ไม่รู้จัก 70%

1917 Words
"___" ... "___!?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบและยังไม่ตอบอะไรสกาวก็ได้แต่เงียบและรอฟังอย่างใจเย็น "นั่งก่อนสิคะ" ฉันบอกกับคุณใบหม่อนที่ยังไม่เคยปากพูดอะไรไม่รู้ว่าแค่แวะมาทักทายเฉย ๆ จริง ๆหรือเปล่าหรือมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับเธอกันแน่ท่าทางดูเหมือนว่าจะคิดหนักมากเลยทีเดียว "ขอบคุณค่ะ" หลังจากคำเชิญชวนใบหม่อนก็นั่งลงข้าง ๆ สกาวทันทีพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เล็กน้อยราวกับว่ามีความในใจมากมายอยู่เต็มเปี่ยมที่อยากจะคุยกับสกาว "คุณใบหม่อนมีอะไรจะคุยกับกาวหรือเปล่าคะมีเรื่องหนักใจหรือทุกข์ร้อนใจอะไรระบายกับกาวได้นะคะกาวเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอค่ะแม้เราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็เถอะ" ระหว่างรอรับยาฉันก็รู้สึกว่าโชคดีที่มีคนเข้ามาทักมาคุยด้วย "คือจริง ๆ แล้วก็มีเรื่องอยากจะขอคุณกาวนิดหน่อยนะคะไม่ได้สำคัญอะไรมากแต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณกาวเข้าใจดี" ใบหม่อนพูดออกมาทันทีหลังจากที่หญิงสาวถามขึ้นมา "พูดได้นะคะเรารับฟังเสมอค่ะ" สกาวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแล้วมองคนที่อยากจะคุยกับเธอ "ว่าแต่คุณกาวอายุเท่าไหร่หรอคะ ส่วนหม่อนตอนนี้อายุ 25ปี แล้วค่ะ" เธอถามอายุของสกาวพร้อมกับบอกอายุของตัวเองไปด้วยเพื่อซอฟอาการเสียมารยาทในการถามไถ่เรื่องส่วนตัว "กาวเพิ่งอายุได้ 18ปีค่ะ" สกาวตอบออกมายิ้ม ๆ โดยไม่ได้อะไรเลยเพราะอายุไม่ได้สำคัญเท่าวุฒิภาวะทางสมองของแต่ละคน "อะ..อ่อ~" ซึ่งอายุของอีกฝ่ายที่กล่าวมานั้นทำให้เจ้าของประโยคที่ถามออกไปเมื่อครู่ถึงกับออกอาการพึมพำไปเลยไม่คิดว่าอายุของเธอกับเด็กสาวจะห่างกันมากขนาดนี้ "งั้นกาวขออนุญาตเรียกคุณใบหม่อนว่าพี่นะคะเพราะกาวอายุน้อยกว่าคุณใบหม่อนตั้ง 7 ปีแน่ะ" ฉันบอกกับผู้หญิงตรงหน้าซึ่งฉันมั่นใจมาก ๆ ว่าเธอคนเดียวต้องมีซัมติง กับพี่ชายของเธอแน่นอน "อ่อ ๆ ได้ค่ะ ได้ค่ะ" ใบหม่อนพยักหน้าตอบรับทันที ตืด ตืด ตืด เสียงสายเรียกเข้าของโทรศัพท์ใบม่อนดังขึ้นทำให้เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวรับโทรศัพท์ "คือหม่อน เอ่อคือพี่ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะไว้มีโอกาสคงได้เจอกันอีกค่ะ" ใบหม่อนชิวโทรศัพท์ขึ้นมาให้สกาวดูเหมือนว่าเธอจะโดนเพื่อนโทรตามเรียกตัวกลับไปทำหน้าที่ของตนเองแล้วแล้วในตอนนี้ "โอเคค่ะพี่ใบหม่อนไว้มีโอกาสคงได้เจอและได้คุยกันอีกค่ะ โชคดีนะคะ" สกายพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับกล่าวคำอวยพรและโบกมือลาในขณะเดียวกัน "เช่นกันค่ะ" หลังจากนั้นใบหม่อนก็เดินออกไปรับสายแล้วก็จากไปในทันที "ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ" สกายบนออกมาหลังจากที่หญิงสาวได้เดินจากไปแล้วเพราะเธอมั่นใจมากว่าพี่ใบหม่อนมีเรื่องจะคุยกับเธอแน่ ๆ . "ยังไม่ได้รับยาอีกเหรอ" ผมเดินเข้าไปถามคนที่นั่งรอคิวรับยาอยู่หน้าห้องจ่ายยาทันทีที่ยังเห็นเธอนั่งเหม่ออยู่ "คุณหมอทักษ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ" ฉันที่นั่งเหม่อลอยอยู่ก็จำต้องได้สติเมื่อมีคนเอ่ยทักทายขึ้นมาแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคุณหมอคนเดิมที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอด้วยแล้วตอนนี้ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง "ไม่มีครับแค่เห็นเลยแวะมาถามว่าคุณยังไม่ได้รับยาอีกเหรอ" ผมถามเธอออกมาเพราะตอนนี้คิวยาก็รันไปที่ร้อยกว่าแล้วเหมือนกัน "ก็เขายังไม่เรียกนี่คะจะรับยาได้ยังไงล่ะคุณหมอนี่ก็ถามอะไรแปลก ๆ นะโรงพยาบาลคือที่ทำงานตัวเองแท้ๆ" ฉันตวัดสายตามองคุณหมอเจ้าของไข้ตัวเองที่ถามอะไรไม่คิดหรือคิดแล้วก็ไม่รู้ เพียงแค่เธอไม่อยากจะใส่ใจมากนัก "แล้วคุณคิวที่เท่าไหร่ล่ะครับตอนนี้คิวมันรันไปที่ร้อยกว่าแล้วนะ" ผมถามเธอออกมาทันทีพร้อมกับชี้ไปที่เลขที่ขึ้นโชว์ตามคิวด้านบนป้ายหน้าห้องยา "เฮือก!! คิวนี้แหละค่ะคุณหมอ! ขอตัวก่อนนะคะ" พอเห็นเลขคิวตัวเองโชว์ขึ้นเด่นหลาขนาดนี้ก็ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเดินไปหน้าห้องยาทันที "ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ คิวไม่ได้รันผ่านไปเร็วขนาดนั้น" หมอทักษ์ที่เดินตามมาก็บอกกับเธอไปตามตรงเพราะโรงพยาบาลของอาเขามีมาตรฐานพอที่จะจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้รับทุกคนโดยไม่เร่งรีบเรียกคิวถัดไป "ก็คนมันไม่รู้นี่นา ไม่รู้ไม่ผิดหมอเคยได้ยินไหมคะ" สกาวหันไปมองหน้าหมอพร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทางกวน ๆออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่กลับทำให้คนมองอมยิ้มได้โดยไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ทำไมอยู่ใกล้หรืออยู่ด้วยแล้วเขารู้สึกสบาย และเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวก็คือครั้งที่คุณยายของหญิงสาวนั้นมาโวยวายให้เขานั่นแหละจุดเริ่มต้นของเขาและเธอ อนาคตไม่รู้ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของไข้ของหญิงสาวคนที่รอรับยาอยู่ตอนนี้ "เคยได้ยินครับ แต่ใช้กับทุกสถานการณ์คงไม่ได้หรอกมั้งครับ" ผมบอกกับเธอออกไปทันที ที่เธอถามออกมา "ก็จริงอย่างที่คุณหมอว่านั่นแหละค่ะ" สกาวพยักหน้าเข้าใจรับรู้ ในสิ่งที่คุณหมอพูด แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะเพราะเรื่องนี้เธอไม่รู้จริง ๆ แต่ละโรงพยาบาลไม่เหมือนกันอันนี้เธอทราบดี เพราะตอนเด็กเธอป่วยบ่อยและเข้าโรงพยาบาลบ่อยเป็นว่าเล่นแถมยังเปลี่ยนโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นไม่ต่างกันเพราะว่ารักษาที่ไหนก็ไม่หายขาดสักทีจนกระทั่งเธออายุได้ 13 ปีทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น ถ้าทำความเข้าใจง่าย ๆ ก็คืออาการป่วยอิด ๆ ออด ๆของเธอมันดีขึ้นเองตามภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะอาการดีขึ้นเองแบบเธอได้ "ครับ! เดี๋ยววันหยุดของผมผมแจ้งคุณอีกทีแล้วกันนะครับ" หมอทักตอบรับแล้วก็บอกเรื่องที่เขาจะคุยกับเธอและจะแจ้งวันนัดให้เธออีกที "ค่ะคุณหมอ" สกาวตอบรับไม่ได้สนใจเพราะเธอกำลังค้นหากระเป๋าตังค์ตัวเองอยู่ "ค่ายาทั้งหมด 180$ ค่ะคนไข้" เจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยเภสัชกรบอกราคาของค้ายาที่เธอต้องชำระ "สักครู่นะคะ" สกาวตอบกลับไปแล้วก็ยังค้นหากระเป๋าตังค์ตัวเองต่อ สรุปหายังไงก็ยังหาไม่เจอสักทีเธอไม่แน่ใจว่าเอากระเป๋าสตางค์ตัวเองไปไว้ที่ไหน "เอ่อทางโรงพยาบาลรับเงินจ่ายผ่านพร้อมเพย์ไหมคะไหมคะ" สกาวที่หากระเป๋าสตางค์ตัวเองไม่เจอก็เลยถามขึ้นมาทันทีเพราะตอนนี้เธอมีแค่โทรศัพท์ที่พึ่งพาได้ "มีค่ะคนไข้รอสักครู่นะคะ" จากนั้นไม่นานพนังงานเจ้าหน้าที่ก็หยิบเอาใบสแกนบาร์โค้ดชำระเงินให้กับคนไข้ "โอเคค่ะ" หลังจากได้บาร์โค้ดชำระเงินมาเถอะก็สแกนจ่ายออกไปทันทีโชคดีที่โรงพยาบาลทันสมัยและมีการรับสแกนจ่ายเงิน "เรียบร้อยค่ะ" หลังจากที่ฉันสแกนสายเงินค่ายาเสร็จก็ยื่นสลิปก*********นผ่านหน้าจอมือถือให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ดู "โอเคค่ะคนไข้เรียบร้อยแล้วค่ะเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะคะ" พนักงานเจ้าหน้าที่ของห้องจ่ายยาก็ตอบรับและอวยพรคนไข้ของโรงพยาบาลยังนอบน้อม และห่วงใย "ขอบคุณค่ะ" ฉันหยิบยาบำรุงของตัวเองก่อนจะเอาใส่ในกระเป๋าก็ต้องชะงักไปเมื่อหันหลังเตรียมกลับคุณหมอก็ยังยืนเฝ้าอยู่ข้านหลังของเธอ "คุณหมอมีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่าคะ" สกาวถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะว่าคุณหมอเจ้าของไข้ ของเธอนั้นทำตัวราวกับคนว่างงานไม่มีอะไรทำ ซึ่งเวลานี้มันเลยช่วงพักมาหลายนาทีแล้ว " ไม่มีอะไรแค่รอคุณรับยาเฉย ๆ" ผมบอกเธอแบบนั้นซึ่งผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองมายืนรอเธอรับยาอยู่ตรงนี้ตั้งนาน สองนาน ความจริงแล้วผมควรจะกลับห้องทำงานของตัวเองไปพักผ่อน "พูดเป็นเล่น คุณหมอมายืนรอทำไมคะไม่มีการมีงานทำแล้วหรือยังไงคะเนี่ย" กรีดดด!! ยัยสกาวอยากตบปากตัวเองหลาย ๆ รอบ ๆ 'พูดอะไรออกไปเนี่ยยัยสกาวยัยบ้าเอ้ย' เธอได้แต่บ่นพึมพำในใจตัวเอง "มีครับแต่ตอนนี้ผมว่างอยู่ ก็เลยมาคุยกับคุณแล้วก็รอคุณรับยาอยู่นี่ไง" เออสิ! เอาเข้าสกาวอยากจะเป็นเวลาว่าง ๆ ของคุณหมอ "โอเคค่ะคุณหมอ แต่ก็ต้องขอบคุณคุณหมออีกครั้งนะคะที่แนะนำวิธีดูแลตัวเองและวิธีดูแลลูกแฝดในครรภ์" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องและเบี่ยงเบนประเด็นทันทีที่คิดว่าอาจจะเกิดสงครามอารมณ์ขึ้นมาได้ "ครับยังไงคนไข้ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ แล้วกันอย่าทำอะไรเกินตัวนะครับยิ่งเป็นท้องแฝดยิ่งอันตราย" คุณหมอผู้ดูแลคนไข้ก็ไม่วายย้ำอีกครั้งเพื่อให้เธอได้ละแวกระวังตัวเองเป็นพิเศษจะได้ไม่มีผลกระทบต่ออายุครรภ์อันน้อยนิดของเธอ "รับทราบค่ะคุณหมอ กาวจะดูแลตัวเองและลูก ๆ ของกาวอย่างดีแน่นอนค่ะคุณหมอไม่ต้องห่วงยังไงพวกเขาทั้งสองคนก็ต้องได้ออกมามองโลกใบนี้แน่นอน" ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวันนี้มันเป็นวันอะไรมีคนเป็นห่วงเป็นใยตัวฉันมากเป็นพิเศษปกติก็แทบจะไม่มีใครเป็นห่วงเป็นใยเธอเลยนอกจากคุณยายที่อบรมสั่งสอนบ่มนิสัยมาสารพัดสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นดั่งใจที่คุณยายคาดหวังเอาไว้ และอีกคนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพี่ชายผู้แสนดีของเธอแม้จะขี้งก เกินงามไปหน่อยก็เถอะ "อ้าวเสร็จแล้วหรอสกาวพี่ซื้อของเสร็จพอดีเลยเนี่ย" สกายที่เดินเข้ามาเห็นว่าน้องสาวตัวเองได้รับยาแล้วเพราะเธอยืนคุยกับคุณหมออยู่หน้าห้องจ่ายยา "สวัสดีครับคุณหมอ" สกายเอยทักทายอย่างเป็นมิตรไม่ได้มีอคติอะไรกับผู้ชายที่เข้าหาน้องสาวยังไงเขาก็รู้ตัวดีว่าน้องสาวเขาเอาตัวรอดเก่ง "สวัสดีครับ" หมอทักษ์เอง ก็เอ่ยทักทายตอบกลับไปตามมารยาทของสังคม น้อยนักที่จะเจอคนชาติเดียวกันในต่างแดนแต่ก็ยังเจอได้บ่อย ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD