ตอนที่ 4 คนนิสัยเสีย (1)

1016 Words
ตอนที่ 4 คนนิสัยเสีย (1) นานนับสามสัปดาห์แล้วที่นิรดามาอาศัยอยู่ที่บ้านของธารนทีที่จังหวัดสระบุรี มันแย่มากกับการออกห่างจากเมืองกรุงศิวิไลซ์ แต่พออยู่ไปอยู่มาก็บอกตัวเองได้ว่า เออ มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนี่หว่า อยู่นี่เธอมีความสุขดีในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกับ...ไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าของบ้านสักหน่อย ก็แค่รู้สึกว่าการได้หัดทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเธอมีคอมพิวเตอร์และสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งเธอโทรไปบอกพ่อแล้วและพ่อก็บอกว่าขอดูความประพฤติภายในสามเดือน ถ้าสามเดือนนี้ทำตัวดี รับรองจะเอาเน็ตบุ๊กเครื่องโปรดไปส่งให้ถึงที่ ซึ่งนิรดาก็ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันนั้น วันที่ครบสามเดือน เธอจะได้ทำงานอดิเรกที่โปรดปรานเสียที สาวน้อยคิดพร้อมกับล้างจานไปด้วย ตอนนี้ทักษะในการล้างจานของเธอดีขึ้นมาก ล้างได้สะอาด ล้างได้เกลี้ยง และไม่เปลืองน้ำยาล้างจาน หมดห่วงไปได้ในเรื่องนี้ แต่เรื่องเป็นลูกมือ ล้างผักและทำกับข้าว เจ้าของบ้านบอกเธอว่าไม่เป็นไร ค่อยๆ ฝึกไปทีละอย่าง ไม่ต้องรีบร้อน คนหน้าจืดนั่นคงไม่ได้กลัวว่าเธอจะไปทำวัตถุดิบในการปรุงอาหารของเขาเสียหายหรอกนะ! แต่ก็ช่างสิ ไม่สนหรอก เธอก็ทำได้เท่านี้ล่ะ “อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น” คำสุภาษิตที่พ่อกรอกหูก่อนมาที่นี่ยังดังก้อง โธ่ พ่อจะให้เธอปั้นวัวปั้นควายให้พี่น้ำเล่นหรือไง เขาก็โตจนควายชนก้นไม่ถึงแล้ว คิดไปคิดมาก็หน้าง้ำงอ บางทีเธอก็รู้สึกดี แต่บางทีก็รู้สึกแย่ ยิ่งตอนพี่น้ำไม่อยู่บ้านออกไปทำงานนี่นะ หึ! อย่าให้บรรยายเลย เจ้าของบ้านอีกคนนี่คอยแต่จ้องจะหาเรื่อง นิรดาคิดฟุ้งซ่านไปตามประสาเด็ก ขณะคว่ำจานใบสุดท้ายลงที่ที่เก็บ ล้างมือเสร็จก็เดินอารมณ์ดีออกไปข้างนอก ตั้งใจว่าจะไปเตร็ดเตร่อยู่แถวๆ หน้าบ้าน พอใครบางคนกลับมาแล้วเธอก็จะเห็นเขาทันที แรกๆ เธอก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าเขาจะกลับมาตอนไหนยังไง แต่แม่ของพี่น้ำนั่นแหละค่อนแคะหาว่าเธอไม่มีน้ำใจ ในตอนวันหนึ่งที่พี่น้ำกลับมาจากที่ทำงานแล้วเขาแวะซื้อของที่ตลาดก่อนกลับมาบ้าน พอลงจากรถก็หอบหิ้วของพะรุงพะรัง ซึ่งเธอยืนอยู่หน้าบ้านพอดี แม่เขาบอกว่าช่วยพี่เขาถือบ้างสิ ใจคอจะยืนมองเฉยๆ หรือไง นิรดาจำได้ว่าตัวเองหน้าบูดขึ้นมานิดๆ ก่อนจะปรับให้เป็นปกติเมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่มีน้ำใจจริงๆ นั่นแหละ พอเดินไปช่วยรับถุงผักจากเขาเดินเข้าไปเก็บไว้ในครัว ก็ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นหล่อเหลาเป็นรางวัล และหลังจากวันนั้น…เธอก็มักจะมาด้อมๆ มองๆ แถวนี้ตอนเย็นๆ พอเขากลับมาก็ช่วยเขาถือข้าวของตามแต่จะมีกลับเข้าบ้านไปด้วย กลายเป็นความเคยชินอีกอย่างหนึ่งในชีวิตไปโดยปริยาย ซึ่งเธอก็ไม่ได้ฝืนใจแต่อย่างใด นิรดาตั้งใจว่าเธอจะทำตัวให้ดี อดทนอยู่ที่นี่ให้ได้อีกสักพัก พอพ่อเห็นว่าพฤติกรรมบางอย่างที่ท่านไม่ชอบใจของเธอดีขึ้น ท่านก็คงใจอ่อนยอมตามใจให้เธอเลือกทางเดินชีวิตข้างหน้าต่อไปด้วยตัวเอง นิรดาตั้งใจเช่นนั้น แต่นั่นก็กลายเป็นความตั้งใจของอดีตไปแล้ว เมื่อรถยนต์ที่เคลื่อนเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน คนที่ก้าวลงมาจากรถไม่ใช่เพียงแค่ชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคยเพียงคนเดียว… เสียงหัวเราะคิกคักหยอกล้อของคนสองคนระหว่างรับประทานอาหารเย็นนั้นขัดหูขัดตานิรดาเป็นที่สุด ทั้งที่วันนี้เป็นวันที่เธอหิวมาก แต่เพราะมีคนแปลกหน้ามาร่วมโต๊ะด้วย เลยทำให้ไม่อยากจะกลืนอะไรลงคอสักเท่าไหร่ ถึงแม่พี่น้ำจะชอบดุเธอ แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ร่วมบ้านด้วย ต่างคนต่างอยู่ไม่หาเรื่องกัน แม้จะมีเขม่นนิดๆ ก็เถอะ แต่แม่คนนี้! เจ้าหล่อนชื่อ น้ำตาล นิรดาอยากจะเรียกว่า ยัยน้ำเต้า นัก นิรดาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหน ได้ยินพี่้น้ำแนะนำว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันที่กรุงเทพฯ ก็แค่นั้น แต่ดูเหมือนแม่เขาจะเอ็นดูเพื่อนลูกชายอยู่ไม่น้อย ก็แน่ล่ะสิ ผู้หญิงหน้าหวาน มารยาทเรียบร้อย คำพูดคำจาหวานหู ยังไงก็ต้องดูดีกว่าเด็กดื้ออย่างกับลิงทโมนอยู่แล้วล่ะ นิรดาเขี่ยข้าวในจานไปมา ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ ในขณะที่คนอื่นต่างกินไปด้วย พูดไปด้วย หัวเราะไปด้วย ชั่วขณะหนึ่งที่เธอคิดว่าอยากจะลุกออกไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ ไข่เจียวของโปรดก็ยื่นมาวางให้ในจานด้วยฝีมือของคนที่นั่งตรงข้าม “ไม่ยอมกินข้าวสักที ตักไข่เจียวไม่ถึงใช่ไหมคะหนูนุ่ม” เสียงอบอุ่นมาพร้อมกับรอยยิ้มหล่อเหลา ทำเอาทุกคนในที่นั้นหยุดชะงักทุกการกระทำ นิรดาเม้มปากก้มหน้าลงอย่างไม่เข้าใจ แต่ธารนทีกลับยิ้มให้อย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับผู้หญิงต่างวัยอีกสองคน “น้องกินเผ็ดไม่ค่อยได้ครับ ถ้าวันไหนไม่มีไข่เจียวก็ไม่ค่อยจะกินอะไรเลย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD