5

1529 Words
“ยายหน้าจืด มายืนเซ่ออะไรอยู่แถวนี้ ไม่เห็นหรือไงว่านี่มันถนน อยากตายนักหรือไงห๊ะ” คนที่ลงมาจากพูดลิ้นพันกัน น้ำเสียงอ้อแอ้ ชี้หน้าเพลงพิณอย่างเอาเรื่อง สภาพโงนเงนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ทำให้เพลงพิณถอยหลังไปอีกหลายก้าว “คนเมาอะแก” เฌอร์รินกระซิบที่หูของเพื่อน “เห็นแล้ว หน้าตาเหมือนโจรเลยแก ซวยอะไรแบบนี้” เพลงพิณตอบกลับ ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ “ได้ยินไหมยายไม้กระดาน สวยก็ไม่สวยยังมายืนเอ๋ออยู่กลางถนน รึมาโบกรถให้ผู้ชายหิ้วขึ้นรถ” โทธวิทชี้นิ้วว่าอีกฝ่าย “ใครไม้กระดานห๊ะ ไอ้หน้าโจร ยืนโบกรถให้ผู้ชายหิวอะไร ฉันไม่ได้มาขายตัวนะ ไอ้คนทุเรศ” เพลงพิณว่ากลับอย่างโมโห “ไอ้เพลง แกอย่าไปมีเรื่องกับเขาเลย” เฌอร์รินกระตุกแขนเพื่อน “ไปกลัวอะไรกับคนเมา” เพลงพิณพูดอย่างไม่กลัว คนตรงหน้าหนวดเครารกรุงรัง มองยังไงเธอก็กลัว แต่ทำใจดีสู้เสือเอาไว้ “นี่ยายไม้กระดาน ไม่สวยแล้วยังปากดีอีก” โทธวิทจิ้มหน้าผากของอีกฝ่ายจนหน้าหงาย “อุ๊ย! คนบ้า ชอบทำร้ายผู้หญิงเหรอไง” เพลิงพิณปัดมือเขาออก “ผู้หญิงปากดีแบบเธอ เดี๋ยวเจอดี” “อย่ามาขู่เสียให้ยากเลย ไม่กลัวหรอก” คำพูดของเพลงพิณทำให้โทธวิทย่างสามขุมเข้าหา เขาจับแขนเรียวของเธอเอาไว้ ในขณะที่เฌอร์รินกรีดร้องอย่างตกใจ “โอ๊ย!” แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะทำอะไรเธอได้ ก็โดนกัดเข้าไปเต็มๆ เพลงพิณกัดที่แขนของเขาเต็มๆ แรง “หนีเร็วเพลง” เฌอร์รินคว้าแขนเพื่อนจะพาอีกฝ่ายออกวิ่ง เพลิงพิณยกเข่าขึ้นกระแทกหว่างขาของชายหนุ่มเต็มแรง เขาลงไปนอนกองกับพื้น ตัวงอด้วยความเจ็บ แล้วเธอก็วิ่งตามแรงลากจูงของเพื่อนอย่างไม่คิดชีวิต คิดว่าในชีวิตนี้ครั้งนี้วิ่งได้เร็วสุดและไกลสุด ยิ่งกว่านักวิ่งเร็วคนไหนเสียอีก เอี๊ยด!!! กรี๊ด!!! เสียงเบรกรถและเสียงกรีดร้องของเพื่อนรักทั้งสองดังประสานกันพร้อมๆ กับร่างที่ล้มลงไปกองกับพื้น เอกวัฒน์ตกใจอยู่ไม่น้อย คุณหมอหนุ่มรีบเปิดประตูรถลงมาดูสองสาวอย่างรวดเร็ว “เป็นยังไงบ้างครับคุณ” “ขับรถไม่ดูเลย ไม่มีตาหรืองะ... ไง” เฌอร์รินเตรียมด่าเต็มที่ แต่พอเงยหน้าขึ้นถึงกับอ้าปากค้าง “เป็นอะไรยายเฌอร์” เพลงพิณหันมองตามสายตาเพื่อน ในขณะที่ตัวเองมองรอยถลอกที่ข้อศอกแล้วซี๊ดปากด้วยความแสบ “พวกคุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” เอกวัฒน์ถามซ้ำอีกครั้งในขณะที่เพลงพิณอ้าปากค้างตามเพื่อนไปอีกคน เมื่อเงยหน้ามองคนถามชัดๆ “มะ... ไม่เป็นอะไรมากค่ะ” เพลงพิณรีบตอบเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ “พวกคุณจะไปไหนกันเหรอครับ แล้ววิ่งหนีอะไรกันมา” “พวกเราวิ่งหนีเอ่อ... คนบ้าค่ะ คนโรคจิต” เพลงพิณรีบตอบ ยังตกใจไม่หายกับเหตุการณ์เมื่อครู่ “แถวนี้มีคนบ้าด้วยเหรอครับ ไม่เคยเห็นนะครับ” เอกวัฒน์ทำท่าคิด ขมวดคิ้วเข้าหากัน “มีสิคะ โรคจิตค่ะ เมาแอ๋เลย” “แล้วพวกคุณจะไปไหนกันเหรอครับ” เอกวัฒน์ถามซ้ำอีกครั้ง เผื่อสองสาวจะขอความช่วยเหลือ “จะไปไร่ไพรรักค่ะ” “ไปไร่ไพรรักเหรอครับ” เอกวัฒน์ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ใช่แล้วค่ะ พวกเราจะไปหาเพื่อนน่ะค่ะ เพื่อนของเราตรีชฎาน่ะค่ะ คุณรู้จักไหมคะ” เพลงพิณตอบชายหนุ่มตรงหน้า เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน เหมือนเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ดันนึกไม่ออก “งั้นให้ผมไปส่งไหมครับ แล้วรถพวกคุณล่ะครับ” “ดีเลยค่ะ รถพวกเรากำลังเสีย” เพลงพิณรีบบอก เธอกลัวกลับไปที่รถแล้วเจอกับอีตาโรคจิตนั่นอีก “ดูเหมือนคุณจะหน้าคุ้นๆ นะคะ” เฌอร์รินเอ่ยถาม พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก “หน้าผมเหมือนใครเหรอครับ” เอกวัฒน์ยิ้มให้อย่างมีไมตรี “เหมือน เอ่อ... เหมือนใครวะเพลง” เฌอร์รินถามซ้ำก่อนจะเกาหัวไปมา หันมาถามเพื่อนรัก “อ้าว... แกไม่รู้แล้วฉันจะรู้หรือไง แต่คุณก็หน้าคุ้นๆ จริงๆ นั่นแหละค่ะ” “พวกคุณเคยเห็นผม หรือคุ้นเพราะหน้าเหมือนใครหรือเปล่าครับ” “ก็เหมือนเคยเห็น หรือหน้าเหมือนใครวะแก” เฌอร์รินถามซ้ำ “ไม่รู้” เพลงพิณตอบแต่สายตามองคนตรงหน้าอย่างปลื้มๆ คนอะไรหล๊อหล่อ หุ่นแซ่บเวอร์ไปเลย “ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง แล้วข้าวของพวกคุณอยู่ไหนครับ” เอกวัฒน์เอ่ยถาม เดินไปที่รถแล้วเชื้อเชิญสองสาว “เฮ้ย! ยายเพลง เขาเป็นคนดีหรือเปล่าก็ไม่รู้” เฌอร์รินลากมือเพื่อนเอาไว้ “เป็นคนดีหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ แกมองเขาตาเป็นมัน” เพลิงพิณกระแทกข้อศอกเพื่อนรัก เฌอร์รินแกล้งร้องโอดโอยเกินจริง “แกก็มองย่ะ” “ไม่ต้องกลัวนะครับ รับรองว่าไปกับผมไม่มีอันตรายแน่นอน” “เดี๋ยวผมจะให้คนมาลากรถไปซ่อมให้นะครับ ไปเอาของที่รถกันเถอะ โอเคไหมครับ” เอกวัฒน์เอ่ยถามซ้ำ สองสาวเลยพยักหน้ารับทันควัน เพราะยังไงก็ดีกว่าอยู่ข้างทางแบบนี้ “ยังอยู่ไหมแก” เฌอร์รินคุยกับเพลงพิณที่นั่งคู่กับคนขับ แต่ไม่เห็นรถกระบะคันดังกล่าวที่ทำท่าจะเฉี่ยวชน รวมถึงลงมาหาเรื่องพวกหล่อนด้วยความเมาอีก “ไม่อยู่แล้วแก” เพลงพิณผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก “อะไรเหรอครับ อยู่ไม่อยู่” เอกวัฒน์เอ่ยถาม “คนเมาที่บอกว่าโรคจิตน่ะค่ะ” เพลงพิณหันไปตอบ ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปเอาสัมภาระซึ่งเป็นกระเป๋าเดินทางและของฝากจากรถที่เสียอยู่ เอกวัฒน์เข้าไปช่วยยกกระเป๋าไปใส่ท้ายรถ เฌอร์รินกรี๊ดเสียยกใหญ่ กระซิบกระซาบกับเพื่อนไม่ขาดปาก “สุภาพบุรุษมากแก โอ๊ย! ฟิน บ้านไร่แบบนี้ยังมีผู้ชายแบบนี้อีกเหรอ นึกว่าจะมีแต่เถื่อนๆ” “คนต่างจังหวัดเขาจริงใจ ไม่เหมือนพวกผู้ชายสำอางที่แกเคยคบหรอกย่ะ” เพลงพิณกระซิบกลับ เฌอร์รินหน้างอทันที “ย่ะ! จะแดกดันฉันไปถึงไหน” “ขึ้นรถเถอะยายเฌอร์” เพลงพิณรีบสะกิดเพื่อนเมื่อเห็นชายหนุ่มเก็บสัมภาระของพวกเธอเรียบร้อยแล้ว “ผมชื่อเอกวัฒน์นะครับ เรียกว่าเอกก็ได้” “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเอก” “เรียกพี่ดีกว่าครับ” “แหม... ใจดีจังเลยคะ” เฌอร์รินพูดแล้วยิ้มกว้าง หลงรักชายหนุ่มเข้าเต็มเปา “พี่เอกบ้านอยู่แถวนี้เหรอคะ” เพลงพิณเอ่ยถาม มองคนข้างๆ ตาลอย “ครับ ผมอยู่แถวๆ นี้ครับ อีกไม่ไกลก็ถึงไร่แสนรักแล้วครับ” “พี่ทำงานอะไรเหรอคะ” เฌอร์รินถามบ้าง อยากจะคุยกับผู้ชายใจดีตรงหน้า “พี่เป็นหมอครับ” “ว้าว! เป็นคุณหมอที่ใจดีมาก” “เดี๋ยวถึงไร่แล้วพี่จะทำแผลให้นะครับ เหมือนแขนมีรอยถลอก อีกนิดเดียวนะครับ ไม่เจ็บมากใช่ไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เพลงพิณตอบตาลอย รถยนต์คันโตเลี้ยวเข้าไปจอดในไร่แสนรัก พร้อมๆ กับเอกวัฒน์สั่งคนงานให้ช่วยยกกระเป๋าทางด้านหลังรถไปไว้ในบ้าน สองสาวมองหน้ากันอย่างงงๆ คิดว่าเอกวัฒน์รู้จักคนที่นี่ด้วยเหรอ “ยายเพลง ยายเฌอร์ พวกแกมาแล้วเหรอ” เสียงหวานใสของตรีชฎาทำให้สองสาวหันไปมอง ก่อนจะโผเข้ากอดกันอย่างแสนคิดถึง เพราะไม่ได้เจอกันหลายปี “อ้าว... สองคนนี้มากับพี่หมอได้ยังไงกัน” “พี่หมอเหรอจ๊ะ” เพลิงพิณร้องขึ้น มองหน้าเฌอร์รินก่อนจะหันไปมองหน้าเอกวัฒน์ “อย่าบอกนะว่า...” เฌอร์รินเพิ่งถึงบางอ้อ “พี่ชายคนโตเราไง ที่เคยให้ดูรูปน่ะ” ตรีชฎาเฉลย ทำให้สองสาวนึกขึ้นมาได้ทันที จำได้ว่าตรีชฎาถูกส่งไปอยู่กรุงเทพฯ แต่เด็ก เพราะป้าของตรีชฎาไม่มีลูกเลยขอไปเลี้ยง และส่งเสียให้เล่าเรียน ตอนท่านเสียชีวิตตรีชฎาจึงย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ภาคเหนือ ครอบครัวของตรีชฎาที่ต่างจังหวัด ส่งเงินมาให้อยู่ตลอด แต่เพราะช่วงนั้นมีปัญหาทางไร่และมีหลายอย่างต้องจัดการ เลยไม่ได้ไปมาหาสู่กันสักเท่าไหร่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD