ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตักไอ้บ้ามาร์ทนะสิ หลังจากที่ออกจากห้องประชุมฉันก็เปิดประเด็นเรื่องของไอ้แพรวทันที ฉันพูดโดยใช้เหตุผลจนน้องมันรับปาก แต่นั่งอยู่ดี ๆ ก็ต้องตกใจเมื่อไอ้บ้ามาร์ทมันกระชากฉันให้ไปนั่งบนตักมันแทนโซฟา ฉันบอกให้ปล่อยก็ไม่ปล่อย ฉันจึงยิ้มใส่มันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ฉันจึงยอมเรียกมันว่าพี่ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ยอมปล่อย ฉันก็นึกว่าใช้ลูกอ้อนแล้วจะได้ผลแต่ไม่ใช่เลย และที่หนักกว่านั้นก็คือ
เขาบอกเพื่อน ๆ ของเขาว่าฉันคือคู่หมั้นจนฉันนี่อายไปหมดแล้ว แล้วอยู่ดี ๆ เพื่อนเขาที่ชื่อคิมหันต์ก็โวยวายขึ้นมาว่า มีคู่หมั้นตอนไหน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรก็โดนยัยมีนตอกหน้าให้ซะก่อน ซึ่งนั่นทำให้ฉันก็ขำนะแต่คนตัวโตนี่สิขำจริงจังมาก ๆ อะ จนฉันหยิกเขาและว่าเขาไปนิดหน่อยจนเขาหน้าเสียจากที่ขำอยู่กลายเป็นเพื่อนเขาที่ขำแทน เขามองเพื่อนเขาอย่างคาดโทษ แล้วมองฉันแบบเคือง ๆ
แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาแอบหอมแก้มฉันหรอก เขินจนตัวจะแดงอยู่แล้วเนี่ย พอเผลอก็โดนขโมยหอมแก้มตลอดบางครั้ง ที่คุยกันอย่างสนุกเขาก็มุดหน้าลงที่ซอกคอฉัน ฉันก็ขยับหนีบ้างแต่มันก็ไม่ได้ไกลเพราะเขากอดฉันอยู่ จึงทำให้ฉันหนีไม่ถนัด เมื่อเป็นอย่างนั้นฉันก็ได้แต่ปล่อย เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนอกจากนี้เลย และส่วนลึกของหัวใจมันก็ทำให้ฉันมีความสุขเล็ก ๆ
อิอิ ความสุขของฉันคืออยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนนี้สินะ
“พี่ลินคะ แล้วที่พี่ลินมาหาแพรวนี่พวกพี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
แพรวหันมาถามฉันจนสะดุ้ง
“อ้อ เปล่าหรอกจ้ะ แค่จะพาไปเลี้ยงน่ะ” ฉันตอบแล้วหันไปยิ้มให้อีกครั้ง
“เลี้ยงอะไรไปด้วยสิ” คนตัวโตที่กอดเอวฉันอยู่พูดขึ้น แล้วมองฉันตาปริบ ๆ เลยล่ะ
“ไปสิคะ ไปหลายคนสนุกดี” ฉันยังไม่ตอบอะไรเสียงไอ้แพรวก็ดังขึ้น ฉันจึงหันหน้าไปคาดโทษไอ้แพรวทันทีมันก็ได้แต่ยิ้มอย่าไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ไอ้มีนก็ดังขึ้น พร้อมเอามือจุ๊ที่ปากเพื่อบอกให้พวกฉันเงียบ จากนั้นพวกเราทุกคนก็เงียบ
“ฮะ! อะไรนะ พูดใหม่สิ” เสียงของไอ้มีนดังขึ้น ทำให้ฉันสงสัยไม่น้อย แต่คนที่สนใจเป็นพิเศษคงจะเป็นคิมหันต์เพื่อนอีตามาร์ทนี่แหละที่สังเกตทุกอิริยาบถของมีนเลย
“เออ อืม โอเคได้ บอกไปเลยว่าฉันตกลง เออ แค่นี้นะ” แล้วมันก็วางสายไปด้วยสีหน้าเครียด ๆ เล็กน้อย
“มีไรวะ” ยัยปรางค์ถาม
“สนามมีปัญหาวะ ฉันคงไปกับพวกแกไม่ได้ พวกแกไปกันเถอะเดี๋ยวฉันจะเข้าสนามสักหน่อย” มีนว่า
“ถ้าพี่มีนไม่ไป แพรวก็ยังไม่ไปค่ะ ไปทั้งทีต้องไปให้ครบสิ” แพรวพูด
“งั้นเอางี้ เราก็ไปกินกันที่สนาม ส่วนปัญหาที่ว่าคืออะไรบอกได้ไหม แล้วแกตกลงอะไรไป ให้ฉันช่วยไหม” ฉันเสนอทางออกให้ มันมองหน้าฉันนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า
“แกจำพวกที่ส่งคนมาก่อกวนสนามของฉันรอบที่แล้วได้ไหม พวก
เควินนะ วันนี้มันท้าดวลสนามว่ะ ถ้าแพ้ต้องเสียรถกับเงินยี่สิบล้านนี่คือของพนัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ที่ฉันกังวลก็คือฉันไม่พร้อมลงสนามอะ แขนฉันยังไม่หายดีเพราะ” มันพูดแล้วมองหน้าฉัน เป็นอันว่าเข้าใจกันอยู่แค่สี่คน ส่วนคนที่สงสัยก็คงจะเป็นพวกผู้ชาย
“งั้นเดี๋ยวแพรวแข่งให้” แพรวพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอก พวกมันเก่งกว่าแพรว” ยัยมีนว่าแล้วทำท่าคิด
“งั้นฉันแข่งแทนเอง คงไม่เก่งกว่าฉันนะ”
ยัยปรางค์เสนอบ้างแต่ก็โดนยัยแพรวปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า
“สภาพแกก็ไม่เต็มร้อยนักหรอก อย่าเสี่ยงเลย” ฉันมองหน้าพวกมันสามคนเล็กน้อย จนห้องเงียบพวกมันเงยหน้ามองฉันแล้วส่ายหน้าทันที แต่ฉันมองพวกมันนิ่ง จนคนตัวโตก็หันหน้ามามองฉัน
“งั้นฉันลงเอง อย่าห้าม! ทั้งที่รู้ว่าห้ามไม่ได้ มันคงไม่เก่งเกินฉันหรอก มันคงเถื่อนพอดูเลยล่ะ ก็ดีถือเป็นการระบายอารมณ์ฉันด้วย” ฉันพูดแล้วมองหน้าพวกมัน ไอ้มีนทำท่าจะปฏิเสธ
“ในฐานะเพื่อนฉันไม่ยอมให้เพื่อนของฉันเผชิญปัญหาคนเดียวหรอก ในฐานะเจ้านายฉันขอสั่งพวกเธอว่าฉันจะลงแข่งเอง” ฉันพูดดูแล้วพวกมันตกใจแต่ก็แค่แป๊บเดียว ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังฉันนี่หน้ายู่เลย เขาอาจสงสัยนั่นแหละว่าฉันคือใคร แต่ฉันยังไม่บอกหรอก ขอดูไปอีกสักพัก ถ้าฉันแน่ใจเขาคงได้รู้เองว่าฉันเป็นใคร แต่ถ้าถามตอนนี้ฉันไม่ยอมบอกแน่ ๆ
เมื่อตกลงกันได้แล้วพวกเราทั้งหมดก็ไปที่สนามแข่งรถของยัยมีนทันที
ตอนนี้เราทุกคนก็อยู่ที่สนามแข่งเรียบร้อย และทันทีที่ฉันเห็นคู่แข่งฉันก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะทางนั้นบอกว่าเคลวินจะลงแข่งเอง ซึ่งหมอนี่ไม่คณามือฉันหรอก หึหึ แต่มันติดอยู่ที่คนตัวโตนี่แหละ
“ลิน มาคุยกันก่อน” เขาหันมาหาฉัน
“คุยอะไร ไม่มีอะไรต้องคุยหนิ” ฉันตอบเขา
“มีสิ ลินรู้ไหมว่ามันอันตราย พวกไอ้เคลวินน่ะขี้โกงจะตายพี่ไม่อยากให้ลิน ลงแข่งนะ พี่เป็นห่วง” เขาพูดไอ้กิตติศัพท์ความขี้โกงของเคลวินฉันก็พอจะรู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร แต่ฉันคิดว่าฉันรับมือได้
“แต่ฉันรับปากเพื่อนไปแล้ว และจะไม่ถอนคำพูดหรือกลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาด”
ฉันพูด เขาสะอึกไปนิด
“ไม่รู้แหละ ฉันไม่ให้เธอไป และเธอต้องจำ จำไว้นะ ถ้าฉันไม่ให้เธอไป เธอก็ไปไหนไม่ได้” เขาพูดแต่สรรพนามเปลี่ยนไปฉันนิ่งไปนิดก่อนจะตอบไปว่า
“เสียใจ คุณห้ามฉันไม่ได้หรอก” ฉันตอบก่อนจะมองหน้าเขากลับและไม่ยอมหลบตาและดูเหมือนเขาจะโกรธมาก ๆ เลยล่ะ เพราะฉันเห็นเขากำหมัดแล้วมองหน้าฉันนิ่ง ๆ ส่วนเพื่อน ๆ ของเขาและของฉันก็ดูเหตุการณ์เงียบ ๆ ไม่มีใครกล้ามาห้ามสักคน
แต่ก่อนที่จะเกิดพายุคนฝั่งนั้นก็เดินมาบอกว่าขอเปลี่ยนตัวคนลงแข่ง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากชนะผู้หญิง และฉันก็ได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่าทางนั้นเปลี่ยนให้คู่แข่งเป็นใบเตย หรือยัยเตยเน่าคู่ควงที่อีตาพี่มาร์ทเคยควงตอนมอห้ามอหกนั่นเอง ศัตรูเก่าฉันเองแหละ ยัยนั่นเดินมาหาฉัน
“อุ้ย กลับมาแล้วเหรอจ๊ะลลิน หายไปนานเลยนะ” ยัยเตยพูด
“อืมกลับมาแล้ว มาเอาทุกอย่างคืน ของที่เป็นของฉันก็คือของฉัน”ฉันพูดกลับนิ่ง ๆ แต่พี่มาร์ทดูสะดุ้ง
“หึ ฉันขอเพิ่มของกำนัลนะ ถ้าใครชนะได้พี่มาร์ทไป”
ยัยนั่นท้าฉัน ยัยนี่ฝีมือดีเลยทีเดียวล่ะจากข่าวที่ได้มา
“หึ ได้สิ ไม่มีปัญหา แต่เธอแน่ใจเหรอว่าจะชนะ” ฉันถามยัยนั่นกลับพร้อมทำท่าเยาะเย้ยจนมันเดินกลับไป
“ลิน พี่ไม่ให้ลงนะ มันอันตราย ใบเตยนั่นอาจโกงก็ได้” เสียงพี่มาร์ทพูดอีกครั้งดูเหมือนเขาจะใจเย็นลงแล้ว แต่... ใครจะฟังกัน
“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่สนใจ ยังไงก็ห้ามไม่ได้ อย่าห้ามให้ยากเลย”
ฉันตอบเขานิ่ง ๆ เขามองตาฉันนิดหนึ่งก่อนเขาจะละสายตาเดินหนีฉันออกไป อะไรต้องง้อเหรอนี่
“โกรธเหรอ” เงียบ
“ไม่เอาน่า เอางี้แข่งเสร็จจะยอมทุกอย่างเลยโอเคไหม” เขาก็ไม่ตอบ
“พี่มาร์ท! เริ่มโมโหแล้วนะ”
แล้วเขาก็หันหน้ามามองฉันนิ่งแล้วบอกว่า
“จำที่พูดเมื่อกี้ให้ดีก็แล้วกัน อย่าลืมล่ะ” เขาตอบฉันยิ้มแล้วฉันกับเขาก็กลับเข้าไปในห้องรับรองรอเวลา