วันวุ่นวายของ(ทักษ์) 30%
เกิดอะไรขึ้น !!
เสียงเอ๊ะอะโวยวายตั้งขึ้นตรงทางเดินหนีไฟของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในต่างประเทศ
"คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!" เสียงผู้หญิงโวยวายขึ้นทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับหมอหนุ่ม
"ผมทำอะไรครับ" ผมถามยัยแก่แว่นหนาเตอะด้วยความสับสน เพราะอยู่ ๆ เธอก็มาโวยวายและต้องการเจอผม
"ไอ้คุณหมอ!! นี่แก แก" เสียงร้องของหญิงไวกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเอามื้อชี้หน้าคุณหมอทักษ์ด้วยความโมโหและโกรธมาก
"หึ แกอะไรครับผมอยู่ของผมดี ๆ แล้วนะ ป้าเป็นอะไรมากไหม อยู่ ๆ ก็มาเอ๊ะอะโวยวายรบกวนคนไข้และหมอคนอื่น ๆ" มนุษย์ป้าอีกแล้วสินะเจอแต่ละวันผมแทบจะอัดพารา เป็นตัน ๆ แล้วมั้ง สงสัยหน้าที่การงานผมคงยุ่งไม่พอ
"ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!"
"นี่! ป้าถ้าจะกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้ผมฟ้องได้นะครับ" ผมบอกคนที่มาเรียกร้องโวยวาย ทันที
ตึก ๆ ตึก หลังจากที่ผมพูดจบก็มีเด็กผู้หญิงรีบวิ่งเข้ามาทันที และำยายามลากแขนคนที่มากล่าวหาผมออกไป
"ยะ..ยาย พอเถอะนะ นะคะ ถือว่ากาวขอร้อง" เธอสงสายตาอ้อนวอนไปให้ยัยป้าคนนั่น
"ได้ยังไงฮะ มันทำแกท้องก็ต้องรับผิดชอบ!!" คนเป็นยายบอกกล่าวกับหลานสาวอย่างไม่ยินยอม
ผมฟังบทสนทนาพวกนี้อย่างใจเย็นแม้จะโกรธและโมโหมากแค่ไหนผมก็ต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้เพื่อหน้าที่การงานในอนาคต
"ยายพอเถอะนะ นะคะกาวขอร้องละ นะยายนะ เขาไม่ใช้คนทำสักหน่อยยาย ยายเข้าใจผิดแล้วเรากลับกันเถอะนะ" ผมมองเธอที่ขอร้องป้าที่มาหาเรื่องผม น้ำตาเธออาบนองเต็มสองแก้ม
"อึก ขะ..ขอโทษคุณหมอด้วยนะคะยายหนูคงเขาใจผิดนะคะ" ฉันยิ้มทั้งน้ำตากล่าวขอโทษคนตรงหน้าทันทีเพราะไม่อยากยุ่งไม่อยากให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องที่ฉันเป็นคนก่อเอาไว้เอง
"ไม่เป็นไร แต่คราวหลังอย่ากล่าวหาใครมั่ว ๆ อีก" ผมบอกกับเธอ ก่อนจะหันไปจ้องมองและบอกกับป้าหรือยายของเธอที่หันมาสบตาผมโดยแววตานั้นเหมือนจะแข็งกร้าวและเคลือบแค้น
"เหอะ เป็นหมอซะเปล่าแต่ไร้จรรยาบรรณน่ารังเกียจ" หลังจากที่ยายของผู้หญิงคนนี้พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที
"หนูขอโทษด้วยนะคะคุณหมอ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ" ฉันรีบกล่าวขอโทษเขาทันทีและรีบวิ่งตามคุณยายของตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโกรธมากด้วย
บ้าน
"เหอะแกก็เหมือนกันยัยกาว เป็นสาวเป็นนางปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชายเอาจนท้อง ที่ฉันพรำสั่งพรำสอนมานี้ไม่คิดจะจำเลยใช่ไหม" คุณยายบ่นให้ฉันตั้งแต่โรงพยาบาลยันตอนนี้อยู่บ้านก็ยังว่าให้ไม่หยุด
"คุณยายคะ~" ฉันเรียกยายอย่างคนสำนึกผิด
"เสียงดังเอ๊ะอ่ะอะไรกันครับเนี่ย" พี่สกายเดินเข้ามาสวมกอดคุณยายที่กำลังโมโหให้ฉันอยู่
"ก็น้องสาวแกนะสิ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ฉันสอนมาตั้งเท่าไหร่สุดท้ายก็จนได้ ถ้ารู้ว่าโตมาจะทำตัวแบบนี้ฉันไปเสียแรงพร่ำสอนจนปากจะฉีกหรอกนะยะ"
"คุณยายครับคนเราก็ผิดพลาดกันได้นิครับ อย่าไปซ้ำเติมน้องมันเลยนะครับ" พี่สกายพยายามออดอ้อนคุณยายเพื่อที่จะได้เลิกบ่นให้ฉัน
"ตั้งใจนะสิไม่ว่า รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานอยู่แล้วยังจะไปเสนอตัวให้ไอ้คนไร้จรรยาบรรณนั่นอีก! เหอะ!!" เห้อสุดท้ายก็วนมาเรื่องนี้จนได้ให้ตายสิ
"ก็กาวยังไม่พร้อม" ฉันบอกออกไปตามความจริง
" ไม่พร้อม ไม่พร้อม แต่แกท้องนี้นะยัยสกาว!" โอเคฉันไม่ควรอธิบายอะไรสินะ
"พรุ่งนี้แกเก็บของเลยเราจะกลับไปอยู่เมืองไทย!"
"แต่คุณยายคะ~"
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละ ส่วนตาสกายเรียนอยู่นี้แหละใกล้จบแล้วนิ" และผู้กำหนดชีวิตเราสองคนก็คงจะมีแค่คุณยายนี้แหละ ส่วนคุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวชีวิตของลูกอย่างพวกเราเลย
โรงพยาบาล
"คุณหมอคะท่าน ผอ. เรียกพบค่ะ" นางพยาบาลสาวเดินเข้ามาบอกหมอทักษ์เมื่อช่วงเวลาพักพอดี
"ครับ เดี๋ยวผมไป" หลังจากรับคำคุณหมอหนุ่มก็เริ่มนวดขมับตัวเอง
.
.
ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล (ห้อง ผอ.ผู้บริหารระดับสูง)
แอ๊ด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองหลานชายตัวเอง
"สวัสดีครับท่าน ผอ." ผมทักท้ายคุณอาไปตามมารยาท
"ไงเรา นั่งก่อนสิทักษ์ อามีเรื่องจะคุยด้วยแล้วก็อยากเจอเราพอดี ทำไมไม่กลับบ้านบ้างหื้อ พ่อแม่นายคิดถึงจะแย่รู้ไหมมาบ่นให้อาฟังทุกวันเลย" ผมฟังอาที่บอกกับผม แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ ปกติพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ผมอยู่แล้วจะมาคิดถึงอะไรเอาปานนี้
"ไหนอาบอกมีเรื่องจะคุยไงครับ ผมฟังอยู่" ผมบอกกลับไปเพราะไม่อย่างเฉไฉไปเรื่องอื่น ตอนนี้ผมโฟกัสที่เรื่องงานและเรื่องของตัวเองเป็นหลัก
"โอเค ๆ อาอยากให้เราย้ายไปทำงานสาขาที่ไทยนะเราจะสะดวกหรือเปล่า ทางที่ดีลองปรึกษาพ่อกับแม่นายดูก่อนก็ได้นะทักษ์ อาไม่รีบ แต่ขอคำตอบภายในครึ่งปีนี้นะ" ผมฟังอาทิวเขา อยู่เงียบ ๆ และคิดตาม ก็ดีผมเบื่อที่นี้เต็มทนวัน ๆ มีแต่คนไข้ปราสาท มาวุ่นวายไม่เลิก
"ผมโตแล้วคับอาผมตัดสินใจเองได้ ทำไมต้องให้ผมปรึกษาพ่อแม่ด้วยทำอย่างกับอยู่ให้ปรึกษาอย่างนั่นแหละ" ผมพูดจาประชดออกไป แต่มันก็คือเรื่องจริง พ่อแม่ของคนอื่นผมไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับผม พ่อกับแม่ไม่เคยมีเวลาให้ ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของผมก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา
ผมไม่โกรธไม่เกลียดที่พวกเขาไม่มีเวลาให้ ผมเลยเลือกที่จะเรียน หนัก ๆ เพื่อที่จะไม่มีเวลาว่างมาคิดวุ่นวายหรือน้อยใจพวกท่านเช่นกัน
"เฮ้อ~ เรานี้นะเอาเถอะ ๆ ตามใจ ตัดสินใจอย่างไรก็บอกอาอีกทีละกัน นี้ก็จะบ่ายแล้วทานอะไรมาหรือยังละ จะออกไปกินข้าวกับอาไหม" ทิวเขาถามหลานชายด้วยความเอ็นดูแม้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้จะไม่ค่อยว่างตามที่หลานชายบอก จริง ๆ นั่นแหละไม่รู้จะวางมือเรื่องธุรกิจได้ตอนไหน
"ไม่ดีกว่าครับผมขอตัว ผมทานมาแล้วเดียวจะมีเคสด่วนเข้ามาด้วย ผมไปทำงานก่อนแล้วกัน ไปละครับคุณอาสวัสดีครับ" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรเลย เพราะมีเคสด่วนเข้ามาจริง ๆ นั่นแหละ
.
.
ภายในห้องของทิวเขา
"ไงละพี่ชาย ฮ่า ๆ ฮ่า ละเลยหน้าที่ดีนักลูกไม่สนใจเลย สมน้ำหน้า ฮ่า ๆ ฮ่า" ทิวเขาว่าและหัวเราะให้พี่ชายอย่างสะใจ เพราะเขาเคยเตือนพี่ชายกับพี่สะใภ้ตัวเองไปหลายครั้งแล้ว จนเหนื่อยจะพูดจะเตือน
"เอ่อกูรู้แล้วไม่ต้องซ้ำเติมมึงนี่แม่ง สมเป็นน้อง เห-ี้ยของกูจริง ๆ นะซ้ำเติมกูเก่งเหลือเกิน" ทิวทัศน์ว่าให้น้องชายตัวเองทันที เพราะเขาได้ยินสิ่งที่ลูกชายตัวเองพูดทุกอย่าง หลังจากนี้คงวางแผนกับภรรยาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ลูกชายให้มากกว่านี้อีกหน่อย
“ถึงจะไม่ใช่คนดีมาก แต่งานนี้ผมช่วยพี่แล้วนะครับ โอนด้วยห้าล้าน” และนี้แหละคือตัวตนของ ผอ.โรงพยาบาลชื่อดังในต่างแดน หน้าเงินขูดรีดกับพี่น้อง
“เป็นการขูดรีดที่เลือดเย็นมากรู้ตัวหรือเปล่าทิวเขา” พี่ชายสายเลือดเดียวกันแทน ๆ ยังขูดรีดเงินตรากันขนาดนี้ไม่อยากจะคิด ว่าใครมาขอความช่วยเหลือจากมันยอดจะไม่ทวีคูณไปเป็นสิบ ๆ เท่าเลยเหรอ
“รู้น่า ก็ช่วยไม่ได้พี่ไม่ใส่ใจลูกตัวเอง อ่ะนะนี้ผมก็บวกค่าเลี้ยงดูไปแล้วนะยังไม่ถึงครึ่งเลยนะเนี่ย บวกเพิ่มอีกสักนิดดีไหมน๊า~” ทิวเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์ตามภาษาน้องชายใจบาป
“พอ ๆ เลิกคิดล้างผลานพี่ชายตัวเองได้แแล้ว รวยก็ รวย โรงบาลก็มีตั้งสองสาขาจะเอาเงินจากพี่ทำอะไรเยอะแยะทิวเขา” เงินแค่ไม่กี่ล้านเขาไม่ได้งกหรอกนะแต่เหตุผลของน้องชายนี่สิอยากจะรู้เหมือนกัน
“ถามได้ก็เอามาไว้เป็นค่าสินสอดให้น้องสะใภ้พี่ในอนาคตไง อย่าลืมละว่าผมยัังหาเมียไม่ได้เพราะใคร ชิน่าหมั่นไส้ชะมัดเลย” ทิวเขายังคงมองพี่ชายด้วยแววตาทะเล้นและเจ้าเล่ห์ตามฉบับน้องรักเหมือนเดิม อม้เรื่องราวในอดีตจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้และก็ลืมไม่ได้เช่นกัน
“ทิวเขา พี่เคยขอร้องนายแล้ววไม่ใช้เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก” ทิวทัศน์เรียกน้องชายเสียงเข้มขึ้นมาทันที แล้วใครมันจะไปรู้เล่าว่าภรรยาของเขาจะเป็นอดีตคนรักของน้องชาย
“ขอโทษ ขอโทษก็คนมันลืมตัวใครบอกให้พี่ถามจี้กันเล่า โอนมาก็้พอเดียวจะไปเกลี่ยกล่อมหลานให้ละกัน” ทิวเขารีบบอกพี่ชายไปทันทีเพราะตัวเขาเองพอนึกถึงเรื่องนี้ที่ไรก็เผลอหลุดปากลืมตัวตลอดเลย
“อืม ๆ ช่างเถอะเดียวพี่โอนเข้าบัญชีแกเลยละกันไปละ” ทิวทัศน์ พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีเพราะเขานัดกับ ภรรยาเอาไว้แล้ว
หลังจากที่พี่ชายออกไปเพียงไม่นานข้อความแจ้งเตือนการโอนเงินก็ดังขึ้นมาทันที ทิวเขามองด้วยความพึ่งพอใจกับจำนวนเงินเกินจากที่ขอไป หระตุกพี่ชายนิด ๆหน่อย ๆ ก็ได้คาสัมมาคุณมาสองเท่าแบบเก๋ ๆ ตามสไตล์คนล่อและฉลาด
บนตึกแผนกสูนติ
“คุณหมอคะมาพอดีเลยมีเคสผ่าคลอดด่วนค่ะคุณหมอปากมดลูกคุณแม่เปิดแต่เด็กไม่ยอมกลับหััว ทางญาติคนไข้เซ็นเอกสารเรียบร้อยค่ะรอคุณหมอทำการผ่าคลอด” ผู้ช่วยพยาบาลรีบพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เห็็นหมอทักษ์ กลับเข้ามาในแผนกแล้ว
“โอเคอุปกรณ์พร้อมแล้วใช้ไหมครับ คนไข้ต้องการผ่าแบบไหนบล็อคหลังหรือดมยา” ผมถามพยาบาลผู้ช่วยที่คุณอาส่งมาให้ค่อยช่วยงานทันทีที่กลับเข้ามาในตึกแผนกที่ประจำอยู่