ตอนนี้พวกผมสามคนอยู่ที่มหาลัยของไอ้ตินแล้วครับ เพราะวันนี้มันมีประชุมกับหุ้นส่วนของมหาลัย แต่มันบอกให้พวกผมสองคนมาด้วย พวกผมก็เลยมา
แต่เหตุเมื่อกี้สิครับที่ทำให้พวกผมตะลึง คือลลินหันไปพูดอะไรกับไอ้มาร์คัสน้องไอ้ตินก็ไม่รู้ แต่จากที่ผมสังเกตก็คือทุกคนดูตะลึง จากนั้นลลินก็กระชากผู้หญิงข้างกายไอ้มาร์คัสมาและตบเธอไปสี่ครั้งติดทำให้น้องคนนั้นถึงกับล้มเลยล่ะครับ นั่นยังไม่พอเธอหันไปหยิบจานข้าวแล้วค่อย ๆ เทลงบนหัวของน้องคนนั้น ผมนี่ตะลึงทำอะไรไม่ถูกเลย จนไอ้ตินมันสะกิด
“ไอ้มาร์ทเว้ย มึงไปห้ามสิมึงชอบน้องเขานิ เดี๋ยวน้องลลินของมึงก็มีเรื่องหรอก ผู้หญิงที่น้องลินมึงมีเรื่องด้วยเนี่ยเป็นลูกผู้มีอิทธิพลนะเว้ย”
พอได้ยินเท่านั้นแหละผมวิ่งไปหาเธอและตะโกนบอกให้เธอหยุด
“ลิน ลินหยุดพี่บอกให้หยุด” แต่ดูเหมือนเธอจะไม่หยุดนะครับ
จนผมเข้าไปกอดเธอจากทางด้านหลังแต่เธอผลักผมออกแล้วหันไปพูดกับน้องที่เธอตบเมื่อกี้อีกครั้ง น้ำเสียงเธอนิ่งมาก ๆ และผมเริ่มรู้แล้วว่าเธอน่ากลัวเพราะน้ำเสียงนิ่งก็จริงแต่สายตาของเธอนี่สิ สามารถฆ่าคนได้เลยละครับ
บรึ๋ย นึกแล้วผมก็เริ่มกลัวเธอขึ้นมานิด ๆ ล่ะแล้วน้องแพรวอะไรนั่นที่เธอประกาศว่าเป็นน้องก็เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ลินกับพูดออกมาว่าหยุด ก่อนที่เธอจะขึ้นผมนึกในใจนี่ยังไม่ขึ้นอีกเหรอ ซึ่งตอนนี้เราก็เข้ามาในห้องพักเพื่อรอเวลาการประชุม และสีหน้าของลลินดูนิ่งมาก
ผมยังจำตอนที่ผมเข้าไปกอดห้ามเธอได้ ไม่รู้เธอเอาแรงมาจากไหนแต่ที่ผมรู้ก็คือ แรงเธอเยอะมาก ๆ เลยล่ะ พวกเรานั่งอยู่อย่างนั้นไม่มีใครพูดอะไร ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ได้เวลาเข้าห้องประชุม พวกเราเข้าห้องประชุมทุกคนเลยครับยกเว้นก็แต่น้องที่ชื่อแพรวอะไรนั่นที่ไม่ได้เข้า น้องให้เหตุผลที่ว่าเป็นเรื่องของมหาลัย นักศึกษาอย่างน้องไม่ควรเข้าไป เธอขอนั่งอยู่ในห้องนี้ ซึ่งพวกผมก็ไม่ขัด แต่ผมเห็นสีหน้าของไอ้มาร์คัสนะครับเหมือนมันอยากขอโทษน้องแพรวอะไรนี่มากเลยล่ะ
แล้วการประชุมก็เริ่มขึ้น ก็ไม่มีอะไรมากก็คุยเรื่องทั่วไป เกี่ยวกับการปรับปรุงมหาลัย การบริหารไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ผมก็นั่งฟังเฉย ๆ ส่วนคนที่คอยเสนอหรือแย้งก็มีแต่ไอ้ตินกับปรางค์เพื่อนของลลินนั่นแหละครับ ในที่สุดการประชุมก็สิ้นสุดลง พวกเราทั้งหมดเดินมาที่ห้องพักทันที นั่งพักไม่ถึงสิบนาที ลลินก็เปิดประเด็นทันที
“ไหนเล่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้น ห้ามปิดปังด้วย”
ลลินหันไปถามแพรว
“คือเขาเข้ามาหาแพรวแล้วถามชื่อ แพรวก็บอกว่าใช่ แล้วยัยแพมอะไรนั่นก็เทน้ำใส่ตัวเองแล้วก็ตบตัวเองจากนั้นก็ดึงแพรวไปคร่อมตัวเองไว้ทั้ง ๆ ที่แพรวยังไม่ทำอะไรเลย แพรวได้แต่อึ้งจน จนพี่มาร์คัสเข้ามากระชากแพรวออกแพรวถึงรู้สึกตัวค่ะ” น้องแพรวอธิบายให้ฟัง
“แล้วนายล่ะ มาร์คัสใช่ไหม เล่าสิ” ลลินหันไปถามมาร์คัส
“เอ่อ คือผมเข้ามาก็เห็นแพรวคร่อมแพมอยู่ ผมก็เลยผลักแพรวออกจากแพม แต่ที่ผมบอกให้แพรวขอโทษแพมเพราะพ่อแพมเป็นคนมีอิทธิพล ผมไม่อยากให้แพรวมีปัญหาจึงตัดปัญหาด้วยการให้แพรวขอโทษอย่างที่พวกพี่เห็นล่ะครับ”
ไอ้มาร์คัสอธิบาย ตอนนี้เหมือนทุกคนกลัวลลินเลยแฮะ ขนาดเพื่อนเธอยังเกร็งเลย
“นายเลยไม่เลือกที่จะถาม แต่เลือกที่จะตัดปัญหางั้นสิ ให้ตายเถอะ”
เสียงนี่เป็นเสียงของปรางค์พูดขึ้นบ้าง
“อ้าวนี่คุณ แต่ผมว่าน้องผมก็ทำถูกนะที่จะตัดปัญหาแบบนั้น ไม่งั้นน้องแพรวมีอันตรายแน่” ไอ้ตินพูดทำให้ปรางค์จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“พอหยุด ฉันจะถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก นายควรสอบถามก่อนตัดสินใจนะมาร์คัส นายเป็นผู้ชายแถมยังเป็นรุ่นพี่ด้วย ไม่งั้นน้อง ๆ มันจะว่าเอาว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล ไม่ยุติธรรม ใช้แต่อำนาจ แล้วมันจะไม่มีคนนับถือนาย เขาจะเข้าหานายเพราะเงิน เพราะฉะนั้นให้ครั้งนี้เป็นบทเรียนทีหลังก็คิดก่อนเข้าใจไหม”
ลลินหันไปหาไอ้มาร์คัส และพูดด้วยเหตุผลจนผมกับเพื่อนตะลึงไม่คิดว่าเธอจะมีเหตุผลขนาดนี้
“เข้าใจครับ แล้วพี่เอ่อ ไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ”
ไอ้มาร์คัสรับคำก่อนจะถาม
“โกรธ แต่ช่างมันเถอะครั้งแรกหนิ ส่วนเธอแพรว เราไม่ใช่คนอ่อนแอหนิ แถมยังเป็นคนไม่ยอมคนด้วย ทำไมถึงอยู่เฉย ๆ ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ บางครั้งการอยู่เฉยก็ไม่ได้ทำให้คนที่แกล้งเราหยุดหรอก เพราะฉะนั้นจากนี้ก็วิเคราะห์สถานการณ์แล้วค่อยคิดว่าจะจัดการปัญหาตรงหน้ายังไงเข้าใจไหม” ลลินพูด
“เข้าใจค่ะ” น้องแพรวตอบลลิน จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ผมยิ้มก่อนจะ ลุกแล้วไปดึงลลินมานั่งตัก
“เฮ้ย ปล่อย” เสียงลลินบอก แต่ผมนิ่งส่วนเพื่อนผมอึ้งสิครับ เพราะผมไม่เคยทำกับใครแบบนี้
“ไม่ปล่อยหรอก เรานี่มีเหตุผลเหมือนกันนะ” ผมบอกเธอพร้อมยิ้มน้อย ๆ
“ฮึ่ม จะปล่อยไหม”
เธอถอนหายใจแล้วถามผมอีกครั้ง ผมก็ส่ายหัวเป็นอันที่เข้าใจกันว่าไม่ เธอมองหน้าผมสักพัก แล้วทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม จนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เลยละ แต่ไม่เป็นไรผมมึนพอ
“พี่มาร์ทขา ปล่อยลินนะคะ ลินอยากนั่งโซฟา ลินกลัวพี่มาร์ทเมื่อย”
นั่นไงผมว่าแล้ว แต่อะไรนะพี่เหรอ ลินเรียกผมว่าพี่ ผมหันไปยิ้มให้ทันที เธอมองผมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“อะไรกัน ห่วงพี่เหรอ พี่ไม่เมื่อยหรอก ให้คู่หมั้นนั่งตักแค่นี้จะเมื่อยได้ยังไง” ผมบอกเธอ
“ฮะ อะไรนะ!!!” เสียงไอ้ติน มาร์คัสและไอ้คิมดังขึ้นอย่างตกใจ
“เออ นี่คู่หมั้นฉันเอง ลลิน” ผมบอกพวกนั้นก่อนจะหันมายิ้มใส่ลินที่ตอนนี้หน้าแดงไปถึงหูแล้ว
“มึงมีตอนไหนไอ้มาร์ท ทำไมพวกกูไม่เคยรู้ว่ามึงมีคู่หมั้น” เสียงไอ้คิมถามแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร
“นี่ จะไปยุ่งอะไรเรื่องส่วนตัวของเขา เขาจะหมั้นจะแต่งเกี่ยวไรกับนายไม่ทราบ ก็เข้าใจนะว่าเป็นเพื่อน แต่บางเรื่องก็ไม่ต้องรู้ก็ได้ปะ! ไอ้ปลาไหล”
เสียงของมีนพูดเองครับ พวกผมนี่หัวเราะก๊ากเลย เพราะไม่เคยมีใครเรียกไอ้คิมแบบนี้เลย หึหึ สงสัยผมว่ามันคงได้คู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ทันไร ลลินก็หยิกผมใหญ่เลย
“โอ๊ย ลินหยิกพี่ทำไม” ผมถามเธอพร้อมทำหน้าเจ็บ ๆ
“ไม่ต้องมาสำออย ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น แล้วไปหัวเราะเขาทำไมไม่ทราบ เรื่องตัวเองอะรอดแล้วเหรอฮะ!”
ลลินตอบผมจากตอนแรก ๆ ที่ผมหัวเราะก็กลายเป็นพวกมันที่หัวเราะแทน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้มาร์ท แก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้มาร์ท แก ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
เสียงพวกมันหัวเราะเยาะผม
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมจึงหันไปทำหน้าดุคาดโทษให้พวกมันทันที ไม่นานเสียงก็เงียบลง และแน่นอนผมจัดการคนที่ทำให้ผมกลายเป็นตัวตลกกับเพื่อน ๆ ด้วยการกอดเธอแน่นและแอบหอมแก้มเธอด้วยในบางครั้งเวลาที่เธอเผลอ หึหึ ความสุขของผม