็นโอกาสทองของเธอที่จะทำงานเก็บเงิน เพื่อเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนเทอมต่อไป หญิงสาวอดทนเพราะเหลือแค่เพียงอีกเทอมเดียว เธอก็จะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว แก้วกานดากู้เงินเรียน ไม่ว่ามหาวิทยาลัยจะมีทุนอะไรให้กู้ หญิงสาวกู้หมดทุกอย่าง เธอใช้เงินจำนวนนั้นจ่ายค่าเทอม ผลการเรียนของเธอดีมาก หญิงสาวทำงานส่งเสียตัวเองเรียนมาต้ังแต่เรียน ม.ปลายจนกระทั้งถึงปริญญาตรี เทอมหน้าเธอต้องฝึกงาน แน่นอนเธอจะต้องมีเงินสำรอง การฝึกงานในกรุงเทพฯได้ยินมาจากรุ่นพี่ว่าบางบริษัทฯไม่มีค่าจ้างตอบแทนสำหรับนักศึกษาฝึกงาน บางบริษัทฯมี เธอภาวนาขอให้ได้ที่ฝึกงานที่มีค่าตอบแทน เพราะนั่นหมายความว่า เธอจะได้ไม่ต้องดึงเงินที่เก็บสะสมไว้ออกมาใช้จ่าย ทรายหอมนิ่งไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า การที่เธอถามเพื่อนเรื่องบ้าน อาจไปสะกิดใจแก้วกานดา “ทรายขอโทษนะแก้ว ลืมไปว่าไม่ควรพูดเรื่องบ้านป้า” “ไม่เป็นไรหรอกทราย แก้วไม่คิดมากหรอก” “พูดก็พูดนะแก้ว เนี้ยทรายเห็นพี่ วรรณวิไล ลงในไอจีเขาเพิ่งกลับจากเที่ยวญี่ปุ่น ไปกันทั้งครอบครัวเลย ทำตัวไฮโซมาก” “ช่างพวกเขาเถอะ แก้วพยายามจะไม่สนใจ ไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็น ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย” “แต่มันน่าเจ็บใจนะแก้ว เงินทอง ทรัพย์สมบัติ เล่นโกงเอาของแก้วไปหมดเลย เห็นไหม แก้วต้องมาลำบากทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนแบบนี้” “ชาติที่แล้วของพวกนี้คงเป็นของเขามั้ง ชาตินี้เขาเลยตามมาทวงคืน ดีแล้วล่ะจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน จบสิ้นกันภายในชาตินี้” “เป็นทรายหน่อยไม่ได้นะจะแจ้งตำรวจจับเลย ขี้โกงหลาน” “ไม่เอาน่าทราย ปล่อยผ่านเถอะ แก้วไม่คิดแล้ว ขอแค่อย่ามายุ่งกับแก้วล่ะกัน” “แก้วได้งานที่ไหน ทรายว่าจะถามหลายครั้งแล้วลืมเลย” “ที่โรงแรมเป็นพนักงานเสริฟ แก้วชอบตรงที่เขามีทิปรุ่นพี่ที่ไปทำแนะนำมา” “ก็ดีนะโรงแรมใหญ่ไหม” “ใหญ่มาก แต่ไปมาสะดวกรถไฟฟ้าผ่าน” “ทรายดีใจด้วยนะแก้ว ขอให้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดีและเจอลูกค้าที่ดีนะ” “ขอบใจนะทราย” “ทรายอยากไปทำบ้างจังเลย แต่คงไม่ทันแล้วใช่ไหม ต้องไปขอพ่อกับแม่ก่อน” “ลองดูก็ได้นะ ถ้าได้ก็จะได้เป็นเพื่อนกัน แต่แก้วคิดว่าปลอดภัยเพราะเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียง ไม่ใช่โรงแรมทั่วไป ฟังจากที่รุ่นพี่เล่าให้ฟังนะ” “โอเค งั้นทรายไปขอพ่อกับแม่ดีกว่า เผื่อเราได้ทำงานด้วยกันทรายอาจไม่ต้องกลับไปอยู่บ้าน เราก็อยู่ที่คอนโดนี่ด้วยกันเลย แค่คิดก็สนุกแล้ว” แก้วกานดายิ้ม ฐานะอย่างทรายไม่ต้องทำงานเลยก็ยังได้ นอนอยู่บ้านสบายๆมีพ่อแม่คอยดูแล แต่เธอทำแบบเพื่อนไม่ได้ แก้วกานดาชินแล้วไม่เคยอิจฉาเพื่อน หรือน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองเลย เพื่อนหลายคนที่รู้ประวัติของเธอ ต่างก็สงสารและเห็นใจ หญิงสาวไม่รู้ว่าไปเอาความเข้มแข็งมาจากไหน อยากเรียนให้จบเร็วๆจะได้ทำงานใช้หนี้ทุน เธอตั้งใจไว้ว่าจะทำงานใช้หนี้ทุนที่กู้มาเรียนให้หมดภายในระยะเวลาสองปีให้ได้ หลังจากนั้นจะได้เก็บเงิน หญิงสาวมีความฝันว่าอยากไปทำงานที่ต่างประเทศ ปีนี้เธอเดินทางไม่ได้ เรียนจบแล้วเธอไม่พลาดแน่นอน แก้วกานดาเล็งไว้แล้ว เธอจะไปทำงานที่ร้านอาหารไทย “แก้วนี่ไม่เมื่อยมือเหรอ ถังกระเป๋าพวกนี้นิ้วจะขาดไหมนั่น” “ไม่หรอก นี่คือเงินนะทรายเงินทั้งนั้น วันพรุ่งนี้แก้วจะไปขายที่ตลาดจองที่ไว้แล้ว” “อย่าบอกนะว่าจะเอาไปทั้งหมดนี่”ระหว่างที่คุยกันหญิงสาวนั่งมองดูแก้วกานดาเก็บกระเป๋าที่ถักด้วยด้ายหลากหลายแบบลงกระเป๋าใบใหญ่เสร็จแล้วใส่ในรถเข็นสำหรับลากกระเป๋าเตรียมไปขายที่ตลาด “ใช่แก้วให้เพื่อนจองที่ไว้ให้แล้ว เพื่อนบอกวานักท่องเที่ยวฝรั่งถามหากระเป๋าของแก้วหลายคนเลย” “เหรอๆทรายไปช่วยด้วยได้ไหม ขายเสร็จเราก็ไปกินข้าวที่บ้านทรายเลย” “ก็ดีนะ งั้นตกลงตามนั้นก็ได้” “งั้นเดี๋ยวทรายช่วยแก้วปริ้นราคาติดกระเป๋าหน่อยนะ แก้วพิมพ์ไว้แล้วเหลือติดราคาเวลาที่ลูกค้าถาม เราจะได้ไม่ต้องตอบมาก แก้วทำราคาเงินบาทกับเงินดอลล่าร์ไว้แล้ว” “แก้วนี่เก่งมากเลยนะ หาเงินได้หลายทางจัง” “ไม่เก่งหรอกทราย มันต้องทำถ้าแก้วไม่ทำแก้วก็ไม่มีเงิน อยากใช้หนี้ทุนที่กู้มาให้หมดเร็วๆ” “ก็ทรายบอกแล้วว่าให้ยืมเงินทรายไปก่อน ทรายไม่ได้ใช้อะไรแก้วมีแล้วค่อยมาคืนทราย” “ไม่เอา มันจะเป็นการเอาเปรียบเพื่อนเกินไป สู้แก้วทำงานหาเงินเองดีกว่าในกรุงเทพฯนี่หาเงินง่ายขอแค่ขยัน กำลังซื้อเยอะ” “แก้วถ้าจบแล้วแก้วจะไปทำงานที่ไหน ในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด" “แก้วจะไปต่างประเทศ จะไปทำงานที่ร้านอาหารไทย หรือไม่ก็จะถักกระเป๋าขาย” “ไม่อยากทำงานบริษัทฯเหรอ” “ไม่เอา ไม่อยากทำได้เงินช้าแก้วชอบทำงานแบบได้เงินทุกวัน ชอบขายของมากกว่า” “นี่แก้วรู้ไหมว่าเราอาจจะได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เลยนะ” “อื่อ แก้วเห็นคะแนนแล้วน่าจะได้นะ งานที่เราทำงานด้วยกันเป็นตัวตัดสินนะแก้วว่า เราสองคนอาจาร์ยให้แก้น้อยที่สุดแล้ว” “ถ้าไม่ได้แก้วติวให้ ทรายก็คงไม่คะแนนดีแบบนี้หรอกโชคดีจังเลยนะที่เราได้มาเป็นเพื่อนกัน” “ใช่ แก้วก็โชคดีที่ได้มาเจอทราย ไม่งั้นไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนที่ค่าเช่าถูกแบบนี้”สองสาวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แก้วกานดามีฝีมือถักกระเป๋า อย่างอื่นเธอถักไม่เป็นแต่เรื่องกระเป๋าขอให้บอก ถักได้ทุกแบบฝีมือของเธอเป็นที่ถูกใจของลูกค้ามาก บางคนถึงกับสั่งจอง หญิงสาวคิดไว้ว่าสักวันเธอจะต้องมีร้านขายงานถักให้ได้ มองเห็นกระเป๋าที่ถักแล้วทำให้คิดถึงแม่ แก้วกานดาจำได้ว่าเมื่อสมัยเด็ก ฐานะทางบ้านของเธอเรียกว่ามีอันจะกิน พ่อกับแม่เธอเป็นเจ้าของโรงแรมในกรุงเทพฯแม่เปิดร้านอาหารและร้านทอง มีโรงงานทำทองและออกแบบเครื่องประดับ เธอเป็นลูกสาวคนเดียว แม่เป็นน้องคนเล็ก มีพี่ชายหนึ่งคน ตากับยายแบ่งสมบัติให้ลูกสองคน แม่ได้โรงแรมที่กรุงเทพฯ ลุงได้โรงแรมที่เชียงใหม่และที่ดินจำนวน 50 ไร่ เป็นสวนผลไม้ แม่กับพ่อเธอเป็นคนขยันมาก ร้านอาหาร ร้านทอง และโรงงาน พ่อกับแม่ช่วยกันสร้างช่วยกันทำ ไม่เกี่ยวกับมรดกของตากับยาย จุดเริ่มต้นเมื่อลุงกับป้าสะไภ้ของเธอติดการพนัน ถึงกับข้ามไปเล่นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ช่วงโควิดธุรกิจซบเซาทำให้โรงแรมขาดทุน ไม่มีนักท่องเที่ยวลุงกับป้ามีลูกสาว 1 คน เป็นพี่เธอห้าปี ลุงกับป้าส่งไปเรียนที่ต่างประเทศ ทั้งครอบครัวใช้เงินเป็นเบี้ย เงินที่เก็บสะสมมาต้องเอาออกมาใช้ ธุรกิจโรงแรม กับสวนผลไม้ย่ำแย่ ไม่นานลุงกับป้าถึงกับต้องขายโรงแรม ที่ดิน และลามมาขอยืมเงินพ่อกับแม่ของเธอ มีการทะเลาะกัน เพราะพ่อไม่เห็นด้วยกับการที่แม่ของเธอต้องนำเงินไปให้พี่ชายและพี่สะไภ้ยืม ทั้งสองคนเอาเงินไปเล่นการพนันหมด พ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยๆเรื่องของลุงกับป้า ช่วงนั้นเธอจำได้ว่ากำลังเรียนอยู่ประถม 5 วันหนึ่งในฤดูฝน ขณะที่เธอกำลังนอนอยู่ที่บ้านที่กรุงเทพฯป้ากับลุงของเธอ มากดกริ่งเรียกเธอที่บ้าน วันนั้นพ่อกับแม่เธอไม่อยู่ทั้งสองคนบินไปต่างประเทศ เพื่อไปดูงานอะไรสักอย่างเธอจำไม่ได้ ท่านปล่อยให้เธออยู่บ้านกับแม่บ้านที่ช่วยเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก ลุงกับป้าโผล่พรวดเข้ามาบอกเธอว่า พ่อกับแม่เธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ คนขับรถก็เสียชีวิตด้วย และหลังจากวันนั้น ลุงกับป้าก็เข้ามาจัดการทุกอย่างในชีวิตของเธอ นอกจากทั้งสองคนจะเข้ามาดูแลเธอแล้ว ยังเข้าไปดูแลธุรกิจของครอบครัวเธอทุกอย่าง นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เธอก็กลายเป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านของตัวเอง แก้วกานดาไม่อยากจำว่าเธอโดนกระทำอย่างไรบ้าง ทั้งร่างกาย ทำร้ายจิตใจ อดทนเรียนจนจบม.3 แก้วกานดาหนีออกจากไปขออาศัยอยู่กับครูศรีนวลเป็นเพื่อนสนิทของแม่ จำได้ว่ามีเรื่องฟ้องร้องกัน เธอไม่ยอมกลับไปอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวของลุง ขออาศัยอยู่กับป้าศรีนวล ท่านเมตตาช่วยส่งเสียให้เธอได้เรียนจนจบ มัธยม 6 และสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย รวมถึงดูแลเรื่องการเงินของเธอให้ด้วย โชคดีที่ท่านโสดไม่มีครอบครัว และโชคดีที่พ่อกับแม่เธอฝากเงินไว้ให้ทุกเดือน และทำบัตรเอทีเอ็มให้เธอไว้ใช้ หญิงสาวใช้เงินนั้นส่งเสียตัวเองเรียนและใช้เป็นค่าอาหารค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ควบคู่กับทำงานไปด้วย เพราะแบบนี้ แก้วกานดาจึงรู้คุณค่าของเงิน ป้าศรีนวลเจ็บใจที่ลุงกับป้าฮุบเอาสมบัติและทรัยพ์สินของพ่อกับแม่เธอ แต่แก้วกานดาขอไว้ว่าไม่ต้องยุ่งเธอไม่อยากได้ ใครอยากได้ก็ให้เขาไป แค่อย่ามายุ่งกับชีวิตของเธอก็พอ ระหว่างที่ใช่ชีวิตอยู่กับป้าศรีนวล ลุงกับป้าก็ยังไม่วาย ที่จะทำลายชีวิตของเธอ หลายครั้งที่ลุงกับป้าหลอกให้เธอออกพบ บอกว่าจะมอบเงินของพ่อกับแม่ที่มีให้เธอไว้ใช้ ป้าศรีนวลไม่ไว้วางใจ แอบตามแก้วกานดามาเงียบๆ ลุงกับป้าส่งเธอไปให้เสี่ย เพื่อหวังทำลาย แต่ป้าศรีนวลช่วยออกมาได้ ท่านพาเธอไปแจ้งความไว้ บอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอจะต้องเป็นลุงกับป้าของเธอแน่นอน เกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆหญิงสาวถึงกับต้องให้ป้าศรีนวลช่วยทำเรื่องย้ายที่เรียน เธอเลิกติดต่อกับครอบครัวนั้นอย่างเด็ดขาด นี่เป็นอีกสาเหตุที่เธออยากไปอยู่ต่างประเทศ อยากหนีคนพวกนี้ไปให้ไกลที่สุด ช่วงที่เธอเรียนปี 2 ป้าศรีนวลเสียชีวิต หญิงสาวต่อสู้ด้วยตัวเองอีกครั้งอย่างโดดเดี่ยว แต่แก้วกานดาไม่เอาเรื่องพวกนี้มาทำให้ชีวิตของเธอหดหู่และสิ้นหวัง เธอตั้งใจเรียนอยากจบเร็วๆจะได้ทำงานหาเงิน ตั้งใจไปอยู่ต่างประเทศไม่อยากจำว่า ชีวิตที่ตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่ เธอต้องเจอกับอะไรมาบ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD