ก๊อก ๆ ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หญิงสาวเลิกสนใจสิ่งที่กำลังไหลวนเวียนเข้ามาในหัว ของเธอซึ่งเกิดจากเรื่องคืนนั้น
"ใครคะ!?" สกาวขมวดคิ้วยุ่งหลังจากได้สติก็ถามออกไปทันทีพร้อมกับย่างเท้าเดินไปเปิดประตูห้องให้
"พี่เรียกตั้งนานมัวทำไรอยู่ ออกไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่าชาบูหมูทะอยากกินไรว่ามา" สกายกอด'อก'พิงประตูห้องน้องสาวแล้วถามออกมาทันทีที่เจอหน้าแล้วยกคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้เธอ
"ไม่ไปอ่ะขี้เกียจ~" ฉันทำเสียงเหนื่อยหน่ายบอกพี่สกายแล้วหมุนตัวกลับไปทิ้งร่างกายลงบนเตียงนอนทันที
"เฮ้! ได้ไงลุกเลยเร็ว ๆ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ของกินจะเยี่ยวยาทุกอย่าง ลุก!" พี่สกายเดินเข้ามาลาก เน้นย้ำว่าลาก ฉันออกจากที่นอนอันแสนวิเศษทันที หลังจากที่พูดชวนกินนั่นนี้อยู่นั่น สรุปใครท้องคนท้องแบบฉันไม่หิวคนหิวคือพี่สกายเนี่ยนะ!
"โอ๊ยเบา ๆ สิพี่สกาย อย่าลากแรง ๆ" แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้างเนี่ยถ้าไม่ติดว่าพี่มีตังเยอะนะฉันจะหาผัวรวย ๆ มาเลี้ยงดูตัวเองสักคน จะได้ไม่ต้องลากสังขารที่ไม่พร้อมออกไปหาอะไรกินแบบนี้
"อย่าเวอร์ ๆ พี่ไม่ได้ลากเลยแค่จับมือให้เดินตามเฉย ๆ" สกายรีบแก้ตัวทันที
"เหรอ~ แล้วที่หนูเกือบหัวคะมำคือจับมือเดิน!?" ฉันถามออกไปทันทีที่มันไม่ใช่เรื่องจริง! ลากกันขนาดนี้บอกว่าจับมือเดิน 'เอาสมองส่วนไหนมาคิด' จะพูดออกมาดัง ๆ ก็ไม่ได้
"ความจริงจะเรียกให้ถูกก็จูงหมามาเดินนะ" สกายยกคิ้วส่งให้น้องสาว หลังจากได้พูดจากวนประสาทน้องสาวตัวเองเล่น
"พี่สกาย! ใครหมา! ฮะ! พูดให้มันดี ๆ โตจนควายจำหน้าไม่ได้แล้วยังจะมาปากหมาอีกเหรอ" 'หน๋อยยยมาว่าน้องตัวเองเป็นหมา ตัวเองก็หมาตัวพี่ละมั้งชิ!'
เพี๊ยะ
"โอ๊ย! เจ็บนะพี่สกายตบมาได้มือก็เค็มปี๋ แบะ" ฉันโดนมือพี่ชายตบมาที่ปากตอนที่ฉันกำลังเบะปากแลบลิ้นทำตาปลิ้นปล้อนล้อเลียนพี่ชายตัวเอง เพราะได้ด่าคืน
"พูดจาให้มันน่ารักเหมือนหน้าตาหน่อยสิยัยน้องคนนี้นี่" สกายหันมาสบตาน้องสาวของตัวเองพร้อมกับเขม่นใส่ทันที
"ก็พี่เริ่มก่อนอ่ะ" ฉันก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันในเมื่อพี่ชายว่าฉันเป็นหมาก่อนเพราะฉะนั้นก็หมามันทั้งคู่นั่นแหละ เหอะ!
"ช่างเถอะ ๆ จะกินอะไรล่ะตามใจคุณแม่วัยใส หนึ่งวันแล้วกันนะ" เขาเองก็ส่ายหัวให้กับคนไม่ยอมใครแบบน้องสาวของเขาขนาดพี่ชายแท้ ๆ มันยังไม่ยอมให้เลย
"อยากลากสังขารตัวเองกลับไปนอนที่บ้านได้ไหมละคะเนี่ย~" ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและออดอ้อนถึงขั้นสุดเพราะว่าง่วงนอนจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก็นอนไปเยอะเหมือนกันแปลกดีนะ
"โอ้โหสกาวพี่ขับรถออกมาจากครึ่งทางแล้วยังอีกยังจะกลับบ้านอีกเหรอไปหาอะไรกินกันเถอะ อย่าเพิ่งมาทำหน้าทำตาเว้าวอนตอนนี้พี่หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว" สกายหันไปพูดกับน้องสาวของเขาก่อนจะหันกลับมามองถนนตามเดิมเพราะว่ากลัวจะเกิดอันตรายในระหว่างขับรถบนท้องถนนที่ไม่เชิงว่าแออัด
"ชิ ก็ได้ ๆ ไปกินปิ้งย่างกันเถอะ" ฉันพูดจบแล้วก็หลับตานอนต่อในรถนั่นแหละโดยไม่สนใจเสียงอะไรทั้งนั้นเพราะยังง่วงอยู่
.
.
ร้านปิ้งย่าง
"สกาว ๆ ตื่นได้แล้วถึงแล้วตื่นเร็ว" สกายปลุกน้องสาวที่นิ่งเป็นหลับคงจะเป็นฮอร์โมนคนท้องนั้นแหละ
"หืม~ ร้านแถวไหนเนี่ยไม่ตุ้นเลยอ่ะเคยมาบ่อยเหรอคะพี่ชาย~" ฉันลืมตาตื่นมามองบรรยายกาศร้าน มันน่านั่งมากวิวสวยลมหน้าจะเย็นสบายดูจากต้นตีนเป็ดที่พริ้วไหว
"อืมมาบ่อย แต่ต้องมาช่วงที่ต้นไม้ไม่ผลิตดอกออกผลนะ ไม่รู้เขาจะปลูกไว้ทำไมทุกวันนี้พี่ยังไม่ได้คำตอบจากเจ้าของร้านเลย" สกายมองบรรยายกาศที่แสนจะคุ้นเลยเพราะเขามาบ่อยซึ่งร้านปิ้งย่างแห่งนี้เป็นของคนไทยในต่างแดนทุกอยากมันทำให้หวนคิดถึงประเทศชาติตัวเองที่จากมา
"หิวแล้วไปกันเถอะค่ะลูกค้าเยอะเลยเนาะ" ฉันมองทัศนียภาพโดยรวมก็ไม่ได้แย่อะไร เผลอ ๆ มันออกแนวโรแมนติกด้วยซ้ำ สามารถใช้เป็นสถานที่แต่งงาน ขอเป็นแฟน เซอร์ไพรซ์วันเกิด จัดเลี้ยง ได้เลยนะ
"เยอะทุกวันสงสัยติดใจมั้ง" สกายยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
"อืม คงติดใจบรรยากาศใช่ไหม" ฉันถามพี่ชายออกไปด้วยความอยากรู้
"เปล่า~ ติดใจเจ้าของร้านอ่ะ" สกายบอกออกไปตามความจริงแล้วยกแขนกอดคอน้องสาวพาเดินเข้าไปในร้านทันทีโดยไมาพูดอะไร ก่อนจะเจอกับเจ้าของร้านที่พูดคุยทักทายลูกค้าอยู่ที่โต๊ะหน้าทางเข้าร้าน
"นั่นไงไอ้เจ้าของร้านอ่ะ เสื้อสีกรมกางเกงยีนสามส่วน เท่มากมั้งนั้น" สกายเผยอหน้า ไปทางเจ้าของร้านทันทีที่มาถึง
"อ้าวสกายมาไงว่ะเนี่ย~ ไม่บอกก่อนละโต๊ะเต็มมึงได้จ้องล่วงหน้าไว้ปะ" เจ้าของร้านก็ราวกับว่าจะสนิทกันกับพี่ชายเธออย่างนั้นแหละ
"อืมจองไว้แล้ว ว่าแต่ออกมาทำไรอ่ะ" สกายพูดคุยกับเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม
"เจอคนรู้จักอะดิ จองโต๊ะไหนไว้แจ้งพนักงานร้านได้เลยเดี๋ยวตามเข้าไปคุยด้วย ว่าแต่คนนี้ใครอ่ะแหนใหม่เหรอ!?" เจ้าของร้านเองก็ถามออกมาทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรฃรทั้งนั้น
"หืม~" ฉันได้แต่งงกับคำถามของพี่ผู้ชายเจ้าของร้านได้แต่ยิ้มรับออกมาเท่านั้น
"ไม่ใช้นี้น้องสาวเว้ย คลานตามกันออกมาจากพ่อแม่เดียวกันเก็ทนะ" สกายเองก็ตอบออกมาตามความจริงไม่คิดปิดบังเพื่อนตัวเอง
"สวัสดีค่ะชื่อสกาวนะคะน้องพี่สกายค่ะ" ฉันไหว้ไปตาม มารยาททางสังคมนั่นแหละก็นาน ๆ ที่จะเจอคนสังคมเดียวกันนี้นา~
"หวัดดีครับพี่ชื่อ กาฟิวนะเป็นเจ้าของร้านนี้เองแหละตามสบายเลยนะวันนี้" กาฟิวบอกน้องสาวเพื่อนก่อนจะขอตัวไปคุยกับคนรู้จัก
"อยากกินอะไรสั่งเลยมีพี่ชายที่แสนดีเปย์ให้ขนาดนี้~ ต้องมีรางวัลให้พี่ดีเด่นแล้วปะ" สกายพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าน้องสาวตัวน้อยของเขาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ที่มีแผนการไว้ในหัวแล้ว
"อย่ามาทำหน้าตาหน้าเกลียดแบบนี้รู้ทันหรอกนะ ไม่ต้องเลยหนูจะสั่งมากินเยอะ ๆ ให้พี่หมดตัววันนี้แหละ!" ฉันไม่ยอมหรอกแค่เห็นแววตาก็รู้แล้วว่าพี่ชายนั้นต้องการจะสื่ออะไร เจ้าเล่ห์ไม่พอเจ้าแผนการอีกด้วย เกิดเป็นคนฉลาดนี่ใช้ชีวิตลำบากเนาะ ลำบากคนอื่นอ่ะ!!
"ทำเป็นรู้ทันให้มันน้อย ๆ หน่อย" สกายจ้องมองน้องสาวของเขาที่รู้ความคิดของเขา
"หิวแล้ว หิว หิว หิว หิว~" สกาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่รู้ทันถึงแววตากดดันของพี่ชายตัวเอง
"สั่งสิไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง สรุปจะกินไหม" สกายถามเสียงดุเพื่อจะกลบเกลื่อนความคิดอันเจ้าเล่ห์ของเขาเอาไว้
"หืม~ ที่แบบนี้ดุน้องช่างกล้าหาญชาญชัยจริง ๆ พี่ใครคะ พี่ใคร ฮ่า ๆ ฮ่า" คนรู้ทันอย่างฉันมีเหรอจะปล่อยผ่านและไม่ล้อพี่ชายตัวเอง รู้ทันแค่นี้ทำเป็นขุมเชื่อเถอะสำหรับน้องสาวคนนี้พี่สกายยอมได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แม้จะขี้บ่นและขี้งกก็เถอะ
"เฮ่อ~ ช่างเถอะอยากกินไรก็สั่งเพิ่มเอาเองละกันนะไม่คุยด้วยละเบื่อพวกคนรู้ทันอะ" สกายมองน้องสาวที่ไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้บางครั้งจะกลัวเขาบ้างก็จริงแต่ไม่ได้ขนาดที่ร้าวฉาน แค่กลัวตามสไตล์ของยัยเด็กแสบ
.
"ร้านนี้เลยค่ะคุณหมอ~ อร่อยมากกว่าพวกเราจะจองคิวได้เลือดตาแทบกระเซ็น" หนึ่งในนางพยาบาลที่เป็นผู้ช่วยของหมอทักษ์แนะนำและเดินเข้าร้านมาอย่างกับเคยมาบ่อย ๆ
"มาบ่อยเหรอครับ" หมอทักษ์ที่เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ถ้าเพื่อการมีมารยาทในการเข้าสังคมแม้ไม่ได้อยากจะรู้ก็ตาม
"ใช้ค่ะดอกพุดชวนแก้วมาบ่อยมาก อร่อยถูกปากที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้วในประเทศนี้นะคะคุณหมอ" ผู้ช่วยพยาบาลสาวบอกออกมาด้วยรอยยิ้ม
"งั้นทุกคนสั่งได้เต็มที่เลยนะครับวันนี้พวกถือว่าผมเลี้ยงเพื่อขอบคุณที่ทุกคนอยู่คอยช่วยงานตามหน้าที่ได้เป็นอย่างดีแล้วกัน" ทักษ์บอกกับทุกคนที่วันนี้ได้หยุดพักงานตรงกันกับเขาเพราะมีคนอื่น ๆ ขึ้นเวรแทน
"ไม่ได้นะคะคุณหมอพวกเราเน้นหารกันจ่านค่ะไม่อยากเอารัดเอาเปรียบใครบางคนมีภาระที่ต้องแบกรับ" หนึ่งในนางพยาบาลสาวพูดขัดทันทีที่คุณหมอเสนอตัวเอง
"ไม่เป็นไรหรอกวันนี้ถือว่าผมเลี้ยงขอบคุณ พวกคุณทุกคนที่ช่วยงานผมแล้วกันนะ" คุณหมอหนุ่มก็ยังยืนยันคำเดิมตามจุดประสงค์ของตัวเองที่จะเลี้ยงอาหารในมื้อนี้ให้กับบุรุษพยาบาลและนางพยาบาลที่เข้าเวรพร้อมกับเขาและช่วยงานเขาได้เป็นอย่างดี เป็นการตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ
."นั่นใช่คุณหมอเจ้าของไข้ของหนูหรือเปล่าสกาว บังเอิญจริง ๆ เลย" สกายที่นั่งชมบรรยากาศภายในร้านก็ไปสะดุดตาเข้ากับหมอหนุ่มที่กำลังเดินนำทีมเข้าร้านมา
"ใช่ค่ะ ช่างบังเอิญจริง ๆ โลกกลมชะมัดเลย" สกาวบ่นพึงพาออกมาคนเดียวแต่ก็ไม่พ้นพี่ชายที่ได้ยินน้องสาวพึมพำออกมาอย่างนั้น
"คงจะเป็นตามทฤษฎีโลกกลมในหนังสือที่พวกเราเคยเรียนมาล่ะมั้ง" สกายบอกออกมาอย่างไม่จริงจังนักเพราะเขาไม่ค่อยได้จำเท่าไหร่ กับทฤษฎีที่พิสูจน์อะไรไม่ค่อยได้นอกจากจะปฏิบัติเองเท่านั้น
"ค่ะ เราเข้าไปทักทายคุณหมอหน่อยดีไหมคะ" สกาวถามพี่ชายออกมาแบบนั้นทั้งที่ในใจว้าวุ่นไปหมดไม่อยากพบไม่อยากเจอแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเสียงพี่ชายดังขึ้นพร้อมคำตอบ
"เอาสิเราควรจะเข้าไปทักทายคุณหมอสักหน่อยนะ" สกายก็เห็นด้วยกับน้องสาวตัวเองที่พูดออกมาแบบนั้น เพราะเขาเองก็ไม่อยากเป็นคนเสียมารยาท